เป็นนักร้องชื่อดังที่มีแฟนเพลงติดตามเยอะมาก สำหรับ ตรี ชัยณรงค์ โดยก่อนหน้านี้เจ้าตัวได้ออกมาโพสต์ข้อความเชิงตัดพ้อครอบครัว บอกว่า "กูคนเดียวรับจบทุกเรื่อง เลย ได้!!!!! เดี๋ยวจบให้ จบที่ผมเลย เดี๋ยวผมจบให้เอง"
ล่าสุดได้เจอ ตรี มาร่วมงานคอนเสิร์ต "ปาร์ตี้พาสุขสันต์ มหัศจรรย์วันดีดี" ของ FM95 ลูกทุ่งมหานคร ที่ บมจ. อสมท เจ้าตัวก็ได้ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นนี้ บอกว่า ที่ผ่านมาตนเองเป็นเสาหลักของครอบครัวมาตลอด ขี้ไม่ออก ฉี่ไม่ออก ก็บอกเรา แต่พอมาตอนนี้ปัญหามันประเดประดังเข้ามาเยอะ ยอมรับว่าเหนื่อยเหมือนกัน เพราะแบกไว้จนจะไม่ไหวแล้ว ก็เลยได้โพสต์ออกมาเพื่อระบาย และก็บอกเขาว่า เดี๋ยวจะเคลียร์ให้ทุกอย่างเอง แต่รอนิดนึง
"หลายสิ่งอย่างเราต้องเป็นเสาหลักของครอบครัว ถ้าภาษาบ้านๆ ก็คืออุจจาระไม่ออก ฉี่ไม่ออกก็เรานี่แหละทุกอย่าง ตอนนี้มันมาประเดประดังอยู่ที่ตัวเราหมดเลยครับ ซึ่งผมเองก็เพิ่งผ่านจัดงานแม่ไปเอง หมดงานแม่ไปค่อนข้างเยอะ จบงานแม่มาก็ยังมีอะไรที่ต้องเข้าหัว
หลักๆ คือปัจจัยเรื่องเงินที่เราหาอยู่คนเดียว มันเหนื่อยเหมือนกันนะ มีหลายเรื่องอยู่ในหัว เรื่องหลังบ้านที่เราไม่สามารถพูดได้เหมือนกัน บางทีเราแบกไว้เยอะๆ จนเราไม่ไหวแล้ว ทำไมต้องที่เราคนเดียว อะไรๆ ก็เราคนเดียว มันก็เลยมีโพสต์นั้นออกมาว่าอะไรๆ ก็จบที่เรา เดี๋ยวเราจะทำให้ หมายถึงเดี๋ยวเราเคลียร์ให้ทุกอย่าง แต่รอนิดนึง"
...
มันหนักกับเรามากเกินไปใช่มั้ย?
"นิดนึงครับ บางทีมันเข้ามา 4-5 เรื่องพร้อมกัน มันก็อึดอัด ถ้ามันไม่สุดๆ จริงๆ เราก็จะไม่ระบายมันออกมา แล้วตรีเคยพูดไปหลายครั้งแล้วว่า เรื่องโพสต์เฟซบุ๊กอาจจะโดนผู้ใหญ่ติงมาหลายครั้งแล้วแหละ เรื่องดราม่าแฟนคลับเราเป็นห่วงเรา ว่าเขาจะพาลให้เรารู้สึกไม่สบายใจไปด้วย แต่ที่นี่เเฟนคลับเขาก็เริ่มเข้าใจเเล้วครับ คือถ้ามันไม่สุดจริงๆ ผมก็จะไม่โพสต์
คือคนเราถ้ามันไม่ได้ระบายออกไปมันจะระเบิด แล้วเวลามันระเบิด มันจะระเบิดแรงมากๆ ครับ มันเหมือนกับได้ยกออกไป โพสต์แล้วก็คือจบ ไม่ได้มีอะไรต่อนะครับ เหมือนมันได้โยนออกไปแล้วมั้งครับ"
แล้วจริงๆ ปัญหาของเราไม่สามารถเคลียร์กันเองได้?
"บางสิ่งบางอย่างมันเคลียร์ ณ เวลานั้นเลยไม่ได้ครับ ซึ่งมันก็เป็นเรื่อง เซ้นซิทีฟกับความรู้สึกของตัวเราเองด้วย เคยเป็นมั้ยกับปัญหาที่ไม่ควรจะเป็นปัญหา แบบนั้นเลย แต่ทำไมมันเกิดปัญหาได้ ทำไมเรื่องแบบนี้ต้องผ่านมาถึงเรา หมายถึงคนรอบตัวเรานะครับ ทำไมต้องเป็นเราที่เป็นคนแก้ปัญหาอะไรอย่างงี้ครับ"
แสดงว่าตัวเราตอนนี้ก็ยังมองหาทางออกของเรื่องนี้ไม่ได้?
"ก็คิดซะว่าชาติที่เเล้วเราให้เขาเลี้ยงเราเยอะมั้ง ชาตินี้เราเลยต้องดูแลเขาแค่นั้นเอง เรื่องดูแลครอบครัว ญาติพี่น้อง พี่เลี้ยงไหวไม่ไหวยังไงก็ต้องไหว เพราะต้นทุนพี่ๆ น้องๆ เราต้นทุนไม่เท่าเรา แต่เรื่องอื่นที่ไม่สามารถลงดีเทลได้
เรื่องแบบนี้จะบอกกับทุกคนว่า ขอโทษที่ทำให้ทุกคนเป็นห่วงนะครับ เพียงแต่ว่าหลังจากนี้ผมก็จะขอบอกกับตัวเองว่า ขอโทษ แล้วก็จะพยามเข้มแข็งให้มากขึ้นกว่านี้ และพยามไม่ทำให้ทุกคนตกใจครับ (หัวเราะ)"
แล้วเราจะต้องแบกแบบนี้ไปตลอดชีวิตหรือเปล่า?
"มันคงไม่ระเบิดหรอกครับ เพราะเราได้ระบายออกมา ถ้าเรื่องที่แบกไปตลอดชีวิตมันก็คงสิ้นสุดวันที่เราไม่มีลมหายใจแล้ว"
หาแฟนมั้ย เผื่อช่วยได้?
"ยากครับ ผมเป็นคนโลกส่วนตัวสูงในบางเวลา เพราะว่าบางทีผมก็กลัวจะไม่มีเวลาให้เขา เรื่องนี้ก็จะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ก็อยากมีอยู่ครับ เรื่องเวลา เรื่องผู้หญิง ก็มีเข้ามาอยู่ครับ เข้ามาเยอะอยู่ครับ (หัวเราะ) เราให้พื้นที่ตอนนี้เก็บไว้ให้น้องสาวของผมก็พอครับ"
...
การระบายตลอดนี้มันมีผลต่องานของเรามั้ย?
"ก็มีครับ ถ้ามันรุนแรงจนเกินไป ด้วยเรามีที่ปรึกษาที่ดี ผมจะมีทีมงานที่ปรึกษาทางบริษัท ทางค่าย ผู้ใหญ่ก็คอยดูแลเราอยู่ตลอดเวลาอย่างเช่นพี่ตุ้ย ถ้ามันรุนแรงเกินไปพี่ตุ้ยก็จะห้ามเราครับ เหมือนพอมันได้โพสต์ไปแล้ว ถ้าเราลบมันก็ได้เหมือนเราได้โยนมันออกไปแล้ว ประมาณนี้ครับ ถ้าทาง PR เขามองก็รู้แล้วครับว่านิสัยผมเป็นคนยังไง เขาก็บอกว่าถ้ามันไม่รุนแรงเกินไป ก็ไม่ได้ว่าอะไรครับ"
สำหรับบางคนมองว่ามันเป็นเรื่องภายในครอบครัว ทำไมต้องออกมาโพสต์?
"อันนี้เหมือนกันครับ ในมุมมองของผมมองว่าเฟซบุ๊กมันคือพื้นที่ส่วนตัวของผม ใช่แหละครับที่เราเปิดเป็นพื้นที่สาธารณะก็จริง คนเข้าใจเรา ก็มีคนไม่เข้าใจเราก็มี อันนี้เราเข้าใจ แต่ว่าผมมองว่าเฟซบุ๊กมันมีเพื่อนที่เข้าใจเรา เพื่อนเราที่คอยจะปกป้องความรู้สึกของเรา ที่เป็นเพื่อนสนิทในเฟซบุ๊กหลายคน แล้วเพื่อนที่รู้ชีวิตผมว่าต้องผ่าน ต้องแบกอะไรมา บางทีเราก็ต้องการกำลังใจบ้างในบางที
แล้วก็อีกอย่างที่ผมมองว่าเฟซบุ๊กมันเป็นสมุดเล่มนึงที่เราอยากเขียนอะไรก็ได้ลงไป มีความทุกข์ ความสุข ก็อยากจะเขียนลงไปว่าช่วงเวลานี้ผมเคยเป็นอะไรยังไงมาก่อน เก็บไว้เป็นความทรงจำว่า ครั้งหน้าถ้าเราเจอมันอีก เราจะแก้ไขกับมันยังไง"
ก่อนหน้านั้นเราโพสต์ มีคอมเมนต์มาว่า เราได้แต่พวงมาลัยเยอะ แต่เพลงไม่ดัง?
"ที่เคยโพสต์เรื่องเพลงใช่มั้ยครับ ดังแต่พวงมาลัย ผมก็เลยโพสต์ไปว่า ขอให้ดังสักเพลงด้วยนะครับ ในเรื่องของความดังในตอนนี้ผมมองว่าผมไม่ได้โหยหาอะไรขนาดนั้นแล้วครับ ผมอยู่ตัวพอสมควรแล้วครับ เพราะว่าฝันของผมเองก็ทำสำเร็จแล้ว ตั้งเเต่วันที่ผมได้ใช้นามสกุลแกรมมี่โกลด์ แล้วก็ได้มีซิงเกิลเป็นของตัวเอง ที่เขียนจากปลายปากกาของครูสลา คุณวุฒิ มันก็สุดยอดมากแล้วครับ กับเด็กที่ตามหาฝัน
...
ความฝันสูงสุดของผมคือการได้ใช้นามสกุล แกรมมี่โกลด์ เหมือนที่พูดไปในรายการว่า มันเท่ดี อันนั้นมันถึงฝันแล้วครับ เพราะฉะนั้นจากวันนั้นจนถึงวันนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้ผ่านเข้ามาในชีวิตจะเป็นเรื่องกำลังใจ รางวัลน้ำใจ หรือของขวัญต่างๆ ในช่วงวันเกิด หรืออะไรก็แล้วแต่ที่แฟนคลับมอบให้ หรือแม้กระทั่งผลงานที่ผู้ใหญ่ทำให้ มันจะดังหรือไม่ดัง ทะลุ 100 ล้านวิวเหมือนคนอื่นเขามั้ย ผมมองว่าอันนั้นคือของขวัญ และรางวัล ชีวิตของเราทั้งหมด
ถ้ามันจะมีเพลงดังมันก็คือของขวัญสำหรับเราอีกหนึ่งอย่าง แต่ถ้ามันไม่มี เราก็จะทำหน้าที่ของการเป็นน้องที่ดี เป็นลูกชายที่ดีของบ้านแกรมมี่โกลด์ เป็นเด็กดีของเขา เป็นพี่ๆ ที่ดีของแฟนคลับ เป็นลูกที่ดีของแม่ๆ แบบนี้ต่อไป"
ไม่ได้น้อยใจใช่มั้ย?
"ถ้าเป็นเมื่อก่อนน้อยใจครับ ผมจะเป็นมากๆ คือผมไม่ได้นอยด์ตัวเอง เราคิดเรื่องหน้างานมากกว่าครับ จะมีอยู่ช่วงหนึ่งที่ผมจะบอกกับทีมงานเลยครับว่า ถ้าเป็นงานปิดวิก หรืองานในที่แจ้ง ผมจะไม่รับครับเพราะว่าพลังของเราไม่พอครับ อีกเรื่องนี้ที่ผมซีเรียสคือเราเกรงใจคนจ้าง
...
บางทีภาพมันออกไปว่ามากันไม่กี่คนเองอะไรแบบนี้ครับ เหรียญมันมี 2 ด้านถูกมั้ยครับ ผมไม่อยากจะมามีภาพอะไรแบบนี้ พอได้มาปรึกษากับน้องๆ อีกที บางทีเจ้าภาพเขาก็ไม่ได้คิดอะไรขนาดนั้นเหมือนกันครับ เขาจ้างเพราะอยากให้ผมมาจริงๆ
แล้วบางทีน้องๆ ที่รู้จักกันก็ให้กำลังใจว่า พี่ลองคิดกลับไปว่า มันเคยมีงานแบบนี้ เจ้าภาพเคยเดินมาโอบแขนเรา หรือแม้กระทั่งจ้างเรา เอาไปงานที่ขายบัตรขายโต๊ะ ร้านเหล้า ร้านอาหารกลางคืน แขกน้อย ผมเดินไปขอโทษเขา เขาบอกกลับมาว่า พี่ไม่ได้ซีเรียส พี่จ้างมาเพราะพี่อยากดูเรา มันเลยทำให้ผมเปลี่ยนความคิดไปเหมือนกันนะครับว่า เออว่ะ ทำไมเราไม่คิดแบบนี้มั้งวะ แต่มันเป็นช่วงๆ แรกๆ ที่เราซีเรียส เรากลัวว่าเขาจะผิดหวัง กลัวว่าเขาจะไม่คุ้มค่าจ้างเรา กลัวว่าเขาจะขาดทุนอะไรแบบนี้"
ส่วนตัวเราเสียเซลฟ์อะไรขนาดนั้นใช่มั้ย?
"ไม่ได้เสียอะไรขนาดนั้นครับ บางทีมันหลายปัจจัย ด้วยวันธรรมดาสถานที่การจัดงานวิธีการโปรโมต มันก็มีส่วนด้วยเหมือนกัน อย่างงานไปเฝ้าไร่เนี่ยครับ ตอนนั้นก็เครียดเหมือนกันนะครับ ก่อนหน้านั้น น้องไปเล่นน้องก็ส่งข่าวมาว่า งานเฝ้าไร่เนี่ยมันคนรู้เรื่องอาจจะน้อยนะ ซึ่งงานนั้นมันเป็นวีก เลยหันไปหาผู้จัดการว่า ไม่รับงานแบบนี้ไง ผู้จัดการเลยตอบกลับมาว่า ไม่เป็นไร ผู้จัดงานเขาไม่ซีเรียสอะไรขนาดนั้น แต่พอไปวันนั้นกลับคนเยอะ ซึ่งมันก็หลายๆ อย่าง มันอยู่ที่ปัจจัยการจัดงานด้วยครับ คือถ้าสถานที่จัดงานอยู่หลืบมากเกินไป กฎระเบียบข้อห้ามมากเกินไป บางทีมันก็มีส่วนครับ แต่ก่อนเราก็โทษแต่ตัวเอง"
แล้วเวลาไปงานที่คนน้อย เรายังมองว่าเราต้องโชว์ยังไง?
"หน้าที่ครับ เคยเฟลมั้ย มันมีผ่านมาครับ แต่ตอนนี้จัดการกับความรู้สึกตัวเองได้แล้วครับ แต่ทุกครั้งที่จับไมค์มันคือหน้าที่ครับ ต่อจะให้แค่ 10 คน หรือไม่กี่คนหน้าเวที บางคนเขาตั้งใจมาดู คำสอนนี้ผมได้มาจากแม่ผึ้ง คือผมเคยได้ยินคำพูดมา ผมไม่แน่ใจว่าได้ยินมาจากแม่ผึ้งมั้ย
เอ่อ หมายถึงดูผ่านเทปนะครับมันนานเเล้ว ต่อให้เราจะเหนื่อยแค่ไหน ต่อให้เราจะไม่สบาย แต่ข้างหน้ามันคือหน้าที่ คืองานมันกำลังจะเริ่ม คนเขามาหาเรา ตั้งใจมาหาเรา บางคนต้นทุนไม่ได้เท่าเรา เก็บเงินซื้อบัตร ซื้อตั๋วโดยสารมาหาเรา มาดูเราแปลว่าเขารักเรามากๆ เลยนะครับ เพราะงั้นเราต้องทำหน้าที่ของเราให้เต็มที่ที่สุดครับ".
คลิกเพื่ออ่าน “ข่าวบันเทิง” เพิ่มเติม