หลังจากที่ หญิงลี ศรีจุมพล ได้ออกมาเปิดใจกับสื่อ หลังจากที่ถูกโยงว่าเป็นนักร้องลูกทุ่งมีโลก 2 ใบ เอาไว้ว่า เกิดจากมีปัญหากับแฟนที่คบกันอยู่ และได้มีโอกาสได้คุยกับผู้ชายคนหนึ่ง แต่สุดท้ายได้รู้ว่า มีโลก 2 ใบแล้วไม่เวิร์ก ก่อนจะยุติความสัมพันธ์กับโลกใบที่ 2 และยังได้พูดถึงกรณีที่ถูกอีกฝ่ายคุกคามอีกด้วย 

ล่าสุด ฝ่ายชาย ได้ออกมาเปิดใจให้สัมภาษณ์โต้กลับ หญิงลี แบบหนังคนละม้วนกับที่ให้สัมภาษณ์กับสื่อไปเมื่อวานนี้กับเที่ยงวันทันเหตุการณ์ เอาไว้ว่า 

“ผมบริสุทธิ์ใจ และไม่ได้เป็นแบบที่หญิงลีพูดเลย เนื่องจากว่าผมไม่ต้องมีอะไรต้องปิดบังอีกแล้ว สิ่งที่จะเล่าคือความจริง มีนักข่าวติดต่อมาแต่ผมไม่เคยออกมาพูดเลย ซึ่งเมื่อวานฝ่ายหญิงออกมาพูดก่อน แล้วมีสิ่งที่พาดพิงผมเยอะ ทำให้รู้สึกไม่ดี ทำให้คนรอบข้างและคนที่รู้จักมองผมในแง่ลบ

ผมรู้จักกับหญิงลีมาประมาณ 3 ปีแล้ว ทำอาชีพฟรีแลนซ์ รับจ้างถ่ายภาพในวันนั้น หลังจากรู้จักกันเมื่อ 3 ปีก่อน ก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย ต่อมาเมื่อปีที่แล้ว ผมไปเก็บภาพคอนเสิร์ต ไปเจอฝ่ายหญิงลียกมือสวัสดี แล้วเขาบอกให้ผู้จัดการมาบอกว่าให้ไปรอหลังเวที

...

หลังเขาถ่ายภาพกับแฟนคลับเสร็จแล้ว เขาเดินมากอดผมสักพัก จนผู้จัดการมาสะกิดบอกว่ามันดูไม่ดีแล้วนะ เขาจึงบอกให้ผู้จัดการมาขอเบอร์และขอไลน์ผมเอาไว้ ซึ่งตอนนั้นผมไม่ได้คิดอะไรเลย คิดแค่ว่าเผื่อมีงาน มีคอนเนกชันอะไร ผมก็เลยให้เบอร์และไลน์กับฝั่งผู้จัดการของหญิงลีไป

วันรุ่งขึ้นฝ่ายหญิงมีการทักแชตไลน์มาสอบถามว่าผมทำงานอะไร ทำอาชีพอะไร ผมก็เล่าให้ฟัง จากนั้นเขาก็ถามผมว่าเงินพอใช้ไหม ผมก็บอกไปว่า พอที่จะประคองตัวได้ จากนั้นเขาโอนเงินมาให้ผม 5,000 บาท

หลังจากวันนั้นเขาติดต่อให้ผมไปหาเพื่อจะคุยงาน เนื่องจากเขาต้องขึ้นคอนเสิร์ต พองานจบเขาชวนผมไปทานข้าว ผมเองก็เอะใจว่าทำไมเขาถึงชวนผมไปทานข้าว แต่ผมก็ไป จากนั้นก็พูดคุยกันมากขึ้น ต่างคนต่างมีใจให้กันและฝ่ายหญิงบอกว่าตามหาคนแบบผมมานานแล้ว การที่เราได้มาเจอกันถือว่าเป็นพรหมลิขิต

จากนั้น 2-3 วัน ฝ่ายหญิงชวนผมให้ไปอยู่ที่บ้านกับฝ่ายหญิงไหม ในฐานะคนรัก แต่ช่วยเหลือในการทำงานให้ด้วย โดยให้ผมดูแลในเรื่องของการขับรถให้ ดูแลเรื่องที่พัก รวมถึงการเดินทางไปคอนเสิร์ต ฝ่ายหญิงให้เงินเดือนผม 20,000 บาท

ซึ่งคนในบ้านรวมถึงทีมงานรับรู้ความสัมพันธ์ของผมกับฝ่ายหญิงทั้งหมด ตอนนั้นผมรู้อยู่แล้วว่าฝ่ายหญิงเคยมีคนคุยมาก่อน ซึ่งผมเองก็ได้มีการสอบถามจากฝ่ายหญิงแล้วว่าฝ่ายผู้ชายคนอื่นที่คบหากันคืออะไร ฝ่ายหญิงบอกว่าจบไปแล้ว เคลียร์ไปแล้ว ผมจึงมั่นใจว่าจะเข้าไปอยู่ในบ้านของเขาโดยที่ไม่ต้องปิดบังอะไร ผมก็ไปอยู่

จากนั้นคบหาดูใจกันพักใหญ่ ฝ่ายหญิงเดินทางไปที่รีสอร์ตบ่อยมาก ผมจึงเกิดความสงสัยว่าทำไมต้องไปรีสอร์ตที่บุรีรัมย์บ่อยมาก ฝ่ายหญิงบอกว่าไปเคลียร์ปัญหากับคนเก่า สาเหตุที่ไปเพราะเรื่องของการทำงาน ซึ่งตอนนั้นผมยอมรับว่าผมหึงหวงจริงๆ แต่ผมทำอะไรไม่ได้ เพราะไม่มีหลักฐาน จากนั้นทะเลาะกันมาตลอด

หลังจากนั้นฝ่ายหญิงก็บินกลับมากรุงเทพฯ ผมไปรอรับเขา แต่ฝ่ายหญิงบอกว่าวันนี้เราไม่เข้าบ้านดีกว่าไหม ไปนอนที่บ้านของคนสนิทของเขา ผมเองก็ไปนอนที่บ้านของคนสนิทได้ 1 คืน ตื่นเช้ามาฝ่ายหญิงทำท่ากังวลใจ ผมก็เลยถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า เขาบอกว่าไม่เป็นอะไร

วันรุ่งขึ้นเขามีการคุยโทรศัพท์ในห้องนานถึง 2 ชั่วโมง ผมก็ไม่ได้เข้าไปรบกวนอะไร สักพักเขาเดินออกมาหน้าตาตื่นแล้วบอกว่าผู้ชายคนหนึ่งจะเข้ามานะ ค่อยๆ คุยนะ ใจเย็นๆ ผมก็บอกว่าผมไม่อยากจะมีปัญหา คุณบอกว่าคุณเคลียร์ไปแล้ว คุณก็ต้องไปคุยเอง

หลังจากนั้นฝ่ายชาย (ไม้) มาถึงบ้าน ซึ่งผมก็อยู่ในบ้านด้วย เลยมีปากเสียง ปะทะคารมกัน ฝ่ายชายมาบอกว่ามึงจะหยุดไหม ถ้าไม่หยุดกูจะหยุดมึงเอง แล้วก็ชักปืนขึ้นมาจ่อที่หัวผม

หลังจากนั้นเจ้าของบ้านโทรศัพท์ไปหาตำรวจ พอตำรวจมาฝ่ายชายเอาปืนไปแอบบนบ้าน พอตำรวจไปค้นก็พบปืนพร้อมกระสุนเต็มแม็ก สาเหตุที่ไม่ดำเนินคดีเนื่องจากฝ่ายหญิงขอร้องเอาไว้

หลังจากนั้นผมก็จับได้ว่าฝ่ายหญิงไปคุยกับผู้ชายคนเก่าในทำนองว่าให้ฝ่ายชายรอ กำลังเคลียร์กับผมอยู่ แต่สิ่งที่ฝ่ายหญิงคุยกับผมก็คือเคลียร์กับฝ่ายชายไปแล้ว ทำให้ผมรับไม่ได้ และตกลงกันว่าผมจะออกจากบ้านไป วันที่ 19 เมษายน (2566) แต่สุดท้ายผมอยู่บ้านหลังนั้นไม่ได้ เพราะรู้สึกเสียใจและอึดอัดกับสิ่งที่เกิดขึ้น

...

ผมตัดสินใจออกจากบ้านมาในวันที่ 16 เมษายน ฝ่ายหญิงเข้ามาถามผมว่าทำไมผมรีบไป ทำไมไม่อยู่เก็บเกี่ยวความสุขกันก่อน แต่ผมบอกว่าไม่แล้ว รู้สึกอึดอัด หลังจากนั้นฝ่ายหญิงก็บอกให้ผมเอาโทรศัพท์ของผมไปให้เขา ซึ่งผมไม่ยอมให้ ฝ่ายหญิงจึงเรียกคนในบ้านออกมา

ผมเห็นว่าไม่ปลอดภัย เลยหยิบโทรศัพท์มือถือมาไลฟ์เอาไว้ แต่ไม่ได้ต้องการจะแฉอะไร มันเป็นการไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ไม่ได้เป็นสาธารณะ ยืนยันที่ทำไปเพราะต้องการจะปกป้องตัวเอง เพราะฝ่ายหญิงเรียกคนมาหลายคน กลัวจะไม่ปลอดภัย

ขณะเดียวกันเขาก็ให้คนในบ้าน 2 คนมาทำร้ายผม มาทุบผมที่ท้ายทอยแล้วแย่งโทรศัพท์มือถือไป จากนั้นฝ่ายหญิงไปแจ้งความผมในข้อหาว่าผมบุกรุกบ้านเขา ทั้งๆ ที่ผมเองพยายามจะออกมา แต่ฝ่ายหญิงแจ้งว่าบุกรุก แล้วผมอยู่บ้านนั้นมาตั้งหลายเดือน

ในส่วนของข้อมูลเรื่องกล้อง ที่มีการกล่าวอ้างว่าลักทรัพย์ เจ้าตัวบอกว่า ไม่ทราบสาเหตุที่หายไปจริงๆ เพราะบางครั้งก็มีเอาไปปล่อยเช่า ผมไม่ได้เป็นคนเอาไป เรื่องกล้องเนี่ย ผมเคยพูดกับเขาแล้วว่ามันหายให้ไปแจ้งความ แต่เขาอยู่เฉยๆ ไม่อะไร จนมีประเด็นนี้เกิดขึ้นมาเลยมาแจ้งว่าผมเป็นคนลักทรัพย์

...

หลักฐานมันอยู่ในเครื่องนั้นหมดเลย ในโทรศัพท์มีข้อความแชตที่บอกว่าผมอยากทำอะไร บ้านหลังนี้เป็นบ้านที่ใครก็มีกุญแจ สามารถเข้า-ออกกันได้เรื่อยๆ ถ้ามีหลักฐานว่าผมเอาไปมาจับผมได้เลย ยินดีให้จับ

ส่วนเรื่องแชต ยอมรับมีคุยจริงกับอดีตแฟน เมื่อเขารู้ก็ได้โทรไปหาอดีตคนเคยคุยของผม แล้วบอกให้เลิกติดต่อผม แล้วในแชตที่คนเคยคุยของผมตอบมา เหมือนเป็นการประชดประชันว่าผมชอบกอบโกยฝ่ายหญิง อดีตแฟนผมตอบมาด้วยความโมโห”

คลิกเพื่ออ่าน “ข่าวบันเทิง” เพิ่มเติม

...