ฮอตสุดฉุดไม่อยู่ซะแล้ว สำหรับ เปเปอร์ เพลนส์ (Paper Planes) ที่มีสมาชิกอย่าง ฮาย นวา เกตุสุวรรณ และเซน นครินทร์ ขุนภักดี เจ้าของเพลงฮิต ทรงอย่างแบด แซดอย่างบ่อย ที่ตอนนี้มีงานโชว์ตัวและพรีเซ็นเตอร์รุมมากมาย
และล่าสุด 2 หนุ่มก็ได้เปิดตัวในฐานะพรีเซ็นเตอร์ แลคตาซอย คนใหม่ให้กับผลิตภัณฑ์ขนาด 125 มิลลิลิตร หลังปรับราคาขึ้น จาก 5 บาท เป็น 6 บาทต่อกล่อง งานนี้ 2 หนุ่ม ฮาย-เซน ก็ได้เปิดใจกับสื่อมวลชนถึงเรื่องนี้ว่า
ประสบความสำเร็จจนได้เป็นพรีเซ็นเตอร์?
ฮาย : รู้สึกเป็นสิ่งใหม่ ตื่นเต้น ทั้งดีใจ ทั้งตื่นเต้น รู้สึกแปลก เป็นสิ่งใหม่หมดเลยครับ
เซน : เป็นงานที่เราไม่เคยเจอ
ได้มาร่วมงานด้วยเป็นไงบ้าง?
เซน : บอกไม่ถูกครับ คือเราได้ยินแค่คำว่า แลคตาซอย 5 บาทมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ววันหนึ่งเราได้มาทำงานอันนี้
ฮาย : ใช่ๆ ก็รู้สึกตื่นเต้น ภูมิใจ เราทานมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ววันหนึ่งเราได้มานำเสนอสิ่งนี้ให้กับคนอื่น มันรู้สึกมีคุณค่าครับ
ได้ร้องเพลงที่เราคุ้นหู รู้สึกยังไง?
ฮาย : เวอร์ชันของตัวเอง อยากให้กลับไปฟังเวอร์ชันเก่าดีกว่าครับ (หัวเราะ) เดี๋ยวเราไปทำเพลงใหม่ดีกว่า เพราะเดี๋ยวเราจะทำเพลงใหม่กันด้วย (จะเป็นแบบไหน) ความสนุกมันอยู่ที่ว่าทุกคนไม่สามารถคาดเดาได้ ว่าแลคตาซอยในปีนี้เราจะนำเสนอแบบไหนในส่วนของเพลง
ยังมีความว้าก?
ฮาย : แลค (ทำเสียงว้าก) ว้ากตอน 6 บาท อันนี้ต้องแอบไปติดตามดูนะครับ เพราะมันน่าจะสนุกดี
มือหนึ่งถือไมค์ มือหนึ่งถือขวดนม?
...
ฮาย : ล่าสุดมาแล้วเมื่อคืน เป็นขวดนมยักษ์ อีกมือหนึ่งก็ต้องถือไมค์ไปด้วย
เซน : ถ้าเกาหลีเรียกว่า บง บงของวงเราคือขวดนม (หัวเราะ)
ฮาย : ดีๆ (เขินมั้ย) เขินครับ แล้วก็มีคนเอาพวกขนมมาให้เยอะ
ชีวิตเปลี่ยนไป ชินหรือยัง?
ฮาย-เซน : เริ่มชินแล้วครับ
ฮาย : เริ่มรู้สึกชินกับเด็กๆ แล้ว กลายเป็นว่าทุกที่ที่ผมไปข้างนอก รู้สึกเหมือนบ้าน เพราะว่าเราออกไปข้างนอก เราไปเจอผู้ใหญ่ เราไม่ใช่คนแปลกหน้ากันอีกต่อไปแล้ว เรารู้สึกว่าเขาเป็นคุณลุงเรา เป็นคุณป้าของเรา เราไปเจอน้องก็เหมือนเป็นหลาน เป็นลูกเรา เหมือนเรามีครอบครัวที่ใหญ่ขึ้น เรารู้สึกว่ามันอบอุ่นขึ้น แล้วเราก็มีความสุขมากขึ้น
เริ่มมีงานกลางวันมากขึ้น?
ฮาย : ใช่ เดี๋ยวเริ่มเล่นแล้วครับ เข้ามาอยู่ในคิวแล้ว
จะมีงานกลางวันมากกว่างานกลางคืนมั้ย?
ฮาย : กลายเป็นว่า งานกลางวันเข้ามาแทรก กลางคืนก็คงเล่นอยู่ ตอนนี้ก็ลงงานเบื้องหลัง ปกติจะทำงานเบื้องหลังคู่ไปด้วย เอาเวลาทำงานเบื้องหลังไปนอน
เซน : สู้ครับ (ยิ้ม)
งานกลางวันคือไปที่ไหน?
ฮาย : คิดว่าเป็นห้างสรรพสินค้า อีเวนต์ในที่โล่ง ที่เด็กๆ สามารถเข้าได้
ตอนนี้กลายเป็นหัวหน้าแก๊งฟันน้ำนมรู้สึกอย่างไรบ้าง?
ฮาย : เรารู้สึกตลกอะ เรารู้สึกว่ามันยิ่งใหญ่มากๆ แต่ในทางเดียวกันเราก็ทรีตตัวเองเป็นพี่ชาย เรารู้สึกว่าเราอาจจะให้สิ่งดีๆ กับเด็กๆ ได้มากๆ แต่เราก็ยังมีสิ่งที่เรายังเป็นมนุษย์อยู่ เราเลยคิดว่าการวางตัวเป็นพี่ชายน่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เพราะพี่ชายที่จะมีน้องๆ ผมคิดว่าเขาไม่ได้เพอร์เฟกต์ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่เมื่อเขามีน้องๆ เขาจะแสดงให้น้องๆ เห็นแบบไหน เขาจะสอนน้องๆ แบบไหน
เซน : อยากให้น้องเป็นคนที่ดี
การใช้ชีวิตต้องปรับเปลี่ยนมั้ย?
ฮาย : นิดหน่อยครับ เพราะจริงๆ เราก็ไม่ใช่สายอบายมุขขนาดนั้นอยู่แล้ว เลยไม่อยากมาก เราไม่ได้ดื่มเหล้า ดื่มเบียร์อยู่แล้ว
มีความกดดันมั้ยที่ต้องมาเป็นต้นแบบของเยาวชน?
ฮาย : ตอนแรกๆ มีคิดบ้างว่าจะกดดันมั้ย พอเอาเข้าจริงๆ แล้ว ไม่ค่อยเพราะว่ามันไม่ยากเกินไป มันเหมือนเรามีน้องแล้วก็ปรับเปลี่ยนนิดหน่อยเอง
ล่าสุดเขาให้บอกน้องๆ ท่องสูตรคูณ?
ฮาย : จริงๆ มีคิดไว้แล้วนะครับ ก็มีปรึกษาพี่ที่ค่ายว่าเราจะปล่อยออกมาในรูปแบบไหน เพราะมันมีแพลนอัลบั้มของพวกเราอยู่ น่าจะโฟกัสไปที่อัลบั้มก่อน แต่ถ้ามีอีเวนต์สำคัญๆ ก็เป็นไปได้อาจจะเป็นในแง่ของสถานการณ์พิเศษ (เป็นเพลงในอัลบั้มหรือเพลงพิเศษ) นั่นน่ะสิต้องไปคิดก่อน
ทิศทางที่วางไว้ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้มันก็เปลี่ยนไป?
ฮาย : อยากให้มองว่า ถ้าจะต้องมีเพลงสูตรคูณ อยากให้มองว่าเป็นเพลงพิเศษ ทำมาให้น้องๆ ผู้ปกครอง เราเป็นมากกว่าคนทำเพลง เราเป็นเหมือนครอบครัวเดียวกันแล้ว เลยคิดว่าการทำแบบนี้เป็นการทำสิ่งน่ารักให้กัน เป็นคอนเทนต์ง่ายๆ เรารู้สึกว่า ในอัลบั้มยังเป็นเหมือนเดิม เรารู้สึกว่าสิ่งที่น้องๆ ชอบในความเป็นตัวเรามันคือตัวเรามากๆ ไม่ใช่ว่าเราพยายามทำให้มันป๊อปปูลาร์ และถ้าเขาชอบในความเป็นตัวเรา เราควรจะคงความเป็นตัวเราไว้ เราไม่ควรปรับเปลี่ยนตัวเอง ดีด้วยซ้ำที่เราจะได้นำเสนอสิ่งใหม่กับวงการดนตรี กับเพลงที่มันไม่ได้เกิดขึ้นมาบ่อยๆ
...
ผู้ปกครองเรียกร้องบ่อยมั้ยให้ทำเพลงอย่างนั้น อย่างนี้?
ฮาย : ผมก็ตามๆ ดูในโซเชียลนะ ก็กดดันอยู่ (หัวเราะ)
เซน : ในคอมเมนต์ก็มีเยอะอยู่ ก็ตลกๆ ดีครับ (ยิ้ม) อย่างท่องสูตรคูณเราก็เป็น
ฮาย : ขอร้องเถอะ คุณแม่ขอเถอะ พยายามจะเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนให้ได้ เพราะแต่ละคนไม่สามารถขับเคลื่อนได้ทุกเรื่อง อย่างเรามีความสามารถทางด้านนี้และมันไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรงเราก็ทำด้วยกัน (จะมีว้ากมั้ย) ผมว่าน่าจะมี ณ ต่อไปเราอาจจะต้องสาธิตการว้ากที่ถูกต้องให้มากขึ้น เพราะเดี๋ยวเด็กๆ จะเส้นเสียงอักเสบกัน (ยิ้ม)
จะปล่อยเมื่อไหร่?
ฮาย : สูตรคูณเหรอครับ กดดันเปล่าเนี่ย (หัวเราะ) เดี๋ยวเราไปวางแพลนก่อนว่าจะมีแก๊ปช่วงไหนที่จะปล่อยได้บ้าง ไม่ได้มีแค่สูตรคูณนะ คงจะมีคอนเทนต์ออกมาเรื่อยๆ แต่ก็อยากให้คอนเทนต์มันกว้างออกไปในทางที่ไม่ได้อยู่กับเด็กๆ มากเกินไป เพราะผมเชื่อว่าทิศทางที่สำคัญไม่ได้มีแค่เด็กๆ แล้ว ผู้ปกครองก็สำคัญ เราเลยคิดว่าคอนเทนต์ของเราควรจะกว้างไปถึงผู้ปกครองด้วย สุดท้ายมันก็จะย้อนกลับมาที่เด็กๆ อยู่ดี
...
อยากให้ฝากถึงน้องๆ ช่วยกันออมเงินหน่อย?
ฮาย : เรื่องออมเงินก็อยู่แต่ละครอบครัว แต่ละวิธีการออม ไม่มีสูตรตายตัว พวกเราก็เริ่มออมเงินกันแล้ว
เซน : อาจจะเริ่มจากการหาของที่อยากได้ก่อน ให้มันเป็นแพสชันในการเก็บเงิน เพื่อที่จะไปซื้อของสิ่งนั้นสิ่งนี้
ฮาย : อาจจะปลูกฝังง่ายๆ เด็กอาจจะยังไม่มีวิธีการคิดที่ซับซ้อนมาก และเด็กๆ อาจจะขับเคลื่อนในเรื่องของแรงบันดาลใจ ความชอบ สิ่งที่เขารัก เริ่มจากอยากให้เขาอยากซื้อของเป็นชิ้นเป็นอันก่อนก็ได้ น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี
ผู้ปกครองมองว่า ลูกๆ ของเขาอาจจะเชื่อเรามากกว่า ผู้ปกครองเขามีให้เราฝากอะไรถึงลูกๆ เขาบ้าง?
ฮาย : เราคุยเรื่องนี้กันหนักมาก ไม่ว่าจะเป็นการเลือกพรีเซ็นเตอร์ เลือกสินค้าที่จะเข้ามา เราอยากให้เด็กๆ ได้ประโยชน์จริงๆ ด้วย เราเลยไม่อยากฝากวิธีคิดให้เด็กๆ อยากให้เขาใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เหมือนเราคอยประคองในสิ่งที่เขาชอบ และซัพพอร์ต ถ้าอยากจะฝากก็คงอยากให้ฝากดื่มแลคตาซอย เพราะว่าพวกเราเลือกแล้ว และแลคตาซอยก็เลือกแล้ว มันเป็นสิ่งที่ดี เราอยากส่งต่อสิ่งที่ดีให้กับเด็กๆ และต้องพักผ่อนให้เพียงพอ อาหารที่เป็นประโยชน์ก็จำเป็นมากๆ การรักษาเรื่องสุขอนามัย การแปรงฟันก็ยังคงต้องทำอยู่
เซน : อยากฝากถึงเด็กๆ ที่มาดูเราในโชว์ บางคนอาจจะแบบพรุ่งนี้ไม่อยากไปโรงเรียน เลยอยากจะฝากบอกว่า เรามาทำในสิ่งที่เราชอบได้ แต่ว่าเราก็ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เราต้องรับผิดชอบ
ฮาย : อยากให้ไปโรงเรียนให้ตรงตามตารางที่เราต้องไป หรือในเรื่องอื่นก็ตามก็อยากให้มีความรับผิดชอบกันอยู่
ตอนนี้เป็นเจ้าพ่อพรีเซ็นเตอร์สินค้าเด็ก?
...
ฮาย : จริงๆ ถ้าพูดตรงๆ มีหลายสินค้า อย่างที่บอกเรามีกระแสมาจากเด็กๆ ก็จริง แต่เราก็พยายามขับเคลื่อนให้ครบกลุ่มทุกอายุ ก็มีสินค้าเด็กติดต่อเข้ามาเยอะ และมีสินค้าอื่นที่ไม่ใช่แค่ช่วงอายุเด็กก็มี (มีหลายตัว) ไม่แน่ใจว่าพูดได้มั้ย (ยิ้ม)
คนมองว่า ทรงอย่างแบดมาร์เก็ตติ้ง รู้สึกอย่างไร?
ฮาย : ไม่ว่าสุดท้ายมันจะเกิดขึ้นรวดเร็ว ระยะสั้นหรือระยะยาว สุดท้ายแล้วผลลัพธ์มันออกมาดี ผมยินดีและรู้สึกเป็นเกียรติกับพวกเรา อย่างน้อยในจุดเริ่มต้น การที่เราจะปลูกฝังเมล็ดอะไรไปมันอาจจะเป็นระยะเวลาที่สั้น แต่การเติบโตนี่แหละที่มันจะต้องใช้ระยะเวลาก็เลยคิดว่าการที่เราได้พรีเซ็นเตอร์สินค้าต่างๆ เราคิดกันหนักมาก เพราะอยากให้เป็นประโยชน์จริงๆ ไม่อยากให้เป็นการตลาดกับเด็กมากเกินไป ไม่อยากให้เด็กๆ เห็นว่าพี่ฮายทำสิ่งนี้แล้วเขาต้องทำสิ่งนี้ในวันที่เขายังไม่ควรจะได้ เราก็ไม่อยากให้เป็นแบบนั้น ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์อะไร หรือสินค้าต่อจากนี้ ขอให้รู้ว่ามันผ่านการคิดมากประมาณหนึ่งแล้วที่จะไปสู่เด็กๆ หรือว่าในสินค้าที่จะเป็นอนาคต ต้องบอกตรงๆ ว่าพรีเซ็นเตอร์ที่เข้ามามีเยอะ แต่เราต้องเลือก เราอยากให้ได้ประโยชน์ทั้งตัวเราและประชาชน