• 6 ปี BNK48 จากวันแรกที่ไม่รู้ว่าทิศทางจะเป็นอย่างไร สู่การเป็นศิลปินกลุ่มไอดอลหญิงชื่อดัง
  • มิตรภาพดีๆ ที่เกิดขึ้นใน BNK48 รุ่นที่ 1 ทุกวันนี้มองตาก็รู้ใจกันแล้วว่าจะพูดอะไร
  • เป้าหมายในชีวิตหลังจากแยกย้ายกันไปเพื่อเติบโต เหลือเพียงเฌอปรางที่ยังคงรับหน้าที่กัปตันวงต่อไป
เฌอปราง-ปูเป้-น้ำใส-ก่อน-เปี่ยม 6 ปี BNK48 จากวันแรกถึงวันแยกย้ายไปเติบโต

เดินทางในเส้นทางศิลปินมานานกว่า 6 ปีแล้ว สำหรับ 5 สาว เฌอปราง อารีย์กุล, ปูเป้ จิรดาภา อินทจักร, น้ำใส พิชญาภา นาถา, ก่อน วฑูศิริ ภูวปัญญาสิริ, เปี่ยม รินรดา อินทร์ไธสง แห่งวง BNK48 ศิลปินกลุ่มไอดอลหญิงชื่อดัง จากวันแรกที่ตัดสินใจมาเป็นสมาชิกวงรุ่นที่ 1 มาจนถึงวันนี้ ผ่านประสบการณ์ต่างๆ มีทั้งรอยยิ้มและน้ำตามาแล้วมากมาย แต่มิตรภาพของพวกเธอก็ยังคงแน่นแฟ้นไม่มีเปลี่ยน แม้จะมีช่วงที่ห่างหายกันไปบ้างเพราะต่างคนต่างต้องทำหน้าที่ตัวเองในแต่ละทีม

...

เมื่อมีซิงเกิลเพลง “Jiwaru DAYS” ทำให้สาวๆ ทั้ง 22 คนในรุ่นที่ 1 ได้กลับมาร่วมงานกันอีกครั้ง และเป็นการรวมตัวส่งท้ายของพวกเธอ ก่อนที่เกือบทั้งรุ่นจะประกาศจบการศึกษา เหลือเพียงไม่กี่คนที่ยังเลือกไปต่อกับ BNK48 บันเทิงไทยรัฐออนไลน์ชวน 5 สาว เฌอปราง-ปูเป้-น้ำใส-ก่อน-เปี่ยม เปิดใจถึงการทำงานครั้งนี้ ตลอดจนความรู้สึกกับชีวิตตลอด 6 ปีที่ผ่านมาในฐานะศิลปิน และเป้าหมายในชีวิตต่อไปหลังจากแยกย้ายไปเติบโตตามเส้นทางของตัวเอง

6 ปีที่เป็น BNK48

เมื่อถามว่า 6 ปีที่ผ่านมากับการเป็น BNK48 เป็นอย่างไร เฌอปรางบอกว่า “พวกเราเริ่มต้นจากการที่วงไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง ก็มีแฟนเพลงที่ตามจากวงพี่สาว AKB48 ที่ญี่ปุ่น ช่วงแรกๆ เรายังไม่มีพื้นที่เป็นของตัวเอง เธียเตอร์ตอนนั้นยังไม่มีเลย แรกเริ่มมีกันอยู่ 29 คน แล้วห่างหายกันไป มีรุ่นน้องเพิ่มเข้ามา มีสตาฟฟ์เยอะขึ้น มีการเติบโตของบริษัท

ช่วงเพลง “คุกกี้เสี่ยงทาย” เป็นช่วงที่วงเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย ทำให้รู้สึกว่ามีวงประเภทนี้กลับมาในเมืองไทย คือมีวงเป็นกลุ่มๆ แบบนี้ ก็ดีใจที่พวกเราได้เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น จนปัจจุบันเรามีพื้นที่เป็นของตัวเอง มีห้องซ้อมเต้น ห้องอัดเพลง มีรุ่นน้องเพิ่มมาจนถึงรุ่นที่ 4 ก็หวังว่าคงอยู่กันไปได้เรื่อยๆ มีแฟนคลับที่หลากหลายเพิ่มขึ้น ตอนนี้ก็มีแฟนๆ เยอะมากๆ เลย

อย่างคอนเสิร์ตอำลาส่งท้าย BNK48 รุ่นแรกหลายๆ คน แฟนๆ ก็มาซื้อบัตรแล้ว Sold Out ภายในวันแรก 6,000 กว่าที่นั่ง ตอนแรกก็ใจลุ่มๆ ดอนๆ เหมือนกัน เพราะวงก็ผ่านจุดพีกมาพักใหญ่แล้ว แต่ก็ดีใจที่แฟนๆ หลายคนอยากกลับมาเจอพวกเราอยู่ค่ะ”

ส่วนก่อนเล่าถึงความรู้สึกในการทำงานร่วมกันตลอดหลายปีที่ผ่านมาว่า “รู้สึกว่าเรากลายเป็นครอบครัวไปแล้วค่ะ เหมือนเจอหน้ากันทุกวัน ทำงานด้วยกัน กินข้าวด้วยกัน มีอะไรก็ปรึกษากัน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเราก็อยู่ด้วยกัน มันก็รู้สึกว่าต่อไปถ้าไม่มีพวกเขา เราจะรู้สึกยังไง แอบใจหายค่ะ ก็คิดเหมือนว่าเราจะเหงามั้ย”

จากนั้นเปี่ยมบอกว่า “ที่ผ่านมา 5-6 ปี อย่างที่พี่ก่อนบอกคือเราเป็นครอบครัวเดียวกัน ดีใจที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตกันและกัน รู้สึกดีใจมากๆ ที่ได้เจอ ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ทำให้เรามาเจอกันคือสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว”

น้ำใสเผยความรู้สึกเช่นกัน โดยบอกว่า “เหมือนเราได้ของขวัญชิ้นใหญ่จากซานตาคลอส เราเข้าวงมาครั้งแรก เราก็ไม่รู้ว่าจะไปในทิศทางไหน แต่รู้อย่างแรกเลยคือเพื่อนเราดีทุกคน ไม่มีใครที่เป็นคนไม่ดีเลย คือเป็นคนที่น่ารักหมด พอเพลงคุกกี้ฯ บูมปุ๊บ เหมือนได้ของขวัญอีก รู้สึกว่าโอเค เรามีชื่อเสียง ทุกอย่างเพิ่มขึ้น ทั้งแฟนคลับ ทั้งทีมงาน ทั้งงานที่เข้ามา แต่ก็แลกด้วยความเหนื่อย ความรักก็มาพร้อมความเกลียด รู้สึกว่าเหมือนเราต่อสู้ด้วยกันมานานมากๆ พอมาถึงจุดที่เราต้องแยกย้ายเติบโตก็รู้สึกผูกพันมากๆ รู้สึกว่าถ้ามีรกต่อกันได้ก็ต่อกันแล้วนะ (ยิ้ม)” ถึงตรงนี้เพื่อนๆ รีบแซวว่าใจเย็นๆ น้ำใสพูดต่อ “ทุกวันนี้มองตาก็รู้ใจกันแล้วว่าจะพูดอะไร”

...

เฌอปรางบอกว่า “มันก็เป็นการทำงานที่เหมือนเข้าขากันขึ้นเรื่อยๆ แรกๆ เราปรับตัวกันมา เจอเรื่องราวต่างๆ กันมา ก็เหมือนเนื้อเพลงที่บอกว่าขอบคุณที่มาเจอกัน เธอไม่อยู่ มันก็เหงาๆ มันก็ยังไงอยู่นะ (ยิ้ม)”

ปิดท้ายที่ปูเป้บอกว่า “มาทำวันแรกก็ทำไม่เป็นเลยค่ะ (หัวเราะ) เอาจริงๆ คนที่มีประสบการณ์มันน้อยมาก เพราะเราก็เป็นรุ่นแรก หรืออย่างโรดโชว์เราก็ต้องเป็น MC เอง ไม่เคยมีใครเป็น MC เลย ช่วงแรกๆ มันยากมากๆ แต่พอผ่านมาเรื่อยๆ เหมือนได้เห็นคนเติบโต ตัวเราเองก็เติบโตด้วย น้องๆ ทุกคนก็เติบโตด้วยค่ะ ก็ขอยืมประโยคที่พี่แก้วพูดละกัน ใน 6 ปีเรารักกัน มีความสุขที่ได้อยู่ด้วยกัน เราไม่รู้ว่าเรารักกันขนาดไหน จนวันที่เราต้องแยกกันค่ะ”

Jiwaru DAYS

5 สาวพูดถึงผลงานเพลง Jiwaru DAYS ไว้ว่า เป็นเพลงที่บอกความรู้สึกที่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นความรัก ความผูกพัน ซึ่งปูเป้บอกว่า “เนื้อหาเป็นเพลงที่บอกว่าเรารู้ว่าจะต้องจากคนคนหนึ่งไป เราอยากให้เขาอยู่กับเรา แต่ก็รู้ว่าทำไม่ได้ แต่เราจะคอยเฝ้ามอง ถ้ามีอะไรก็เรียกได้เลยนะ จะไปหาทันที เนื้อเพลงจะเศร้านิดนึง แต่จังหวะเพลงจะสดใสมากเลยค่ะ” เฌอปรางเสริม “จริงๆ เพลงนี้กึ่งๆ เหมือนปัจฉิมนิเทศค่ะ ฟีลเหมือนจบ ม.6 แล้วแยกย้ายกันไป แต่เป็นการแยกย้ายที่อบอุ่น หวังดีกันและกัน”

เรื่องการทำงานครั้งนี้ที่เป็นการรวมตัวของ BNK48 รุ่นที่ 1 เปี่ยมบอกว่า “ปกติไม่ค่อยได้เจอกันบ่อยเพราะแยกไปทำงาน แต่พอกลับมาเจอกันอีกครั้งทำให้รู้สึกว่าความทรงจำกลับคืนมาค่ะ เรายังผูกพันกัน สนิทกันเหมือนเดิม” น้ำใสเสริม “ด้วยเป็นการรวมตัวของรุ่นที่ 1 ในรอบหลายปี เราแยกกันทำงานเลยไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไร แต่พอได้มาทำงานร่วมกันก็คุยกันเยอะมากๆ คือต่อให้ห่างกันไปนานแค่ไหน พอกลับมาร่วมงานกันก็สนิทกันเหมือนเดิม”

ชุดคอนเซปต์ของเพลงนี้ที่เป็นสีขาว ปูเป้บอกว่า “เนื่องด้วยส่วนใหญ่รุ่น 1 อยากได้ชุดที่มันดูมียศ ดูเป็นเจ้าหญิง ก็เลยโอเค แล้วมันมีเพชร ก็ติ๊กเลยว่าเอาเพชร ใส่แล้วสู้ไฟเปล่งปลั่งสวยงาม ก็เลยเลือกสีขาวกับเพชร มันจะได้ดูเหมือนนางฟ้า เป็นเจ้าหญิง มีออร่า เป็นเพชรด้วย” ถามว่าสีขาวสื่อความหมายมั้ย เฌอปรางบอกว่า “ไม่ได้มีเจาะจงอะไรขนาดนั้นค่ะ แต่พอใส่ออกมาแล้วมันก็ดูหรูหรา ทำให้เราดูโตขึ้นค่ะ อยากดูสง่ามากขึ้น ไม่ใช่ลุคที่เราเข้ามาตอนแรกเป็นเด็กๆ แล้วดูน่ารักสดใส อันนี้ก็ยังน่ารักอยู่ แต่มีความโตขึ้น สง่าขึ้น”

ปูเป้เสริม “ก็คุยกับสไตลิสต์โดยตรงว่าอยากได้แบบไหนกันบ้าง ก็ถามความเห็นเพื่อนๆ ว่าอยากได้แบบไหน แล้วเอาไปบอกพี่สไตลิสต์อีกที เลยออกมาเป็นแบบนี้ค่ะ” เฌอปรางพูดต่อ “ก็เป็นซิงเกิลที่พวกเรามีโอกาสออกไอเดียค่อนข้างเยอะ ทำตามใจเราค่อนข้างเยอะเหมือนกัน เอ็มวีด้วย ทุกอย่างเลยค่ะ คือเรียกได้ว่าทางบริษัทตามใจเพราะอยากให้ของขวัญพวกเรา ก็ขอบคุณทางพี่ๆ ที่เขารับฟังค่ะ”

มาถึงพาร์ตมิวสิกวิดีโอเพลงนี้ ก่อนเล่าให้ฟังถึงคอนเซปต์ว่า “ตอนแรกที่ได้ฟังคอนเซปต์ก็โห เรามาถึงจุดนี้แล้วเหรอ เรามาถึงจุดที่เล่าเรื่องราวชีวิตใน BNK48 ของพวกเราตลอด 6 ปีที่ผ่านมา เหมือนรวมทุกอย่างไว้ในเอ็มวี สร้างความทรงจำของพวกเราเข้าไปค่ะ คอนเซปต์เอ็มวีเป็นปัจฉิมนิเทศที่สุดท้ายทุกคนจะเห็นใบจบของพวกเราว่าจบแล้วนะ ถามว่าซึ้งมั้ยพอได้เห็นทุกอย่าง มันไม่ใช่แค่ซึ้ง แต่มันเป็น Jiwaru จริงๆ ค่ะ เป็นความตื้นตันใจที่อยู่ในใจเราจริงๆ ตอนแรกหนูกลัวดูเอ็มวีแล้วร้องไห้ แต่ร้องไม่ออกเพราะรู้สึกว่าเปี่ยมล้นมากๆ อยู่ในใจค่ะ หวังว่าทุกคนที่ดูเอ็มวีน่าจะรู้สึกแบบพวกเราด้วยค่ะ”

เมื่อถามถึงฟีดแบ็ก ปูเป้บอกว่า “แฟนคลับ 99% น่าจะร้องไห้ อย่างน้อยก็มีน้ำตาซึม แฟนคลับทุกคนก็รู้สึกเหมือนเราคือผูกพัน รู้สึกใจหาย ได้ฟังเพลง ได้ดูเอ็มวีแล้วรู้สึกว่าเหมือนได้ย้อนกลับไปดูตอนเราปีแรกๆ เพิ่งเข้าโรงเรียน ยังมีความสดใส ไปจนถึงโต จบการศึกษา” เฌอปรางเสริม “เราใช้ชีวิตกันมานาน แฟนๆ หลายคนยังไม่เข้ามหาวิทยาลัย จนตอนนี้เรียนจบแล้ว บางคนยังไม่มีลูก จนแต่งงานมีลูกแล้ว พวกเราก็ตกใจเหมือนกัน หลายคนก็เอ็นดูพวกเราเหมือนลูกหลาน มันเป็นความผูกพัน พอเห็นในเอ็มวีก็ซึ้ง พวกเราก็ซึ้ง ทุกคนซึ้งค่ะ แต่อย่างน้อยเราก็ได้อำลา ได้เฉลิมฉลองกันและกัน มันก็เป็นเรื่องที่ดีค่ะ”

เป้าหมายในชีวิต

เราถามว่าเป้าหมายในชีวิตต่อๆ ไปของ 5 สาวเป็นอย่างไรบ้าง เริ่มที่ก่อนบอกว่า “ก่อนก็ประกาศจบการศึกษาเรียบร้อยแล้ว คิดว่าเป้าหมายต่อไปคือการไปเรียนต่อ แต่ก่อนที่จะเรียนต่อก็คิดว่าอยากลองในวงการบันเทิงบ้าง มีคุยไว้บ้างค่ะ ถามว่าพอจะเปิดเผยได้มั้ย ยังไงก็รอดูกันค่ะ ก็เป็นสิ่งที่ยังไม่เคยทำ”

ส่วนเปี่ยมบอกว่า “เปี่ยมมีความฝันอยากเป็นสตรีมเมอร์ค่ะ จะออกไปเล่นเกมค่ะ (หัวเราะ) ชอบเล่นเกมค่ะ ถามว่าชอบขนาดไหน เหมือนเคยมีช่วงนึงที่ไม่มีเรียนและฟาร์มทั้งวันทั้งคืน เล่นเกมไปเรื่อยๆ ค่ะ ส่วนเกมที่ชอบจะเป็น Gundum Evolution และก็เกม Genshin Impact ค่ะ ก่อนหน้านี้มีแคสต์เกม Home Sweet Home Survive จริงๆ เล่นหลายเกมมากเลย ส่วนงานในวงการติดต่อได้นะคะ ฝากตัวด้วยค่ะ”

ด้านน้ำใสเผยเป้าหมายตัวเองว่าอยากเรียนต่อ แต่ขอทำงานเก็บเงินก่อน “จริงๆ หนูอยากไปเรียนต่อมากค่ะ แต่ว่ากำลังอยู่ในช่วงขอทุน ด้วยความที่บัดเจ็ตไม่ได้เยอะขนาดนั้น ก่อนหน้าที่จะขอทุนได้ เราก็ทำงานก่อน ก็คือจ้างได้นะคะ (หัวเราะ) ร้อนเงินอยู่ อยากได้เงินไปเรียนต่อค่ะ อยากเรียนต่อที่ฝรั่งเศสค่ะ ซึ่งค่าครองชีพสูงมาก เราจะไปเรียนแบบ International ถ้าไม่ได้ฝรั่งเศสก็มองอังกฤษหรืออเมริกาไว้

แต่ตอนนี้ยังไม่มีบัดเจ็ตค่ะ อยากเรียนด้าน Wine Maker คือคนทำไวน์ค่ะ เพราะเรียนด้าน Food Science มาค่ะ เป็นคนที่ค่อนข้างชอบในสิ่งที่เรียน ก็ต้องขอบคุณอาจารย์ที่สอนหนู เขาทำให้เราชอบในสิ่งนี้ คิดไม่ผิดที่สมัครเรียนสาขานี้ไป พอเรียนจบแล้วก็อยากเรียนต่อลงลึกในสิ่งนี้มากๆ แล้วเรามีแพชชั่น ก็เลยอยากเรียนค่ะ”

ด้านปูเป้ตอบติดตลก “หนูอยากถูกหวยค่ะ (หัวเราะ)” ทำเอาเพื่อนๆ ฮาทั้งวง ปูเป้พูดต่อ “หนูไม่เคยถูกหวยเลย (หัวเราะ) หนูเคยเลือกเลขให้พ่อตอนเด็กๆ ก็ไม่เคยถูกสักอัน (หัวเราะหนักมาก) มันมีแต่เฉียดไปเฉียดมา เลือกไม่ถูกสักครั้งเลย ถามว่าอยากเป็นอะไร อยากเป็นคนรวยโดยไม่ต้องทำงาน (หัวเราะ) อยากนอนเฉยๆ แต่ตอนนี้จ้างได้ค่ะ เพราะตอนนี้ยังไม่รวย อยากได้เงินไปซื้อหวยค่ะ (ยิ้ม) ส่วนงานในวงการทำได้หมดเลยค่ะ จ้างทำเบื้องหลังก็ทำได้หมดเลย”

เฌอปรางเสริมว่า “เขาเป็นโปรเจกต์เมเนเจอร์ได้ค่ะ ทำคอนเสิร์ตมาแล้ว เป็นโปรดิวเซอร์ได้ค่ะ แปลเพลงได้ เขียนบล็อกกิ้งได้ค่ะ เอาง่ายๆ คือทำวงได้ 1 วงค่ะ สามารถจ้างได้” ปูเป้พูดต่อ “ใช่ค่ะ อยากทำวง จ้างหนูได้ค่ะ หนูทำได้หมดเลยค่ะ แต่จ้างจำนวนเงินขอให้คุ้มค่ากับค่าเหนื่อยหน่อยค่ะ แต่ที่สุดคืออยากเป็นคนรวยถูกหวย อยากถูกรางวัลที่ 1 ค่ะ”

ถึงเวลาที่เฌอปรางเผยเป้าหมายบ้าง “ถ้าถูกหวยก็ดีค่ะ (หัวเราะ) แต่รู้สึกว่าโอกาสมันน้อยนิดมากเลย ก็เลยคิดว่าทำงานแล้วกันค่ะ ก็ยังทำงานหนักเหมือนเดิมค่ะ มีผลงานด้านการแสดงค่ะ ก็คงเป็นสายงานแสดงนี่แหละค่ะที่ยังคงเป็นเป้าหมายหลักในช่วงการทำงานอีกปี 2 ปี ถ้าในอนาคตเป้าหมายใหญ่จริงๆ คือมีบ้านเป็นของตัวเองที่อยู่อย่างสงบ ปลูกต้นไม้ค่ะ

แต่ของเฌอก็ยังคงทำหน้าที่ BNK48 ต่อไปอีกสักพักนึง ยังไงก็ฝากน้องๆ ด้วยค่ะ ตัวเองก็ยังอยู่ตรงนี้ ก็ฝาก BNK48 เช่นเดิมค่ะ ก็จะมีผลงานซิงเกิล BNK48 มีอัลบั้ม มีอีเวนต์เยอะแยะเหมือนเดิม แฟนๆ ยังมาเจอกันได้อีกสักพักใหญ่เหมือนกัน ก่อนหน้านี้หนูแทบไม่ได้อยู่กับทุกคนเลย แต่ตอนนี้ก็ดึงเวลากลับมาอยู่ตรงนี้นิดนึง เพราะก่อนหน้านี้ซุ่มทำละคร ซีรีส์อยู่ค่ะ ซึ่งใช้เวลาถ่ายทำค่อนข้างนานมาก ยังไงก็ฝากด้วยนะคะ”

มิตรภาพ 5 สาว

ถามว่าทั้ง 5 คนได้เจอกันบ่อยไหม สาวๆ บอกว่าไม่บ่อย เพราะอยู่คนละทีม ก็มีเจอกันบ้างในที่ประชุม และถามถึงความคืบหน้าของงาน ด้านปูเป้แซวว่าเวลาเจอเฌอปรางทวงงานจะปิดโทรศัพท์หนี เวลาเฌอปรางโทร.มาก็ปิดหนี ทำเอาเฌอปรางหัวเราะและบอกว่า “ไม่ถึงขนาดนั้น แหม นานๆ ตามที ไม่ได้ทวงกันบ่อยๆ”

พอถามถึงความประทับใจกันและกัน ปูเป้บอกว่า “ด้วยความที่เป็นกลุ่มคนที่ไม่ค่อยได้เจอกันบ่อยเท่าไร ยกเว้นน้ำใสที่เจอกันบ่อยมากเลย ก็เลยรู้สึกว่าพอได้มาทำงานซิงเกิลนี้ รู้สึกคิดถึงวันเก่าๆ ตอนยังอยู่ทีมเดียวกัน ได้เล่นด้วยกัน ถึงอายุจะไม่ได้เท่ากัน แต่พอกลับมาทำงานด้วยกัน เราก็ยังสนิทกัน คุยกันได้ทุกเรื่อง รู้สึกเป็นครอบครัวจริงๆ กลุ่มเด็กผู้หญิงที่หลายคนจะมองว่าตีกันหรือเปล่า แย่งกันรึเปล่า ไม่มีเลยค่ะ ความสัมพันธ์นี้ดีมากๆ ค่ะ”

ด้านเฌอปรางเปิดใจว่า “ก็เจอน้องๆ ตามเหตุการณ์ต่างๆ (หัวเราะ) ส่วนใหญ่ก็เจอกันตอนทำซิงเกิลนี่แหละที่จะได้รวมตัวกัน แต่หลังๆ เฌอไม่ค่อยได้ขึ้นสเตจกับน้องๆ เท่าไร ก็คิดถึงเธียเตอร์ สเตจ ส่วนน้ำใสจะเจอที่หอ เป็นแก๊งกินข้าวหน้าทีวี เป้ก็จะเป็นอีกคนที่กินข้าวหน้าทีวีดึกๆ แต่เจอตอนทำงานเป็นหลัก ตอนประชุม เป้เป็นคนที่ไว้ใจได้ ถ้ามีอะไรที่ assign ไปแล้ว ให้เวลาหน่อยเดี๋ยวส่ง แต่ถ้าไม่ assign ก็ยังไม่ทำ (หัวเราะ) แต่ไว้ใจได้ รับผิดชอบดี ดูแลทีมได้เยี่ยมยอดกับตาหวาน 2 คน

น้ำใสจะเป็นคนที่ชิตแชตเยอะ ได้พูดคุยกันเยอะตอนกินข้าว เป็นที่เม้าท์มอย 1 คน ส่วนเปี่ยมนี่เวลามีเรื่องเล่นเกมก็จะชวนเปี่ยมว่าเล่นเกมมั้ย ส่วนก่อนถนัดทำเอ็มวี ฉาก ก็เคยได้ทำมัตสึริด้วยกัน” ก่อนรีบพูดทันที “อันดับ 1 เรื่องฉากนะคะ จ้างได้ค่ะ ทำเอ็มวี ทำเบื้องหน้าเบื้องหลังได้หมดเลยค่ะ ทำได้ทุกอย่าง (ยิ้ม)” ทำเอาทุกคนแซวว่าไม่ร้อนเงินเลยจริงๆ

จากนั้นน้ำใสเผยความประทับใจว่า “ก็ต้องขอบคุณกัปตันที่ทำงานหนักมากๆ ในทุกๆ เรื่องเลย เพราะว่าเรื่องสเตจก็เป็นเขาที่ดูแล เรื่องเอ็มวีเหมือนเขาเป็นเฮด ขอบคุณที่พวกเขาเป็นคนดูแล สำหรับหนูการเป็นกัปตันมันไม่ง่ายเลย มันยากมาก คือมันไม่ใช่การที่เอาตัวเองหรือเพื่อนเป็นที่ตั้ง มันคือการเอาภาพรวมเป็นที่ตั้ง ก็รู้สึกว่าเขาเก่งมากๆ กับการถอยออกมามองภาพรวมกว้างๆ Hold คนมากๆ ให้ฟังเขาได้ เขาเก่งมากๆ กับการเมเนจทุกอย่างให้มันเคลียร์กระจ่าง เป็นความรู้สึกชื่นชม

คือเราเหมือนโตมาด้วยกัน เราเริ่มที่ศูนย์มาด้วยกัน พอเราโตขึ้น เราเห็นศักยภาพของเพื่อนๆ มากขึ้น รู้สึกภูมิใจ เห็นแล้วรู้สึกว่าเขาเก่งและเหมาะสมกับตำแหน่งที่เขาได้รับมากๆ อย่างสองคนนี้ (ก่อน, เปี่ยม) หนูจะไม่ค่อยได้เจอเพราะอยู่คนละทีม แต่กับก่อนคือแก๊งเดียวกัน แต่ก็ไม่ค่อยได้คุยกันเพราะคนละทีม แต่เป็นเพื่อนที่น่ารักทั้งสองคนเลย อย่างก่อนมีอะไรปรึกษาได้เสมอ เพราะเป็นคนใจเย็นมาก ส่วนน้องเปี่ยมเป็นน้องที่น่ารักมาก อยู่กับน้องแล้วได้รับความรักเปี่ยมล้นเสมอ รู้สึกสดใสจังเลย วันนี้เป็นสีชมพู เต็มไปด้วยความรัก”

เปี่ยมพูดถึงความประทับใจบ้าง “ของหนูคือเราจะอยู่ด้วยกันเยอะในช่วงแรกๆ จะเป็นเด็กที่พยายามเข้าไปหาพี่ๆ อยู่กับพี่เป้ พี่เป้จะไม่ค่อยเล่นด้วยค่ะ (หัวเราะ) พี่เป้บอกทำอะไรทำเหอะ กับพี่เฌอก็ไม่กล้าเข้าหาบ้าง เพราะด้วยความที่พี่เฌอเป็นกัปตัน เราก็จะเกรงใจ ก็จะเอ๊ะ ทำได้มั้ยนะ (หัวเราะ)” เฌอปรางบอกว่าไม่ต้องเกรงใจ เปี่ยมพูดต่อ “และก็พี่น้ำใสเป็นพี่ที่สดใสเสมอมา ช่วงที่แย่ๆ ก็มีพี่น้ำใสช่วยดึงขึ้นมาได้ ส่วนพี่ก่อนก็คอยขึ้นเธียเตอร์ด้วยกัน ตื่นเต้นทุกครั้งก็เจอพี่ก่อนตลอดเลย เอาจริงๆ ตอนแรกไม่ได้คิดว่าจะผูกพันขนาดนั้น แต่พอเอาเข้าจริงๆ ก็เฮ้ย โคตรรักกันเลยอะ คือคิดว่าเหมือนอยู่ตัวคนเดียว แต่ความจริงไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว มีเพื่อนๆ เยอะแยะ”

มาถึงช่วงที่ก่อนพูดถึงเพื่อนๆ บ้าง “เริ่มจากพี่เป้นะคะ รู้สึกว่าเริ่มคุยกันตั้งแต่ตอนที่เราทำคอนเสิร์ตของพี่เป้ หนูเป็นคนช่วยทำ VTR ให้ เริ่มได้คุยกันมากยิ่งขึ้น ได้เห็นมุมต่างๆ ของพี่เป้มากขึ้น จนถึงวันนี้เรารู้สึกว่านี่แหละพี่เป้ ส่วนพี่เฌอหนูรู้สึกว่าทุกๆ ครั้งที่ได้อยู่กับพี่เฌอ มีพี่เฌอเหมือนมีเสาหลักของบ้าน รู้สึกอุ่นใจทุกครั้งเหมือนมีแม่คนนึง กับน้ำใสก็คือแก๊งเดียวกัน เป็นแก๊งสารภาพรัก ข้าก็รักเจ้าเสมอ อย่างที่เขียนไปให้ (ยิ้ม) แอบสปอยล์นิดนึงว่าเขียนไปว่าอย่าเลิกเป็นเพื่อนกันได้มั้ย อยู่ด้วยกันตลอดไป (ยิ้ม) กับเปี่ยมคือคู่หูโอชิเบะคนเดียว รู้สึกดีใจมากที่ทุกครั้งที่เจอน้องในทีม”

ปิดท้ายที่เฌอปรางสรุปถึงความสัมพันธ์ไว้ว่า “ทุกคนก็จะมีโมเมนต์ความสัมพันธ์กันและกันต่างๆ กันไป ด้วยความที่ผ่านงาน จริงจังทำงานด้วยกัน บางทีมันจะมีเรื่องที่ให้ได้เรียนรู้ ผ่านโมเมนต์ที่อาจจะไม่ได้พอใจกันทุกเรื่อง แต่ก็เข้าใจกัน เติบโตเรียนรู้จากสิ่งเหล่านั้น มันมีความไม่พอใจที่เกิดขึ้นในการทำงานได้อยู่แล้ว บางทีความเห็นไม่ตรงกัน ทำให้เราเรียนรู้ เข้าใจเขามากขึ้นว่าอันนี้ควรให้ใครทำ มันจะมีความถนัดบางอย่างที่รู้โดยสัญชาตญาณเลยค่ะ”

จาก BNK48 ถึงแฟนๆ

เราให้สาวๆ ทั้ง 5 พูดถึงแฟนๆ ที่ติดตามกันมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา งานนี้เฌอปรางรีบถามแฟนๆ ว่า “พวกหนูสวยขึ้นกันมั้ยคะ” เรียกเสียงหัวเราะจาก 4 สมาชิกที่เหลือ ก่อนที่จะบอกว่าให้ลองดูตั้งแต่จากโปรไฟล์แรกจนถึงปัจจุบันว่าเป็นยังไง แต่ก็มีคนที่บอกว่าอย่าไปดูเลย เฌอปรางพูดต่อ “เราพัฒนาขึ้นแล้วค่ะ” จากนั้นสมาชิกที่เหลือผลัดกันเล่าว่า เคยเห็นแฟนๆ เอาภาพตั้งแต่อันแรกจนถึงปัจจุบันมาเปรียบเทียบ รู้สึกว่าหน้าไม่เหมือนเดิม ก็มีจัดฟันบ้าง เปลี่ยนทรงผมบ้าง ส่วนการแต่งหน้าเก่งขึ้นกันทุกคน เคยมีแฟนๆ ทักว่าไปทำหน้า แต่ความจริงคือใช้เมคอัพเข้าช่วย

จากนั้นเฌอปรางบอกว่า “แต่การดูแลตัวเองเปลี่ยนค่อนข้างเยอะ ก็อยากถามแฟนๆ ว่าพวกเราดูดีขึ้นใช่มั้ยคะ เก่งขึ้น เติบโตขึ้นใช่มั้ย เขาน่าจะภูมิใจ ดีใจกับการเปลี่ยนแปลงของพวกเรา แต่อีกอันที่พวกเรารู้สึกเองก็คือความสามารถในการจำท่า การซ้อมใดๆ ก็สปีดอัพขึ้น เมื่อก่อน 1 เพลงใช้เวลา 2-3 เดือน ปัจจุบันคือ 1 วัน วันไนท์มิราเคิล (ยิ้ม) บางทีนะคะจะประมาณนั้นแล้วค่ะ ด้วยตัวงานทำให้พวกเราต้องทำแบบนั้น” ปูเป้เสริม “มันต้องทำได้เท่านั้นค่ะ (หัวเราะ) ไม่ได้ก็ตุ้บบนเวทีเอง” เฌอปรางพูดต่อ “อันนี้คือสิ่งที่เปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนจนพวกเรายังทึ่งกันอยู่เลยค่ะ”

ปิดท้ายเฌอปรางขอบคุณแฟนๆ “ขอบคุณแฟนๆ จริงๆ ที่สนับสนุนพวกเรามาจนถึงทุกวันนี้ จนเติบโตมีรุ่นน้อง มีพื้นที่ของตัวเอง ก็หวังว่ามันจะเติบโตต่อไปเรื่อยๆ เป็นพื้นที่ที่ทำให้คนที่เข้ามาได้เรียนรู้ เติบโตกับการทำงานตรงนี้ เหมือนที่พวกเราได้ทำค่ะ”

ปูเป้พูดบ้าง “ขอบคุณที่ติดตามและสนับสนุนพวกเรามาจนถึงขนาดนี้ มีความรู้สึกร่วมกับพวกเรา ดูเอ็มวีแล้วร้องไห้ไปกับพวกเรา เวลาพวกเราร้องเพลงก็มีความรู้สึกร่วมกับพวกเรา เขาก็คงผูกพันกับพวกเรามากจริงๆ เราก็ผูกพันกับแฟนๆ ด้วยเหมือนกัน เวลาไปออกงานก็จะมีแฟนๆ คอยตามเชียร์ตลอด มันก็คงเหงาเหมือนกันถ้าไม่มีพวกเขา”

ด้านน้ำใสบอกว่า “ตอนนี้ทุกคนภูมิใจในตัวพวกเรามากมาย พวกเราทำทุกวันนี้ก็อยากให้แฟนเพลงที่สนับสนุนได้ภูมิใจในตัวเรามากขึ้น หนูพูดเสมอว่าอยากให้ทุกคนได้ภูมิใจกับการเป็นแฟนคลับ BNK48 เหมือนกัน ทำทุกงานอย่างตั้งใจและเต็มที่ เพื่อให้ทุกคนได้ภูมิใจกับทั้งตัวเองและพวกเราเลยค่ะ ก็หวังว่าทุกคนจะภูมิใจนะคะ”

ปิดท้ายที่ก่อนบอกว่า “หนูรู้สึกว่าได้เห็นแฟนคลับที่ตอนแรกตามพวกเราช่วงนึงแล้วหายไป เพราะกาลเวลาที่เปลี่ยนไป ทุกคนเติบโตขึ้น ทุกคนมีงานของตัวเอง พอเรามีสเปเชียลซิงเกิลก็เริ่มกลับมาตามเรา บางคนกลับมาเพื่อตามงานนี้โดยเฉพาะก็มี ก็รู้สึกขอบคุณที่แฟนๆ ยังคอยไปมาหาสู่พวกเรา ยังมีพวกเราอยู่ในความทรงจำของแฟนๆ ขอบคุณทุกคนมากๆ ที่ให้พวกเราเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของทุกคนค่ะ”.

ผู้เขียน : Penguin บินได้
ภาพ : ชุติมน เมืองสุวรรณ
กราฟิก : Chonticha Pinijrob