• โตโน่ ภาคิน กับความตั้งใจว่ายน้ำข้ามโขง อยากสานฝันให้หมอ-พยาบาล
  • เชื่อในองค์พญานาค จะทำให้การว่ายน้ำครั้งนี้ปลอดภัย และสำเร็จ
  • คำพูดหม่อมน้อยก่อนจากไป ทำให้ โตโน่ ยืนหยัดที่จะทำเพื่อสังคมต่อไป

อีกแค่ 1 วัน ก็จะถึงวันที่นักร้อง-นักแสดงหนุ่ม โตโน่ ภาคิน คำวิลัยศักดิ์ จะเริ่มทำกิจกรรม "One Man The River หนึ่งคนว่ายหลายคนให้" ว่ายน้ำข้ามแม่น้ำโขง ในวันที่ 22 ต.ค.นี้ ที่ จ.นครพนม เพื่อระดมทุนหาซื้อเครื่องมือแพทย์ให้กับ รพ.นครพนม และ รพ.แขวงคำม่วน สปป.ลาว ในวันที่ 22 ต.ค.นี้

โดย โตโน่ ได้ตั้งเป้าเอาไว้ 10 ล้านบาท และกำหนดเส้นทางว่ายระหว่าง องค์พญาศรีสัตตนาคราช เทศบาลเมืองนครพนม กับ วัดพระศรีโคตรบอง สปป.ลาว รวมเป็นระยะทาง 15 กม.

ซึ่งกิจกรรมนี้ก็มีทั้งคนที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย แต่ถึงจะมีกระแสดราม่าหนักหน่วงแค่ไหนก็ไม่สามารถล้มเลิกความตั้งใจของ โตโน่ ที่จะทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ

อยากสานฝันให้หมอ-พยาบาล

บันเทิงไทยรัฐออนไลน์ มีโอกาสได้สัมภาษณ์ถึงความตั้งใจที่จะทำกิจกรรมนี้ของ โตโน่ ภาคิน ซึ่งเจ้าตัวก็พร้อมจะเล่า และอธิบายให้ทุกคนได้เข้าใจถึงความตั้งใจที่จะว่ายน้ำข้ามโขงให้ได้ฟังว่า 

...

"สำหรับโปรเจกต์นี้เอาจริงๆ มันไม่ใช่ความฝันของผมหรอก มันเป็นความฝันของคนอื่น เป็นความฝันของคุณหมอและพยาบาล พอดีเมื่อสามเดือนที่แล้วผมได้มีโอกาสไปห่มพระธาตุพนม

แล้วได้เจอกับชาวบ้านเขาคงจะเห็นว่าผมเคยช่วยมาก่อน เลยเดินมาบอกว่าอุปกรณ์การแพทย์ที่โรงพยาบาลนครพนมขาดอยู่ ผมก็เลยไปดูที่โรงพยาบาลเจอกับคุณหมอและท่าน ผอ.

เลยได้รู้ว่ามีคนป่วยเพิ่มมากขึ้น มีนักท่องเที่ยวมากขึ้น จังหวัดใกล้เคียงก็มาใช้บริการที่นี่ รวมถึงพี่น้องฝั่งลาวด้วย ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าจะช่วยยังไงเพราะมันขาดเยอะ

และคราวที่แล้วผมก็เคยช่วยสัตว์ทะเลหายาก ครั้งนี้เรามาช่วยคนดูบ้าง และที่สำคัญก็คือ ยังได้เชื่อมในเรื่องของสิ่งแวดล้อมด้วย เพราะว่าระบบนิเวศของแม่น้ำลำคลองมันสำคัญมากกับทะเล

มันเกี่ยวโยงกันถ้าเราช่วยกันดูแลตั้งแต่ต้นน้ำ โดยเฉพาะแม่น้ำโขงมันจะช่วยได้อีกหลายชีวิต ที่อยู่ในนั้น ก็เลยกลายเป็นโครงการหนึ่งคนว่าย หลายคนให้ One Man The River

และการว่ายน้ำครั้งนี้มีระยะทางถึง 15 กิโล มันไกลมาก ตัวผมเองยังไม่เคยว่ายวันเดียว 15 กิโลเลยครับ เต็มที่ก็ว่ายแค่ 10 กิโล นี่จะเป็นครั้งแรกที่ผมจะได้ว่ายน้ำในแม่น้ำระยะทาง 15 กิโลเมตรครับ

โตโน่
โตโน่

และภารกิจนี้มันเกินตัวผม เงินเขาขาดกันเป็น 10 ล้าน ผมคนเดียวมันไม่ไหว แต่ถ้าทุกคนช่วยกันมันมีโอกาสผมเอาเงินผมไปเป็นทุน ได้สปอนเซอร์มา เอาเงินเก็บของผมมารวมกัน 2 ล้าน ผมเอา 2 ล้านนี้ไปลุ้น 18 ล้าน ถ้าเอาตรงๆ นะ ผมคิดว่ามันยังมีโอกาส ตราบใดที่มันมีโอกาสผมก็อยากจะลองดู

ถามว่าผมมีความกังวลเรื่องอะไร ก็เป็นเรื่องของความฟิตของร่างกายครับ เพราะว่าเวลาเตรียมตัวมันมีน้อย กระแสน้ำมันก็แรงแต่ผมก็มั่นใจว่าเราจะทำได้ แต่ความสำคัญไม่ได้อยู่ที่สภาพร่างกายของผม ความสำคัญมันอยู่ที่ทุกคนที่ฟังอยู่ว่าจะช่วยคุณหมอและพยาบาลหรือเปล่า

ตัวผมเองเป็นแค่ตัวเชื่อมเล็กๆ ที่มาบอกทุกคนว่าโรงพยาบาลทั้งฝั่งไทยและฝั่งลาวเขาขาดเครื่องมือนะ เรามาช่วยกันเถอะ และเราก็ถือโอกาสปลูกจิตสำนึกในเรื่องของการดูแลแม่น้ำลำคลองด้วย อันนั้นคือสิ่งที่สำคัญที่สุด

ไม่ใช่เรื่องที่ว่าผมจะว่ายน้ำไหวมั้ย หรือว่าผมกลัวหรือเปล่า อันนั้นเป็นเรื่องส่วนตัวผมครับ ผมขอบคุณสำหรับทุกคนที่เป็นห่วงเพราะผมทำงานหนักและก็ซ้อมด้วยเลยทำให้มีช่วงที่ป่วย

ยิ่งทำให้ผมมีเวลาเตรียมตัวน้อย แต่ก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด คอนเสิร์ตในเดือนตุลาก็ไม่รับงานแล้ว เพราะต้องการที่จะซ้อมให้เต็มที่

บวกกับผมจะเอาเงินจากคอนเสิร์ตผมจะมอบให้กับโรงพยาบาลทั้งหมดเลยเป็นเงินส่วนตัวของผม ผมวางแผนทุกอย่างไว้เรียบร้อยอีกไม่กี่วันก็จะถึงวันนั้นแล้ว

สำหรับกำลังใจจากทุกๆ คนผมรู้สึกขอบคุณมากๆ และขอบคุณทุกๆ คน และขอบคุณเพื่อนๆ ทุกคน จากทุกคนทุกช่องที่ตั้งใจจะมาช่วยในวันงาน

ไม่ว่าจะเป็นน้องณิชา น้องฮาน่า น้องไข่มุก พี่อู๊ด เป็นต่อ และอีกหลายๆ คนที่จะมาร่วมกันทั้งเดินรับบริจาค บางคนอยากจะมาว่ายน้ำด้วยอย่าง น้องนท เดอะสตาร์ แต่เราก็ต้องดูต้องลองซ้อมด้วยกันก่อน อย่างบางคนก็จะมารำกับชาวบ้านในวันนั้น เป็นการรำบวงสรวงก่อนที่จะเริ่มว่ายน้ำ"

...

โตโน่ ว่ายน้ำข้ามโขง
โตโน่ ว่ายน้ำข้ามโขง

กำลังใจที่สำคัญ

แม้ร่างกายจะยังไม่ค่อยพร้อม เพราะก่อนหน้านี้ต้องเข้าโรงพยาบาล แต่ โตโน่ ภาคิน ก็ไม่ถอย ขอสู้ทำกิจกรรมนี้ให้สำเร็จตามความตั้งใจ โดยมี 2 กำลังใจที่สำคัญอย่าง คุณแม่และณิชา ซึ่งโตโน่เล่าว่า 

"กำลังใจจากคุณแม่สำคัญที่สุดครับ ส่วนตัวคุณแม่ผมศรัทธากับพญานาคมาก และท่านก็คงรู้แหละว่าท่านห้ามลูกไม่ได้ ท่านก็คงจะขอให้องค์พญานาคช่วยคุ้มครอง และผมก็ได้พลังจากความรักของคุณแม่อยู่แล้ว

ก็ถือว่าเป็นกำลังใจที่สำคัญที่สุด ผมรู้ว่าผมคือที่สุดสำหรับคุณแม่ แต่ถ้าเราช่วยคุณหมอและพยาบาลได้ เราจะสามารถดูแลคนที่เป็นที่สุดของคนเป็นพ่อเป็นแม่ได้อีกหลายๆ คนได้เช่นกัน ดังนั้นมันคุ้มที่เราจะลองดูครับ (ยิ้ม)

ส่วนน้องณิชา เขาก็เป็นห่วงแต่เขาก็รู้ว่าผมทำเพื่ออะไร ตอนที่เขารู้ว่าผมจะทำ เขาถอนหายใจแต่ก็ห้ามไม่ได้เพราะเขารู้ว่าห้ามไม่ได้ ก็ต้องปล่อยให้ผมทำ (ยิ้ม)"

...

จากนั้น เราถาม โตโน่ ตรงๆ ว่า ทำไมถึงต้องเลือกช่วงเวลานี้ที่จะว่ายน้ำเพื่อหาเงินบริจาค เพราะมันเป็นช่วงมรสุมและกระแสน้ำค่อนข้างแรง ซึ่งพระเอกหนุ่มได้ตอบคำถามนี้ของเราว่า 

"ทำไมถึงเลือกช่วงเวลานี้ที่จะทั้งๆ ที่มันเป็นหน้ามรสุม คือมันเป็นช่วงเวลาเดียวที่ผมว่าง หลังจากนี้คิวงานแน่นหมดแล้ว คอนเสิร์ตเดือนพฤศจิกายน และธันวาคม เต็มหมดแล้ว ถ้ารอวันที่ผมว่างมันก็จะยาวเกินไปเพราะปีหน้าผมก็จะเปิดกล้องละครแล้วก็เลยต้องเป็นช่วงนี้ครับ"

เชื่อในองค์พญานาค

เราถาม โตโน่ ภาคิน ต่อว่า การที่ไปว่ายน้ำที่แม่น้ำโขง โตโน่มีความเชื่อในเรื่องของพญานาคหรือไม่ เพราะคนพื้นที่จะเชื่อในเรื่องนี้ ซึ่งโตโน่ก็ได้ตอบคำถามนี้ว่า 

"สำหรับตัวผมมีความเชื่อเรื่องพญานาค แต่ผมเชื่อในแบบของผม ผมเชื่อว่ามีจริงแต่ท่านคงจะไม่ได้มาทำอะไรที่มันไม่สมเหตุสมผล หรือเอาเปรียบคน หรือไม่มีประโยชน์ ท่านคงไม่มาทำแบบนั้น

แต่ถ้าในชาวพุทธก็มีเรื่องของท่านมาอยู่แล้ว และผมก็เชื่อว่ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุ้มครองพระธาตุพนม คุ้มครองแม่น้ำโขง รวมถึงพระธาตุศรีโคตรบองทางฝั่งลาวอยู่

...

ผมเชื่อนะ ก็เลยเอาความเชื่อตรงนี้มาเป็นหนึ่งในตัวช่วยในเรื่องของการตัดในเรื่องของความกลัวออกไปในเรื่องของกระแสน้ำ ความลึก ความขุ่น น้ำวน ข้างล่างมันมีแต่หลุม มีแต่บ่อผมเชื่อว่าท่านจะคุ้มครอง

และที่สำคัญเลย คือสำคัญกว่าความกลัว สำคัญกว่าความไกล สำคัญกว่าความเหนื่อย คือคุณหมอและพยาบาล และสิ่งแวดล้อมที่มันสำคัญจริงๆ

ถ้าทั้งสองอย่างนี้มันพังเราจะไม่เหลืออะไรแม้แต่ในสิ่งที่เรากลัวมันก็จะไม่เหลือ เราจะไม่เหลืออะไรเลย เลยรู้สึกว่าในช่วงเวลาที่ผมพอจะมีคนรู้จักอยู่บ้างผมยังพอมีแรงอยู่ก็อยากจะใช้ตรงนี้มาทำอะไรให้กับสังคม"

โตโน่ ภาคิน คำวิลัยศักดิ์
โตโน่ ภาคิน คำวิลัยศักดิ์

ขอบคุณทุกกำลังใจ

และตั้งแต่ที่ โตโน่ ภาคิน เริ่มประกาศจะทำภารกิจว่ายน้ำข้ามโขง เจ้าตัวก็เจอกระแสวิจารณ์อย่างมากมาย ซึ่งโตโน่ก็ไม่หวั่น และได้เผยความรู้สึกในใจของตัวเองให้ฟังว่า

"ผมขอบคุณมากเลยที่เป็นห่วงและส่งพลังมาให้ แต่คนที่ต้องการพลังคือคุณหมอและพยาบาล เราจะช่วยได้มากหรือน้อยคำตอบอยู่ที่ทุกๆ คนที่ฟังผมอยู่ตอนนี้

ผมมันเป็นแค่ตัวเชื่อมเล็กๆ ที่มาคอยบอกว่าเรามาจากการขอ จากการขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาเป็นการให้บ้างมั้ย ให้โอกาสกับคนที่ป่วย ให้โอกาสกับคุณหมอและพยาบาลได้ทำหน้าที่ของเขา เอาความรู้เอาความสามารถมาใช้อย่างเต็มที่ และเรามาให้โอกาสในการที่จะฟื้นฟูระบบนิเวศในแม่น้ำโขงกันดีมั้ย ผมว่านั่นเป็นสิ่งที่มันสำคัญ

ส่วนคนที่เป็นห่วงผมหรือให้กำลังใจผมขอบคุณผมจะรับเอาไว้ เวลาที่ผมเหนื่อย เวลาผมจ้วงไปทีละจ้วง ตอนที่ผมเงยหน้าขึ้นมาหายใจ

ถ้ามีเพื่อนๆ แฟนๆ มารออยู่ตามขอบแม่น้ำโขง มันก็คงจะช่วยผมได้ครับ แต่ถ้ามันไม่มีผมก็จะนึกถึงทุกๆ คอมเมนต์ทุกๆ แรงเชียร์ที่เขาส่งมาหาผม ผมพร้อมแล้วครับ (ยิ้ม)

สำหรับคนที่ด่า หรือดูถูก ผมไม่เคยร้องไห้เสียใจนะ ตอนเป็นเดอะสตาร์ก็โดนพี่ม้า พี่เพชร พี่โจ้ ด่า ด่ามาเถอะไม่มีอะไรเสียหายแล้วในชีวิตผม

และคนที่มาด่า คำดูถูกจากคอมเมนต์ต่างๆ ถ้าเทียบกับสิ่งที่ผมเจอมาตั้งแต่เด็ก มันทำอะไรผมไม่ได้ คอมเมนต์พวกนี้มันเล็กน้อยมาก คำด่าพวกนี้มันเล็กน้อยมาก ถ้าผมเปราะบางผมกลับไปนานแล้ว"

โตโน่ ภาคิน
โตโน่ ภาคิน

จะช่วยเหลือโลกต่อไป

และหลังจากที่ทำภารกิจว่ายน้ำข้ามโขงสำเร็จ โตโน่ ภาคิน ก็ยังมีความตั้งใจที่จะทำสิ่งดีๆ เพื่อสังคมต่อไป ในเรื่องของสิ่งแวดล้อม ซึ่งโตโน่เล่าให้เราฟังว่า 

"นอกจากโปรเจกต์นี้ ผมก็อยากจะทำเกี่ยวกับเรื่องของสิ่งแวดล้อมต่อเพราะสำหรับผมแล้วสิ่งแวดล้อมมันจะเป็นสิ่งสำคัญ และมันเป็นสงครามของผม สงครามของทุกคน ถ้าเราชนะ เราก็ชนะด้วยกันหมด ถ้าเราแพ้ เราแพ้ด้วยกันหมด

ผมจะทำโครงการเก็บรักษ์ต่อไป แต่การที่จะเอาร่างกายไปอัดแบบนี้อาจจะขอพักไปก่อน หลังจากนี้ก็คงจะออกไปเก็บขยะ ไปเจอน้องๆ ตามโรงเรียน ตามมหาลัย เอาเรื่องของกีฬา และทุนการศึกษาไปให้ อันนั้นเป็นสิ่งที่ผมทำประจำอยู่แล้ว 

สิ่งที่ทำให้ผมมีความคิดอยากจะแบ่งปันและช่วยเหลือคนอื่น เพราะผมมองว่าคนในชาติผม รวมถึงเพื่อนร่วมโลกเป็นครอบครัวผม ผมคิดอย่างนั้นครับ

ผมไม่ใช่คนดีนะครับ ผมบอกก่อน สิ่งที่ไม่ดีผมก็เคยทำ สิ่งที่ดีผมก็เคยทำ แต่เพียงแค่ว่าชีวิตบางทีมันสอนผมในหลายๆ อย่าง เราไม่รู้ว่าวันข้างหน้ามันจะเกิดอะไรขึ้น อย่างคุณพ่อผม อยู่ดีๆ ก็เสียชีวิตทั้งๆ ที่ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่ม อยู่ๆ ก็เส้นเลือดในสมองแตก

ผมรู้สึกว่าคนเรามันไม่ได้สำคัญว่าใครอยู่ได้นานกว่ากัน มันสำคัญว่าตอนที่เราอยู่ เราคิดกันได้มากแค่ไหน และเราทำอะไรเพื่อพวกเขาบ้าง

ผมได้ยินมาพอแล้วกับการที่มีคนออกมาโพสต์ ออกมาพูดว่ารักนู่นรักนี่รักลูกหลาน ตอนนี้มันถึงช่วงเวลาเป็นยุคที่ต้องลงมือทำให้เขาเห็น

เพราะถ้าเราพูดแล้วมันดีขึ้นมันจะไม่เป็นอยู่แบบทุกวันนี้ สิ่งแวดล้อมจะไม่เป็นแบบนี้ นั่นหมายความว่ารักที่เราพูดให้กับโลกใบนี้ พูดให้กับเด็กๆ และประเทศชาติเรา เรายังรักกันไม่พอ เราทำมันไม่พอ มันถึงเป็นแบบนี้

ทำไมเราถึงต้องเป็นหนึ่งใน 10 ของประเทศที่มีขยะพลาสติกมากที่สุดในโลก ทำไมเราไม่ช่วยกันทำให้เราเป็นหนึ่งใน 10 ประเทศที่มีสิ่งแวดล้อมดีที่สุดในโลก

ผมอยากเห็นวันนั้น และผมก็จะลองสู้ในสงครามครั้งนี้ดู ผมรู้ว่ามันเกินตัวผม ผมรู้ว่ามันยากมากๆ กับการที่จะปลุกให้ทุกคนตื่น ผมไม่ได้มีหน้าที่ตรงนี้โดยตรงแต่ผมมีหน้าที่ในความเป็นคน ในความเป็นมนุษย์ที่ใช้อากาศในโลกมนุษย์นี้หายใจ

ใช้ทรัพยากรบนโลกนี้ในการที่จะมีชีวิตอยู่เหมือนกับทุกๆ คน ดังนั้นผมมั่นใจว่าผมมีส่วนในการรับผิดชอบโลกใบนี้ เลยอยากจะเชิญชวนครับให้ทุกคนมาช่วยกันเพราะว่าทุกคนสำคัญจริงๆ กับประเทศชาติกับโลกใบนี้

ผมอยากให้เด็กๆ โตขึ้นมาแล้วได้เจออากาศดีๆ ให้เขาหายใจ มันคือขั้นพื้นฐานที่เราควรให้เขา เขาควรได้รู้จักกับโลมา พะยูน ฉลามวาฬ ไม่ใช่แค่ใน Google หรือ YouTube

เขาควรจะได้รู้ว่าในอ่าวไทยมันมีสัตว์พวกนี้อาศัยอยู่นะ ในแม่น้ำโขงมีปลาบึกนะ แม่น้ำเจ้าพระยาเป็นอย่างไรทะเล ภูเขา ผมว่าเขามีสิทธิ์ที่ควรจะได้รู้ เราที่พูดว่ารักเขาถึงเวลาที่เราต้องรักให้จริง

ต้องรอให้มันสายเกินไปเหรอ น้ำท่วมหนักขนาดไหนแล้ว ภัยแล้งมาแต่ละที ไฟป่ามาแต่ละที เราก็ทำได้แค่แก้ปัญหาเฉพาะหน้า มันถึงเวลาหรือยังที่เราจะต้องแก้ทั้งที่ต้นเหตุและปลายเหตุ

ผมว่ามันถึงเวลาแล้ว ผมเลยอยากใช้ช่วงเวลาที่ผมยังพอมีแรงอยู่ อยากใช้ช่วงเวลานี้ที่ยังมีกำลังสามารถเป็นกระบอกเสียง ผมไม่อยากให้มองว่าเรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องใกล้ตัว

ผมอยากให้ทุกคนนึกว่ามันเป็นสงครามที่เราต้องสู้กับมัน สิ่งแวดล้อมมันกำลังจะพังแล้ว ถ้ามันพังเราตายกันหมด เราแย่กันหมด เศรษฐกิจ การท่องเที่ยว คุณภาพชีวิตต่างๆ แย่ มันเป็นความรับผิดชอบของพวกเราทุกคนที่จะทำให้โลกมันดีขึ้น นี่คือเป้าหมายของผม ความตั้งใจของผม"

คำพูดของหม่อมน้อย

อยู่ๆ โตโน่ ก็ได้เล่าถึง หม่อมน้อย ครูอีกคนที่สอนวิชาการแสดงให้กับเขา เผยคำพูดสุดท้ายที่ได้คุยกับหม่อม เมื่อตอนที่เข้าไปเยี่ยมหม่อมน้อยที่โรงพยาบาลให้ได้ฟัง และคำคำนั้นยิ่งทำให้โตโน่หนักแน่นในความตั้งใจที่จะทำอะไรเพื่อโลกใบนี้

"หม่อมน้อยพูดกับผมว่า โตโน่อย่าเปลี่ยนไปนะ ขอให้เป็นแบบนี้นะ อย่าเปลี่ยนไป และรักษามันไว้ มันยิ่งทำให้มันฝังเข้าไปในกระดูกผม เข้าไปในเลือดผม ว่าผมมาจากไหน แล้วผมควรจะต้องเป็นคนยังไง ทำอะไรเพื่อใคร

วงการนี้มีคุณค่ากับผมยังไง การแสดงให้อะไรกับผมบ้าง ได้ความรู้จากครูบาอาจารย์ที่ผมเคารพรัก ตัวผมเองจากเด็กแจกโบรชัวร์ตามท้องถนน ผมขัดห้องน้ำล้างอึล้างฉี่คนอื่น จนวันนี้ผมได้มีโอกาสมาทำอาชีพที่มันมีเกียรติและทำให้คุณยิ้มได้ มันมีคุณค่ากับคนอย่างผม

ผมลืมไม่ได้หรอก ผมจะไปคิดว่าผมเก่งแล้วไม่ได้ เมื่อ 10 กว่าปีมีคนเก่งกว่าผมเป็นร้อยเป็นพันคน แต่ผมกลับได้เป็นหนึ่งในแปดคนของเดอะสตาร์ และถ้าผมลืมตัวผมไม่พัฒนาตัวเองก็เท่ากับว่าผมดูถูกความฝันของอีกกี่หมื่นคนที่มาต่อแถวในวันนั้น

ซึ่งพวกเขามีค่าสำหรับผม ที่คนมองว่าทำไมผมต้องมาทำเพื่อคนอื่น แต่ผมมีทุกวันนี้ได้ก็เพราะพวกเขาโหวตให้ผมนะ ผมถึงได้เป็นเดอะสตาร์

ก่อนที่ผมจะเข้ามาในตึกนี้ ผมตื่นเต้นขนาดไหนในวันที่ผมได้มาแกรมมี่ ตอนที่ผมเห็นพระพรหม ผมไหว้ขอท่านว่าให้ผมได้ทำงานที่นี่นะ แล้ววันนี้ผมทำงานอยู่ในนี้ ผมมีสิทธิ์เหรอที่จะลืม ผมไม่ลืมคำพูดผมแน่ เพราะฉะนั้น ถ้ายังมีโอกาสผมก็อยากจะทำอะไรเพื่อตอบแทนโลกที่ผมอาศัยอยู่ครับ (ยิ้ม)"

ผู้เขียน : จันทร์เจ้าขา

กราฟิก : Theerapong Chaiyatep, Varanya Phae-araya

ช่างภาพ : ชุติมน เมืองสุวรรณ

โตโน่ เดอะสตาร์
โตโน่ เดอะสตาร์
ภาคิน คำวิลัยศักดิ์
ภาคิน คำวิลัยศักดิ์
โตโน่ ภาคิน
โตโน่ ภาคิน