- หยิ่น-วอร์ คัมแบ็กในรอบ 3 ปี กลรักรุ่นพี่ ฉบับเต็ม ออนแอร์ให้ได้ชมแล้ว
- ไม่เคยน้อยใจ แม้จะมีซีรีส์แค่เรื่องเดียว แต่ซึ้งใจที่แฟนคลับยังซัพพอร์ตเสมอ
- ขอบคุณตัวเองที่กล้าเดินออกจากเซฟโซน จนทำให้มีวันนี้
ได้ฤกษ์ออนแอร์เป็นที่เรียบร้อย หลังจากแฟนคลับหมูยอรอคอยกันมาเกือบ 3 ปี สำหรับซีรีส์เรื่อง กลรักรุ่นพี่ LOVE MECHANICS จากโปรเจกต์ WeTV Original ที่ได้ หยิ่น อานันท์ มารับบท วี และ วอร์ วนรัตน์ รับบท มาร์ค พระเอก-นายเอกของเรื่อง ซึ่งคู่นี้เคยสร้างความประทับใจให้กับแฟนๆ มาแล้ว ใน กลรักรุ่นพี่ ที่เป็นมินิซีรีส์ในโปรเจกต์ En of Love รักวุ่นๆ ของหนุ่มวิศวะ ซึ่งผู้จัดทนคำเรียกร้องของแฟนคลับไม่ไหว ต้องสร้างภาคแยกที่เป็นฉบับเต็มให้ได้ฟินกันแบบจุใจ
ล่าสุด หยิ่นและวอร์ ได้เดินทางมาเยือนไทยรัฐออนไลน์อีกครั้ง พร้อมกับพูดคุยอัปเดตเรื่องราวในชีวิตตอนนี้ให้ได้ฟัง แม้ที่ผ่านมาเราอาจจะไม่ค่อยได้เห็นคู่นี้ทางหน้าจอทีวีบ่อยเหมือนเมื่อก่อน แต่ทั้งคู่ก็ยังรู้สึกขอบคุณแฟนคลับบ้านหมูยอที่ให้การสนับสนุนมาโดยตลอดและไม่ทิ้งกันไปไหน อีกทั้งก่อนหน้านี้ได้มีแฮชแท็ก #หยิ่นวอร์เลิกกันแล้วเหรอ ติดเทรนด์ทวิตเตอร์ บันเทิงไทยรัฐออนไลน์ก็ได้สอบถามเรื่องนี้มา ซึ่งทั้งคู่เล่าให้ฟังแบบขำๆ ว่า
...
วอร์ "อ๋อ เขาทำกันฮาๆ เหมือนทำสกู๊ปข่าวอะไรสักอย่าง"
หยิ่น "มันเริ่มจากที่นายลงสตอรี่เพลงเศร้ามั้ง มันเริ่มจากที่นายลงฟิลเตอร์ดำๆ แล้วไปใส่แว่น แล้วความหมายแบบ ไอด้อนท์แคร์บอสตัน มันก็เลยดูเหมือนมีความงอน (หันไปทางวอร์)"
วอร์ "ไม่ใช่สีขาวดำ"
หยิ่น "มันไม่ใช่ มันเป็นฟิลเตอร์ที่มืดๆ ไง แล้วเพลงดูเศร้าๆ คนก็เลยตีความเล่นๆ ไง"
วอร์ "(หัวเราะชอบใจ)"
หยิ่น "แล้วสตอรี่ถัดไปเป็น ไอด้อนท์แคร์บอสตัน เขาก็เลยตีความกัน"
วอร์ "อ๋อ (ยิ้มขำ)"
กลรักรุ่นพี่ ฉบับเต็ม กลับมาแล้วหลังรอคอยมา 3 ปี
วอร์ "ระยะเวลาห่างกันประมาณ 2 ปีเกือบ 3 ปีครับ ด้วยเนื้อเรื่องคือเริ่มต้นใหม่หมดเลย แล้วก็ทำที่มาที่ไปใหม่หมด ตั้งแต่เนื้อเรื่องเริ่มต้น แต่ว่าก็ยังอยู่ในแนวทางของนิยายอยู่"
หยิ่น "มีเส้นเรื่องเดิมครับ เหตุการณ์หลักๆ ในออริจินัลนิยายเป็นยังไงก็ยังคงเส้นนั้นไว้ แต่ก็จะมีเหตุการณ์เล็กๆ เพิ่มเข้ามา แต่ว่าก็จะมีเหตุการณ์หลักใหม่อื่นๆ เพิ่มขึ้นมา อย่างที่ออนแอร์ไปแล้ว การที่มีคนสติไม่ดีเข้ามาทำร้าย อันนี้ก็เป็นเส้นเรื่องใหม่ที่เพิ่มเข้ามา ทำให้ตัวละครมีความสัมพันธ์กันมากขึ้น มีความผ่านร้อนผ่านหนาวกัน"
วอร์ "และด้วยวิธีการต่างๆ ที่ทำให้เราเจอกันหรือว่าทำให้ความสัมพันธ์เราพัฒนาไปมันก็เป็นอีกเวย์หนึ่ง ด้วยความที่นิยายมันเก่าแล้ว มีบางอย่างที่ต้องอัปเดต ต้องปรับไปด้วย ความเหมาะสมด้วย"
เมื่อเราถามว่า ในฉบับเต็มนี้มีนักแสดงเข้ามาแจมหลายคน รวมไปถึง หมอริท (ริท เรืองฤทธิ์) และ เพิร์ธ (เพิร์ธ วีริณฐ์ศรา) รวมทั้งนักแสดงคนอื่นๆ ด้วย เป็นยังไงบ้าง เจ้าตัวบอกว่า
หยิ่น "ผมว่าแต่ละคนพาร์ตความสนิทก็จะต่างกัน พี่วอร์ก็จะไปสนิทกับทางหมอริท (ริท เรืองฤทธิ์) เพราะว่าเขาเล่นด้วยกันเป็นหลัก แล้วเขารู้จักกันมาก่อนด้วย ผมก็รู้จักในระดับหนึ่ง ผมก็เล่นกับเขาเข้าซีน แต่ผมจะสนิทกับทาง เพิร์ธ (เพิร์ธ วีริณฐ์ศรา) เป็นพาร์ตของผมเป็นหลักในเนื้อเรื่อง ก็จะทำให้ได้เจอกัน ก็รู้สึกดีครับ ได้เล่นกับนักแสดงที่มีชื่อเสียง เข้ามาร่วม ทำให้ซีรีส์ดูมีพลัง แล้วก็ได้คนที่มีฝีมือจริงๆ เข้ามาเล่นครับ ก็ทำให้ซีรีส์ดูมีอรรถรสมากขึ้นด้วย"
หายไป 2 ปี แต่กลับมากระแสตอบรับดีมาก
หยิ่น "จริงๆ ผมมองว่ามันดีมากนะ มันค่อนข้างดีมากจริงๆ แต่ว่าหลักๆ แล้วเป็นแฟนคลับหมูยอที่รอมา แต่ก็ดีครับผลตอบรับดี ทำให้พวกเรานักแสดงแฮปปี้"
...
วอร์ "มีฐานแฟนคลับเพิ่มมากขึ้นครับ เหมือนกับมีคนใหม่ๆ เพิ่มเข้ามาครับ อย่างแรกๆ บางทีเขาก็ไม่รู้จักเราเลยครับ แล้วเพิ่งได้มาดู ก็สนุกกับพลอตเรื่อง"
หวังอยากให้ผู้ชมซีรีส์อินและสนุกไปด้วยกัน
หยิ่น "จริงๆ ถ้าวัดความสำเร็จ ผมมองว่าภาคแรกมันสำเร็จกว่านะ (หัวเราะ)"
วอร์ "โหย ยังไม่จบเลย มีทั้งหมด 10 ตอนครับ"
หยิ่น "หมายถึงเป็นตอนครับ ทั้งหมดมี 10 ตอน แต่ตอนนี้ยังไม่จบไง แต่ผมรู้สึกว่าภาคฉบับเต็มดีกว่าอยู่แล้ว ทั้งเนื้อเรื่อง ฝีมือการแสดง ทุกอย่างมันค่อนข้างแน่นอน การเล่าเรื่องรวมๆ มันดีกว่าภาคแรกพอสมควรครับ ที่เหลือก็ให้แฟนๆ ได้รับชมและตัดสินใจกันเองดีกว่า"
วอร์ "ถามว่า คาดหวังยังไงเหรอ ผมคาดหวังให้คนดูสนุก ให้คนดูดูแล้วอิน ดูแล้วชอบ เกิดการวิเคราะห์ เกิดการวิจารณ์ นั่นแหละ ผมชื่นใจในแง่นั้น ผมว่าทีมงานทุกคนก็ชื่นใจรอดูว่าผลลัพธ์ออกมายังไง ทุกคนตั้งใจทำมากๆ อยากเห็นคนพูดว่าฉากนั้นดีมาก เรื่องราวเนื้อเรื่องดี ผมคาดหวังให้มันเป็นอย่างนี้ครับ แค่นี้ก็ดีใจแล้ว"
...
เราถามว่า แม้จะมีน้องๆ รุ่นใหม่เกิดขึ้นมาเยอะ แต่ชื่อของ หยิ่น-วอร์ ก็ยังเป็นที่รู้จัก แต่ทั้งคู่ก็ยังนอบน้อมและบอกว่า จริงๆ มองว่าตัวเองไม่ได้โด่งดังมากขนาดนั้น
หยิ่น "จริงๆ ผมว่าเราสองคนแคบมากเลยนะ หมายถึงในความคิด ไม่ได้ยอมรับว่าตัวเองดังมากขนาดนั้น (ยิ้ม)"
วอร์ "รู้สึกยินดีครับ เป็นเกียรติมากๆ ที่ทุกคนได้อะไรจากเรา แสดงว่าทุกคนที่มาติดตามเรา เขาชอบบางอย่างในตัวเรา เขาได้รับผลประโยชน์ทางตรงทางอ้อม แรงบันดาลใจหรือว่าอะไรต่างๆ ในตัวเรา ถ้าอะไรที่ส่งผลดีต่อคนอื่นเราก็ยินดีมากๆ ครับ (ยิ้ม)"
หยิ่น "รู้สึกประทับใจครับ ก็เกินคาดไปเยอะมากครับ เพราะเอาจริงๆ เราก็มีซีรีส์แค่ 2 เรื่องเอง (หัวเราะ) แต่ในระหว่างทางก็มีงานคั่นมาเรื่อยๆ รู้สึกว่าเกินกว่าที่คาดไว้เยอะมากครับ ดีใจครับที่มีคนรู้จัก และอย่างที่พี่วอร์พูดไปครับ อย่างน้อยคนที่มาติดตามเรา เขาได้อะไรกลับไปจริงๆ ก็เป็นสิ่งที่เราพอใจแล้ว
แต่เราไม่ได้น้อยใจอะไรนะครับ เพราะว่าโอกาสในแต่ละที่ ในแต่ละมุม ในแต่ละที่อยู่ แต่ละทีม มันไม่เท่ากันอยู่แล้วครับ เราได้ตรงนี้ก็ถือว่าโอเคแล้วกับผลลัพธ์ที่ออกมา ที่บอกว่าไม่ได้มีผลงาน แค่ไม่ได้มีผลงานการแสดงเฉยๆ แต่เรายังมีผลงานออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นรายการ งานกับลูกค้า โปรเจกต์กับลูกค้าออกมาเรื่อยๆ เราไม่ได้น้อยใจที่ซีรีส์น้อย"
...
วอร์ "เราก็ยังมีซีรีส์ออกมาอีกครับ แต่ยังอยู่ในกระบวนการอยู่ ตอนนี้ก็ติดตามเราผ่านทางยูทูบ ทางอินสตาแกรมก่อนนะครับ (ยิ้ม)"
วอร์ "ถามว่า ช่วงนี้เจอกันทุกวันมั้ย เจอกันทุกวันครับในพาร์ตของการทำงาน แต่ก็ยังไม่ได้เจอกันในพาร์ตอื่นสักที อยากไปเที่ยวด้วยกันครับ"
หยิ่น "แต่ก็จะมีไปเที่ยวแทรกๆ บ้าง อย่างเมื่อก่อนถ้าวันนี้เลิกงานเร็ว แล้วพรุ่งนี้เริ่มงานบ่ายสอง ก็จะชวนไปตกหมึกกัน ไปนอนเลย ตื่นเช้าก็ค่อยกลับมาทำงานต่อ ก็จะเป็นเวลาคั่นนิดเดียวที่ทำให้กลุ่มเราได้ไปเที่ยวกัน ส่วนมากจะเป็นแนวนั้น เว้นแต่จะไปทำงานต่างจังหวัด อันนั้นก็ถือว่าได้ไปเที่ยวด้วย"
หยิ่น "แพลนจัดมีตติ้งที่ต่างประเทศเหรอครับ จริงๆ พวกผมทั้งทีมเลยอยากไปแฟนมีตกันที่ต่างประเทศ แม้กระทั่งแฟนมีตที่จัดกันเองในประเทศไทยยังไม่เคยได้จัดกันเองเลยนะ ก็อยากให้มีอย่างนั้นเหมือนกันครับ ส่วนมากจะเป็นงานมีตแอนด์กรี๊ดอยู่ในแบรนด์สินค้า
แต่ในแง่ของต่างประเทศที่ชัวร์ๆ เลยก็มีที่ประเทศฟิลิปปินส์ครับ ก็ไปเป็นส่วนหนึ่งของงานครับ ก็จะไปร่วมกับศิลปินหลายๆ ท่าน ที่ชัวร์ยังมีแค่นั้น ส่วนที่เหลืออาจจะเป็นแพลนในอนาคตกันในทีมครับ ถ้าเป็นแฟนมีตหยิ่น-วอร์ยังไม่เคยมีเลยครับ"
วอร์ "ถามว่ามีแพลนเป็นแฟนมีตของเราเองมั้ย ต้องมี มีแพลนครับ เคยจะมีแพลนอยู่แต่ว่าช่วงนั้นเจอโควิดมาก่อน เลยต้องเลื่อนไปก่อน และเรามีตารางงานที่แน่นมาก เลยยังไม่ได้มีโครงการจะทำต่อ แต่ว่าในอนาคตต้องมีแหละ ต้องมีสักหน่อยหนึ่ง"
ขอบคุณตัวเองที่กล้าก้าวออกจากเซฟโซน
หยิ่น "หากมองย้อนกลับไป มันก็มีแวบคิดเป็นปกติครับ ก็มีขอบคุณตัวเองที่กล้าตัดสินใจ กล้าทำในสิ่งที่เรียกได้ว่า ตัวผมเองโดยส่วนตัวเป็นคนที่ตัดสินใจอะไรแบบนี้ยาก ก็ไม่ค่อยกล้าที่จะออกจากเซฟโซน ก็ต้องขอขอบคุณตัวเองที่กล้า ออกมาทำในจุดนี้ มันก็พลิกไป แต่ว่าทุกๆ ที่ผมจะใช้คำว่าประสบความสำเร็จ ก็ยังพูดเต็มปากไม่ได้ เพราะในแง่คนอื่นมอง มันก็สำเร็จจริงเป็นก้าวแรก
คำว่าประสบความสำเร็จของแต่ละคนอาจมีความหมายต่างกัน สำหรับผมมองว่าคำนี้คือความสำเร็จจริงๆ แบบไม่ต้องทำอะไรแล้ว แต่ตัวผมยังไม่ถึงก้าวนั้น แต่ก็มีวกกลับไปคิดที่ตัวเองกล้า และประทับใจในตัวเองที่กล้าทำ ก็ต้องขอขอบคุณตัวเองด้วยครับ
จะทำอะไรต่อในวงการนี้ก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคต เพราะว่าเทรนด์ในวงการมันค่อนข้างที่จะเปลี่ยนไปเร็ว เราคอยดูว่าในอนาคตเรายังเหมาะกับพื้นที่ในวงการนี้อยู่มั้ย เพราะว่าเทรนด์มันเปลี่ยนเร็วมาก ต่อไปมันจะใช่เรารึเปล่า ก็ต้องดูอีกที แต่ถ้าเกิดเป็นเทรนด์ที่อยู่ในทุกวันนี้ รู้สึกว่าก็ยังมีความสุขกับการทำงานในวงการ ก็อยากอยู่ต่อไปเรื่อยๆ ครับ"
วอร์ "ถ้าย้อนกลับไป ผมเคยคิดย้อนว่า ถ้าเกิดเราไม่เลือกงานด้านนี้ มันจะไปในเวย์ไหน แต่ว่าก็ดีใจที่เราเลือกทางนี้ เพราะว่ามันเป็นประตูบานใหญ่ๆ ที่เปิดให้เราได้เห็นอะไรที่กว้างมากๆ ได้ลองทำอะไรใหม่ๆ เยอะมากๆ ครับ
ขอบคุณที่ตัวเองตัดสินใจเลือกทำทางนี้ แล้วก็ขอบคุณทุกประสบการณ์ที่ผ่านมา มันดีมาก ไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์ที่ไม่ดีหรือดี ผมรู้สึกว่าถ้าย้อนกลับไปมันก็ต้องเจอ การที่เราเจออย่างนั้นมันทำให้เรารู้อะไรเยอะเลย ส่วนในอนาคตจะทำอะไร นั่นแหละถ้ามีโอกาสมาผมก็ทำอะไรที่ทำอยากทำ คือได้ทำอะไรเยอะมากๆ เลย ก็อยากลองทำต่อไปเรื่อยๆ"
"ผมรู้สึกว่าอายุเยอะขึ้น โตขึ้น ผมรู้สึกว่าเวลามันผ่านไปเร็วมากนะ ต่างจากสมัยก่อน สมัยก่อนมันช้ากว่านี้ ผมรู้สึกว่าทำไมมันผ่านไปแป๊บเดียว เราก็โตขึ้นในเรื่องของการทำงาน ส่วนพาร์ตอื่นๆ เราไม่รู้เลย เพราะว่าเราทำงานกันหนักมาก มันก็เลยโฟกัสที่งาน แต่สิ่งอื่นๆ เราไม่รู้เลย"
หยิ่น "มันก็เป็นเรื่องปกติแหละ พอเราอายุเยอะขึ้น แล้วผ่านอะไรมากขึ้น มาอยู่ตรงนี้ เราเห็นสิ่งที่ดีสิ่งที่ไม่ดี ทุกอย่างหล่อหลอมเป็นประสบการณ์หมด ทำให้ทั้งคู่เติบโตในรูปแบบที่เราเจอ ได้ข้อคิดได้อะไรกลับมาหลายๆ อย่าง ผมว่าก็โตครับ แต่ขึ้นในแบบของเรา ผมว่าก็ยังมีความเป็นเด็ก อะไรที่เป็นนิสัยเราอยู่"
"ผมยังจำวันที่สัมภาษณ์กับสื่อครั้งแรก มีไมค์มาตั้งเยอะๆ ตั้งแต่ประเด็นโควิดแรกๆ เลย กลับไปยังนั่งร้องไห้กันอยู่เลย แต่ว่าทุกวันนี้เราก็โตขึ้น วางตัวเป็นมากขึ้นในวงการ"
ด้อมหมูยอยังคงเหนียวแน่น
หยิ่น "ผมว่าต้องขอบคุณพวกเขาชาวหมูยอมากจริงๆ นะ คืออย่างที่บอกครับ พวกเราทั้งคู่ ช่วงเวลาที่อยู่ในวงการนี้ ผลงานน้อยมาก (ยิ้ม) แล้วไม่ใช่ผลงานที่เต็ม 10 EP EP ละชั่วโมง แต่มาเรื่องนี้จะเป็นครั้งแรกเลย การที่มีแฟนคลับยังเหนียวแน่นได้จนวันนี้ เขารักเราจริงๆ เขารักในสิ่งที่เราเป็นเรา ขอบคุณที่ยังอยู่ด้วยกัน และสนับสนุนกันมาเรื่อยๆ แบบนี้ครับ เรื่องราวพวกนี้ตอนที่เราแก่ มองย้อนกลับมา มันเป็นเรื่องที่น่าจะมีความสุข"
วอร์ "อยากขอบคุณทุกคนครับ ที่อยู่ด้วยกันมา ไม่จำเป็นต้องเริ่มจากวันแรกก็ได้ ที่เพิ่งเข้ามา ผมก็รู้สึกว่ามันเป็นกำลังใจที่ดีมากๆ ไม่ว่าจะเจอปัญหาอะไร คือพอมันเจอปัญหา
ผมรู้เลยว่า การมีอยู่ของแฟนๆ การมีอยู่ของกำลังใจที่เยอะๆ มันช่วยเราได้เยอะจริงๆ และช่วยให้เรากล้าทำอะไรต่างๆ ได้มากขึ้น แค่คำต่างๆ ว่า ทำได้ สู้ๆ นะ มันก็เพิ่มความมั่นใจให้เราได้มากแล้วครับ ต้องขอบคุณที่เป็นกำลังใจครับ และเราก็เป็นส่วนหนึ่งที่ให้กำลังใจตอบด้วยครับ มันรู้สึกว่ามีคุณค่าให้กันและกันดีมากๆ เลยครับ"
หยิ่น "ขอบคุณเหมือนกันครับ โอ้โห ผมมองว่าเราเอกลักษณ์ต่างมากเลยนะ หมายถึงว่าถ้าเกิดในวงการจิ้น เราทั้งคู่แทบไม่ทำอะไรเลย แล้วกลายเป็นว่าเขารักในสิ่งที่เราเป็นเรา ผมต้องขอขอบคุณที่รักในความเป็นเรามากครับ
จริงๆ ผมก็มีส่องในทวิตบ้าง ก็มีแฟนๆ ที่หนีด้อมโน่นนี่นั่น ผมว่าเราทั้งคู่ไม่เคยน้อยใจเลยนะ ผมพูดเสมอว่า อยู่กับพวกเราเท่าที่คุณมีความสุข แล้วการหนีด้อม บางทีมันไม่ใช่ว่าเขาอยากหนี แต่เราจะพูดเสมอว่า อยู่เท่าที่คุณมีความสุข เท่าที่เรายังเป็นความสุขให้คุณได้ หรือบางคนมีเหตุผลบางอย่างที่อาจจะต้องห่างหาย เช่น ไปเรียน ไปทำงาน ผมมองว่า ยินดีนะ สมมติว่าเขาอาจจะไม่ได้มองเราในระดับเดิมแล้ว แต่ยังยินดีกับเราอยู่ แค่บางวันหันกลับมาเจอกันและยิ้มให้เรา มันคือสิ่งที่พอใจมากๆ แล้วครับ
ปัจจุบันนี้ก็ยังขอบคุณที่ยังสนับสนุน และยังยืนยันคำเดิม อยู่เท่าที่มีความสุขเลย แล้วทุกคนมีทางเดินชีวิตของตัวเอง ถ้าพวกเราเป็นแรงบันดาลใจ เป็นอะไรให้ได้ ได้ข้อคิดจากการติดตามเรา ก็ต้องขอบคุณอีกครั้งที่เราเป็นให้คุณได้ครับ".
ผู้เขียน : โอ้ว...ซาร่า
กราฟิก : Chonticha Pinijrob
ช่างภาพ : ชุติมน เมืองสุวรรณ