ร้อนแรงๆ ยังแฉต่อได้อีกๆ ‘ติ๋ม ทีวีพูล’ พันธุ์ทิพา ศกุณต์ไชย เปิดใจครั้งล่าสุดในรายการดัง ถกไม่เถียง

เป็นคนชวนสมปองมาอยู่บ้าน หรือ สมปองขอมาอยู่เอง?

ติ๋ม ทีวีพูล : พี่เป็นเจ้าของทีวีพูล พี่มีตำนานที่ไม่ยิ่งหย่อนกว่าใคร สร้างดารามาเยอะแยะ ให้คำแนะนำใครต่อใครมาเยอะแยะ รู้จักทั้ง อั้ม พัชราภา, ชมพู่ อารยา พี่จำเป็นต้องหิวแสงมั้ย เขาเป็นคนขอเข้ามาอยู่บ้านพี่ ผ่านทางเลขาฯ ของพี่ ตอนแรกเขาจะขอเช่า เราก็คิดว่าเขาจะมีเงินขนาดไหน เขาทำนุบำรุงศาสนามาตั้งนาน พี่ก็เลยบอกว่า ไม่ต้องมาจ่ายพี่หรอก พี่ไม่รู้จักเขามาก่อนเลย ไม่เคยสนทนาธรรมกันมาก่อนเลย เพิ่งมารู้จักกัน ตอนที่เลขาฯ พี่ไปสัมภาษณ์เขา
 
เรื่องความสัมพันธ์ ที่มีคนขุดว่า เล่นน้ำด้วยกัน ลูบพุงกัน?
ติ๋ม ทีวีพูล : พี่มองเขาเหมือนลูก พี่เชื่อเรื่องการสัมผัส การกอด เราเห็นว่าพุงเขาใหญ่ เรากำลังหาโฆษณาค่ายลดพุงให้เขา เวลาเราตบพุง เราก็ตบพุงต่อหน้าคนอื่นตลอด ไม่เคยตบลับหลังใคร ไม่เคยอยู่กับสมปอง 2 ต่อ 2 แม้แต่ 1 วินาที ตอนลงสระว่ายน้ำ ดร.ออม ก็อยู่ด้วย พี่อยากสอนเขาว่ายน้ำ เพราะเห็นว่าเขาว่ายน้ำไม่เป็น แต่สมปองว่ายน้ำเก่งมาก ทั้งๆ ที่ปกติพระจะมีข้อห้ามไม่ให้ว่ายน้ำ แล้วสมปองก็บวชมาตั้งแต่เด็ก
 
ชาวเน็ตโพสต์แรง อย่าเลี้ยงพระเป็นผัว ทำให้หลายคนเข้าใจผิด พี่ติ๋มคิดอย่างไร?
ติ๋ม ทีวีพูล : คนที่คิดไม่ดี มันจะทำร้ายตัวเขาเอง และมันจะส่งผลไปยังตัวบุพการีเขาด้วย คนที่รักลูกอย่างยิ่งใหญ่อย่างพี่ เรายอมตายแทนลูกได้ทุกชั่วขณะ แล้วพี่จะกล้าทำชั่วขนาดนี้ได้เหรอ หลังจากนี้ ก็จะให้กฎหมายจัดการต่อไป
 

เรื่องเงิน 1 ล้าน ที่ทิดสมปองบอกว่าจะคืน ได้มีการติดต่อกันไหม?
เต้ กันต์พงษ์ : ทางพี่สมปองได้ติดต่อมาว่าจะคืนเงินแล้ว โดยเมื่อวานพี่สมปองไลน์มาหาผม แจ้งว่าเงิน 1 ล้าน เขาจะเคลียร์ให้ แต่ยังไม่ได้บอกว่าจะเคลียร์เมื่อไหร่ เป็นก้อนหรือเป็นงวด แค่บอกวาจะเคลียร์ให้

...

ผมตอบพี่สมปองไปแล้วว่า เงิน 1 ล้านบาทนั้น เป็นตัวที่ระบุอยู่ในสัญญา แต่จริงๆ มันมีค่าเสียหายที่เกินกว่านี้ เช่น ค่าฉาก ค่านักแสดง ค่าเสียเวลา เดี๋ยวจะมาคิดอีกทีว่าจะมีมูลค่าความเสียหายแค่ไหน

ถ้าวัดในตัวเงิน มันหลายล้านมาก แต่ปัญหาที่เขาเจออยู่ อาจจะไม่สามารถมาดำเนินการตรงนี้ได้ทันที ผมคิดว่าคงต้องมาคุยกันก่อน ผมอาจจะไม่ได้เก็บยอดเต็ม คงต้องมาพูดคุยไกล่เกลี่ยกันก่อน คุณมีคิวที่รับมาแล้ว แล้วจะทำในอีกสองวัน อาจจะไม่ค่อยเป็นธรรมกับผมเท่าไร ผมพร้อมรับฟังจากพี่สมปองว่าจะไหวขนาดไหน
 
ติ๋ม ทีวีพูล : พี่บอกลูกว่า ส่วนของลูกเป็นเรื่องของธุรกิจ ก็เอาที่รับไหว ในส่วนที่พี่ให้ส่วนตัว ไม่ได้ไปคิด เราเพียงต้องการจะปกป้องลูกพี่ เรื่องการเทงานลูกพี่ไป ทั้งดาราที่นัดไว้หรือช่างกล้องโน่นนี่นั้นเราเสียหายไปเยอะ เราแค่ต้องการป้องกันลูกเราอย่างเดียว เราอยากให้มันจบตรงนี้
 
คนที่ชักจูง ทิดสมปอง สู่วงการไวน์คือพี่ติ๋ม และพี่ติ๋มเป็นคนซื้อตู้ไวน์ให้เอง?
ติ๋ม ทีวีพูล : วันแรกที่เขาทานมื้อเย็นกับพี่ ก็สอนเขาทุกอย่าง การวางช้อน ธรรมเนียมต่างๆ รวมถึงการดื่มไวน์ พี่ก็ยอมรับจริงๆ ว่าพี่ก็สอนเขาว่าวิธีการทานสลัดวิธีการวางช้อน ต้องวางแบบนี้กินไวน์ต้องกินแบบนี้ แล้วติดไวน์มาก แค่ 3 หยดตอนนั้น มันทำให้เขาเป็นแบบนี้รึเปล่า

เรื่องตู้ไวน์ เขาพูดกับพี่หลายครั้ง พี่คิดว่าไม่ต่ำกว่า 5 ครั้ง ต้องมีตู้ไวน์ในห้องผมนะ ต้องมีทุกยี่ห้อนะ เขาจะเอาทั้งหมดเลย ถ้าพี่ติ๋มไม่เอามาให้ผมนะ ผมจ่ายให้เลย 5 หมื่น เขาพูดเหมือนเด็กที่งอแง จะเอาของให้ได้
 

พี่ติ๋มขอให้เขาถือศีล 5 แต่ให้เขาลองไวน์ มันย้อนแย้งไหม?

ติ๋ม ทีวีพูล : เรื่องถือศีล 5 พี่รักเขาเหมือนลูก บางอย่างที่ไม่เหลือบ่ากว่าแรง พี่ก็จัดให้ ไวน์สำหรับบางคนก็ดีต่อร่างกาย ถือเป็นยาได้เหมือนกัน แต่ศีล 5 กับความกตัญญู พี่อยากให้เขารักษาเอาไว้

ส่วนหนึ่งที่ทำให้ ทิดสมปอง ออกจากบ้านมา ก็คือการที่พี่ติ๋มไปตีกรอบเขาเรื่องคบเพื่อน โดยเฉพาะเพื่อนผู้หญิง?
 
ติ๋ม ทีวีพูล : ไม่ใช่แค่ผู้หญิงอย่างเดียว ผู้ชายก็มี พี่ก็บอกว่าคนนี้มีข้อดีข้อเสียแบบนี้นะ เราอยู่วงการมานาน เราก็บอกเขาว่าคนนี้คบได้ แต่อย่าให้สื่อเห็น คนนี้คบไม่ดีเลย คนไหนที่เอากิเลสมาใส่ตัวเรา คนนั้นหวังร้ายกับตัวเราแน่นอน บวชเป็นพระมานาน อาจไม่รู้ว่าโลกภายนอกโหดร้ายแค่ไหน

พี่เป็นทีวีพูล รู้จักดารามากมาย เราไม่ต้องหวังแสงจากเขา เราแค่อยากเดินสายธรรมะ เราจบจากปัญหารุมเร้า กสทช.มาได้ เพราะว่าธรรมะ เพราะว่าคำสอนของพระพุทธเจ้า เราถือศีลมา 6 ปี สวดมนต์ได้เกือบทุกบท ไม่ต้องกังวลว่าเราจะหวังแสงจากเขา เพราะแสงของทีวีพูลเจิดจรัสมา 37 ปีแล้ว

เราพูดซ้ำๆ กับเขาทุกวัน จะชวนทำคอร์สธรรมะ ทำนั่นทำนี่ เดินสายธรรมะกัน วางแผนจนถึงไปทัวร์ธรรมะที่ต่างประเทศ ที่พี่คอยเตือนเขา เขาเชื่อไม่เชื่อไม่เป็นไร แต่ครั้งนี้เขาเกิดอะไรขึ้นก็ไม่รู้ พี่รักษาคำพูดนะ พี่เคยบอกว่าจะให้ยังไงก็ให้อย่างนั้น
 
เต้ กันต์พงษ์ : เรื่องการเตือนเขาเรื่องการคบคนอาจเป็น 1 จุดที่ทำให้เขาไม่สบายใจ แต่เราก็ไม่ถึงขั้นตีกรอบเขาเลย เป็นการแนะนำมากกว่า ปกติเราคุยกันเรื่องงานเป็นหลักแต่แง่การทำงาน การคบคน สภาพแวดล้อม มีผลกระทบต่อเขาแน่นอน ยิ่งเขามีงาน 3 รายการ ที่เขาต้องทำงานกับเรา ถ้าเขามีข่าวไม่ดี ภาพลักษณ์เสีย มันก็จะส่งผลกระทบต่อเรื่องเรตติ้งแน่นอน
 
พี่ติ๋มบอกรักทิดสมปองเหมือนลูก แต่ชาวเน็ตตั้งคำถาม ทำไมถึงกัดไม่ปล่อย?
 
ติ๋ม ทีวีพูล : พี่ไปแค่ 2 รายการ รายการ ถกไม่เถียง เป็นรายการที่ 2 วันแรกเราอยู่ถึง 5 ทุ่ม นักข่าวเต็มบ้านเราเลย เราออกคลิปไปเยอะมาก ที่พี่ออกมาพูดเพราะพี่ต้องการปกป้องลูกพี่ พี่รักลูกพี่เหมือนดวงใจ เขาลองทำงานครั้งแรกในชีวิต แต่กลับมาโดนเท แล้วพี่เป็นคนชักนำคนนี้มาให้ลูกด้วย ในฐานะคนเป็นแม่ เหมือนเราชักนำวิกฤตินี้มาให้ลูก 

...

เต้ กันต์พงษ์ : ส่วนตัวเราไม่ได้อยากจะให้คน มารู้สึกว่าเราใช้สื่อโจมตีพี่สมปอง หรือทำให้เขาเกิดภาพลักษณ์ไม่ดี จริงๆ เรื่องนี้เราเคลียร์ตั้งแต่วันแถลงข่าวไปหมดแล้ว ซึ่งสิ่งที่เราพูดวันนี้รายการนี้ จะเป็นรายการสุดท้ายแล้ว

ชาวเน็ตบอกว่าคำสอนของพี่ติ๋ม เอาต์ไปแล้วรึเปล่า นี่มันสมัยไหนแล้ว?
ติ๋ม ทีวีพูล : พี่ว่าศาสนาพุทธยังใช้ได้อยู่เสมอ มีสติ ยึดความกตัญญูเป็นที่ตั้ง ความซื่อสัตย์ ศีล 5 พี่มองว่าเป็นยันต์ที่ดีกับเขา ถือศีล 5 มันง่ายมาก แต่ไม่ถือศีล 5 ทำยากนะ จะโกหกใครก็ต้องสร้างเรื่อง จะขโมยของใครก็ต้องวางแผน จะคบชู้กับใครก็ต้องมานั่งระแวงจะโดนจับได้อีก

พี่ว่ามันทำยากมากนะ ศีล 5 กับความกตัญญญู พี่เน้นกับเขามากนะ สังคมจะมองเห็นว่าใครกตัญญู หรือไม่กตัญญู ถ้าเป็นคนไม่กตัญญูอีกหน่อยก็คงแว้งกัดได้ เขาบอกว่า พระมหาสมปอง ได้ตายไปแล้ว ผมเป็นสมปอง นครไธสง เลิกเอาผ้าเหลืองมาห่มให้ได้แล้ว
 
ติ๋ม ทีวีพูล : พี่เป็นห่วงเขามาก เขาไม่รู้จักใครเลย คนข้างนอกไม่เหมือนวงการผ้าเหลืองนะ ข้างนอกมันซับซ้อนมาก เขาเหมือนเด็กอ่อนที่เพิ่งออกมาได้แค่เดือนเดียว เราพูดกับทีมงานเขาเล่นๆ นะ ให้เขาติดโควิดดีไหม ให้เขากักตัวอยู่ในห้องบ้าง จะได้มีสติ ควรทำอะไร ไม่ควรทำอะไร

สิ่งนี้เราซีเรียสนะ เราบอกเขาว่าถ้าปองเป็นแบบนี้ ปองกลับไปบวชดีกว่า พี่จะไปถวายเพลให้ทุกเช้าเลย เขาก็หัวเราะ บอกว่าไม่กลับไปบวชหรอก มีเรื่องราวอะไรเกิดขึ้นเยอะมากซึ่งพี่ไม่สามารถจะพูดออกมาได้
 
ประโยคที่แทงใจพี่ติ๋มมากที่สุด ที่ออกมาจากทิดสมปองคืออะไร?
 
ติ๋ม ทีวีพูล : สิ่งที่เขาพูด ไม่ได้พูดความจริง 100% พี่ไม่ได้เป็นคนไปชวนเขามาอยู่ด้วย พี่ไม่ได้หิวแสง เขาไม่เคยพูดยืนยันออกมาเต็มร้อย แถมพูดให้คนเข้าใจว่าพี่เป็นคนดึงเขามา พี่เสียใจมาก ทำให้พี่เสียหาย แบรนด์ทีวีพูลเสียหาย
 
เต้ กันต์พงษ์ : อย่างที่คุณแม่ยืนยันชัดเจนเลย เราไม่ได้เป็นฝ่ายเข้าไปหาเขา เขาเป็นฝ่ายเข้ามาหาเรา

...

เขาอยากจะเข้ามากราบขอขมา พี่ติ๋ม จะให้โอกาสเขาไหม?

ติ๋ม ทีวีพูล : ในวันที่แถลงข่าว พี่บอกแล้วพี่อโหสิให้ แล้วพี่ว่างเปล่าสำหรับเขา เราไม่ต้องเจอกันไม่ว่าชาตินี้หรือชาติไหน พี่เป็นคนรักษาคำพูด ไม่งั้นจะเป็นไม้หลักปักขี้เลน พี่บอกกับเขาตลอด พี่เป็นคนรักษาคำพูด ที่พี่ออกมาพูด พี่แค่ออกมาปกป้องลูกพี่และออกมาปกป้องทีวีพูล คิดว่าน่าจะเพียงพอแล้ว เขาจะเป็นยังไงก็เรื่องของเขา

 
เข็ดไหมกับการช่วยเหลือคน?
ติ๋ม ทีวีพูล :  พี่ไม่เข็ดหรอก ถ้ามีคนมาขอความช่วยเหลือก็ยังช่วยอยู่ เพราะไม่ได้เลวร้ายไปทั้งหมด บ้านพี่บางทีมีดาราโดนแฟนซ้อมน่วม มากดออดหน้าบ้านพี่ พี่ก็ให้เขามานอนคืนนึง บางคนท้องแล้วมาหาเรา แต่แฟนไม่รับผิดชอบ เขาบอกเขาจะทำแท้ง เราก็บอกว่าอย่าทำนะ เดี๋ยวพี่พาไปอยู่ออสเตรเลีย ทำวีซ่าให้
 
พี่ติ๋มให้ใจกับเขามาก จนคนมองว่าเกินไปหรือเปล่า?
 
ติ๋ม ทีวีพูล : พี่ช่วยดาราแบบนี้มาก็หลายคน เพียงแต่ว่าสมปองเขาเป็นผู้ชาย คนเลยมองไปในแง่นั้น คนดังผู้หญิงพี่ก็ช่วยมาหลายคนแล้ว แต่คนไม่มองจุดนั้น
 
จากเหตุการณ์นี้ พี่ติ๋มได้บทเรียนอะไรบ้าง?
 
ติ๋ม ทีวีพูล : จะบอกว่าไม่ทุกข์เลยก็โกหกตัวเอง พี่ต้องบังคับตัวเองว่าจะต้องไม่ร้องไห้ เราเป็นผู้นำองค์กร เป็นผู้นำครอบครัว เป็นผู้นำในวงการ เราจะหลวมตัวมาเล่นเกมนี้ได้ยังไง ก็ยึดคำสอนของพระพุทธเจ้าจึงผ่านมาได้
 
ขณะที่ ดร.สมพงษ์ โมฆรัตน์ เพื่อนสนิททิดสมปอง ได้ให้สัมภาษณ์กับรายการ ถกไม่เถียงว่า ยังรู้สึกช็อกกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ส่วนตัวยังไม่มีโอกาสได้คุยกันกับ สมปอง

...

ความเป็นเพื่อนยังเหมือนเดิม แต่สิ่งนึงที่ผมรู้จักเพื่อนก็คือเขามีความมั่นใจในตัวเองสูงมาก ผมจำภาพเดิมของเพื่อนคนนี้ได้ เขามีความรับผิดชอบต่องานสูงมาก แต่อันนี้เหมือนความฝันเลย ผมคิดอยู่ว่าผมฝันไปไหม มันเหมือนว่าหัวหน้าทีมเราเปลี่ยนไปขนาดนี้เลยเหรอ เขาเคยบอกกับผมว่า เราไม่มีสิทธิยกเลิกงานที่เขาว่าจ้างหรือเขาเชิญเรา ยกเว้นเราจะป่วยจนเข้า รพ.

ที่ผมไม่ได้ติดต่อเขาไป เพราะด้วยความที่รู้นิสัยเพื่อน ถ้าเขาไม่ถามแสดงว่าเขายังไหว ผมก็จะปล่อยให้เขาตัดสินใจไป ผมไม่กล้าจะเสนอความคิดไป แต่ลึกๆ แล้ว ผมก็เป็นห่วงเพื่อน ส่วนตอนนี้ ผมก็ยังทำงานกับทีวีพูลเหมือนเดิม

เขาหยิบยื่นโอกาสมาให้ผมแล้ว ผมก็จะทำให้เต็มที่ หลังจากสึกมา ก็ยังเคอะเขิน ยังตกใจเวลาแม่ค้าผู้หญิงทอนเงิน ยังให้เขาวางเงินอยู่ ไม่กล้ารับเงินจากมือเขา บางทีเดินสวนกับผู้หญิง เราก็หลบจนเขาตกใจ