จุดกำเนิดความปังคู่จิ้น หยิ่น-วอร์ ใน กลรักรุ่นพี่ เรียกได้ว่าเป็นคู่จิ้นคิวต์บอยที่มาแรงมาก สำหรับ หยิ่น อานันท์ กับ วอร์ วนรัตน์ 2 หนุ่มผู้โด่งดังจากซีรีส์สุดฮิตเรื่อง กลรักรุ่นพี่ หนึ่งในโปรเจกต์ En of love รักวุ่นๆ ของหนุ่มวิศวะ ซีรีส์สั้น 4 ตอนที่ออกอากาศเมื่อช่วงต้นปี 2020 ทำให้ หยิ่น-วอร์ กลายเป็นคู่จิ้นที่มาแรง ที่มีแฟนคลับติดตามเป็นจำนวนมากซีรีส์ดังสุดแรงเกิด จนคลอดฉบับเต็มเสิร์ฟความจิ้นเพิ่มทวีคูณด้วยความที่กระแสตอบรับดีเกินคาด ทำให้ทางทีมผู้จัด ผู้กำกับ ได้ตกลงทำเป็นซีรีส์ยาวฉบับเต็ม ชื่อว่า กลรักรุ่นพี่ แม้สถานการณ์โควิด-19 ที่ระบาดอย่างหนักไปทั่วโลก ทำให้การเปิดกล้องซีรีส์ กลรักรุ่นพี่ 2 ต้องหยุดชะงักไปช่วงหนึ่ง แต่แฟนๆ ก็ไม่ท้อในการรอคอย กระทั่งในวันเปิดกล้องถ่ายทำเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 64 ที่ผ่านมา แฮชแท็ก #เปิดกล้องซีรี่ย์กลรักรุ่นพี่ พุ่งแรงจนติดเทรนด์ทวิตเตอร์เลยทีเดียวBeginningจุดเริ่มต้น "หยิ่น-วอร์"ก่อนกลายเป็นส่วนผสมที่ลงตัวจากคนไม่เคยรู้จัก จนสนิทกันในที่สุด ในวันแรกที่เจอกัน หยิ่น เคยเล่าให้ฟังด้วยความขำว่า เพราะตัวเองมาสายกว่า 1 ชม. เลยคิดว่า พี่วอร์ จะต้องโกรธแน่ๆ เพราะเขาดูนิ่งมาก แต่ความจริงคือ วอร์ เป็นคนนิ่งๆ อยู่แล้ว และเข้าหาใครก่อนไม่เป็น "ถ้าไม่ได้รู้จักใครก่อน ก็ไม่รู้สิ ผมคิดว่าเขาอาจจะไม่ได้อยากคุยกับเราอยู่แล้วก็ได้ เพราะว่าเราไม่ได้สนิทกัน ถ้าเกิดสนิทกันเราก็อาจจะมีการแลกเปลี่ยนความคิดกัน จุดนั้นถึงจะเป็นจุดที่เราเริ่มคุยกันจริงๆ ครับ" วอร์ เคยเล่าในประเด็นนี้ไว้หยิ่น อานันท์ ซีรีส์เรื่องแรกพาเปลี่ยนชีวิตหยิ่น อานันท์ เด็กหนุ่มลูกครึ่งไทย-ฮ่องกง ที่คิดอยากเข้าวงการบันเทิงตั้งแต่ ม.ต้น เพราะคิดอย่างเดียวว่า อยากหาเงินช่วยเหลือครอบครัว แต่ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าประตูอยู่ทางไหน จึงพยายามรอโอกาสมาหาเสมอ กระทั่งเข้ามหาวิทยาลัย โอกาสที่รอคอยก็มาถึง เมื่อเขาถูกชักชวนให้มาเล่นซีรีส์ กลรักรุ่นพี่ จึงรีบตอบตกลงทันที วอร์ วนรัตน์ เด็กหนุ่มสุดติสต์ มีความเป็นตัวของตัวเองสูงในวันแรกที่ถูกชักชวนให้มาเล่น กลรักรุ่นพี่ เขาปฏิเสธรุ่นพี่ที่เป็นผู้จัดการส่วนตัวในปัจจุบัน ไปแบบไม่มีเยื่อใย ด้วยเหตุผลที่ว่า ไม่อยากเล่น กระทั่งผ่านไป 2 ปี รุ่นพี่คนเดิมได้มาชักชวนอีกรอบ แต่ครั้งนี้เขากลับตอบรับอย่างง่ายดาย เพราะว่าเรียนจบแล้ว แสดงว่าเขาเห็นอะไรในตัวเรา รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นขงเบ้งตอนเล่าปี่มาตามไปเป็นกุนซือหลายรอบในสามก๊ก และมองว่าโอกาสแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคน เราลองดูสักตั้งดีไหมDestiny-Destinationจากคนละเส้นทางสู่จุดหมายเดียวกันอยากดูแลครอบครัวทั้ง 2 ประเทศให้สบายได้เมื่อถามถึงความฝัน ความตั้งใจของ หยิ่น และ วอร์ ทั้งคู่เห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า "อยากเป็นเสาหลักของบ้านให้ได้" หยิ่น เคยบอกว่า แม้ว่าตอนนี้จะยังไม่สำเร็จแบบ 100% แต่ก็สามารถดูแลครอบครัวที่ไทยได้แล้ว และอยากเลี้ยงดูพ่อที่อยู่ที่ฮ่องกงให้ได้เหมือนกัน เพราะพ่อก็อายุเยอะแล้ว ไม่อยากให้เหนื่อยอีกต่อไป"ถ้าเราสามารถดูแลทั้งสองฝั่งได้ ก็คือถือว่าสมบูรณ์มากแล้ว และอยู่ในวงการไปเรื่อยๆ มีร้านอาหารก็คงหยุดมั้งครับ" หยิ่นเคยเล่าให้เราฟังเกี่ยวกับเรื่องนี้อยากให้ครอบครัวสบายด้าน วอร์ เองก็เคยบอกว่า "ผมยังไม่รู้เลยว่าผมจะทำไปได้ไกลแค่ไหน จริงๆ ผมก็อยากทำไปจนถึงจุดที่ทำให้ครอบครัวสบาย แต่ว่าผมไม่ได้มีปัญหาทางครอบครัว ก็เลยเอาให้ชีวิตคนรอบข้างกับเรามันมั่นคงดีกว่า แต่ถ้าเกิดถึงจุดอิ่มตัวแล้ว ผมก็จะออกมาทำอย่างอื่น ผมชอบด้านงานศิลปะเหมือนกัน อยากจะลองไปเรื่อยๆ ว่ามันจะต่อยอดได้ขนาดไหน"Dream Come Trueชีวิตเกินฝัน ภูมิใจในตัวเองมีความสุขกับจุดที่ยืนตรงนี้หยิ่น "ผมโอเคกับจุดที่ยืนจุดนี้นะครับ อย่างที่บอกผมช่วยให้ครอบครัวฝั่งไทยหายใจได้แล้ว กับงานที่ทำมันมีความสุข ต้องเท้าความก่อนเลยว่า เมื่อก่อนผมมีความคิดอยากเป็นนักแสดงอยู่แล้ว แต่ใช้ชีวิตไปพักหนึ่งก็คิดว่าน่าจะไม่มีโอกาสแล้วเพราะผมก็ไม่เคยไปวิ่งแคสต์งานเลย ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง จู่ๆ โอกาสมันก็เข้ามา ถามว่าฝันมั้ยมันก็ฝันนะ แล้วก็มีความสุข ได้ไปเจอคนที่รักเราและทำให้เขายิ้มได้ ผมก็มีความสุขแล้ว ผมชอบงานอย่างนี้มาก"แค่คนดูแฮปปี้ ผมก็โอเคแล้ววอร์ "รู้สึกไม่คาดคิดเหมือนกันว่ามันจะมาได้ไกล แค่คนดูแฮปปี้ผมก็โอเคแล้ว ไม่คิดว่าเขาจะติดตามและชื่นชอบพวกเราขนาดนี้ ดีใจและภูมิใจครับ อันนี้ฝีมือเราส่วนหนึ่งด้วยแหละ อีกส่วนก็ฝีมือของทีมงานเหมือนเราได้เป็นส่วนหนึ่งของความยิ่งใหญ่ เหมือนเราทำงานเป็นทีมแล้วประสบความสำเร็จ มันอาจจะเป็นอีกส่วนของชีวิตที่เราทำสำเร็จแล้วมาได้ไกลขนาดนี้ ได้มีวันนี้ ได้มีแฟนคลับติดตามเยอะ ตอนที่เล่นซีรีส์เราก็ไม่ได้คาดหวังอะไรเลย แค่อยากให้คนดูคิดว่าเด็กคนนี้มันเล่นดี เข้าถึงบทได้"ทุกสิ่งที่ทำล้วนออกมาจากใจ ทั้งหยิ่นและวอร์เคยบอกว่า ทุกสิ่งที่ทำมันไม่ใช่การแสดง แต่มันออกมาจากใจและเป็นธรรมชาติที่ไม่ได้ปรุงแต่ง จะให้จู่ๆ ไปจับแก้มกันมันก็ไม่ได้ ถ้าคนจะจิ้น การหยิบขนตามันก็จิ้นได้ แต่ทั้งหมดทั้งมวลมันคือความจริงใจต่อกัน ความเป็นธรรมชาติ นอกเหนือจากการเป็นนักแสดงมันคือความจริงใจที่มีต่อกันจริงๆ