• SPRITE จากเด็กน้อยชอบร้องเพลงลูกทุ่ง สู่แร็ปเปอร์น้องใหม่มาแรง
  • กว่าจะเป็นแร็ปเปอร์ GUYGEEGEE เคยสมัครรายการร้องเพลงแร็ปแต่ไม่ติดหลายรอบ
  • เมื่อ "ทน" กลายเป็นเพลงดังร้อยล้านวิว ดังไกลติดชาร์ตบิลบอร์ด

ขึ้นแท่นเป็นแร็ปเปอร์มาแรงไปแล้วเรียบร้อย สำหรับ SPRITE x GUYGEEGEE ศิลปินจากค่ายเพลงน้องใหม่ Hype Train ภายใต้การดูแลของ NINO หรือ เกริก ชาญกว้าง หลังจากเพลง “ทน” กลายเป็นเพลงฮิตระดับร้อยล้านวิวไปเรียบร้อยแล้ว ทั้งที่เพิ่งปล่อยเพลงมาได้เพียง 1 เดือนเท่านั้น แถมยังไปไกลระดับโลก ด้วยการติดชาร์ต Billboard Global ซึ่งเป็นชาร์ตเพลงที่รวมเพลงจากทั่วโลก ยกเว้นในอเมริกา ในอันดับที่ 89 ถือเป็นเพลงภาษาไทยเพลงแรกที่ติดชาร์ตเพลงระดับโลก

บันเทิงไทยรัฐออนไลน์จะพาไปพูดคุยทำความรู้จักกับ SPRITE หรือ สไปร์ท ศุกลวัฒน์ พวงสมบัติ หนุ่มน้อยอายุ 16 ปี จาก อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา ที่ชื่นชอบการร้องเพลงตั้งเเต่เด็ก โดยเริ่มจากการร้องเพลงลูกทุ่ง และเป็นที่รู้จักจากคลิปผัดกับข้าวและร้องเพลง “เสรีขอพร” ศิลปิน เสรี รุ่งสว่าง ที่คุณครูแอบถ่ายตอนอยู่ในค่ายลูกเสือและนำไปลงโซเชียลมีเดีย ก่อนจะประกวดรายการ Super 10 เเละไมค์ทองคำ โดยมีปู่จ๋าน ลองไมค์ เป็นไอดอล

และ GUYGEEGEE หรือ กาย กล้าไม้ ไมเกิ้ล หนุ่มลูกครึ่งไทย-อังกฤษ อายุ 26 ปี เคยมีประสบการณ์เป็นนักร้องในวง “FACT U” ค่ายกามิกาเซ่ ในเครืออาร์เอส แต่สุดท้ายไม่ได้ออกซิงเกิล กายเริ่มฝึกแร็ปในช่วงมัธยมกับเพื่อนๆ ส่วนใหญ่เป็นการแร็ปฟรีสไตล์ โดยเริ่มฟังเพลง Wiz Khalif เเละ Ac Miller และยกให้สองคนนี้เป็นแรงบันดาลใจ ชอบสไตล์การแร็ปแบบ Hard Trap, Aggressive Trap ปัจจุบันกลายเป็นแร็ปเปอร์น้องใหม่มาแรงทั้งคู่

...

มือใหม่หัดแร็ป

เมื่อถามว่าชอบเพลงแร็ปตั้งแต่เมื่อไหร่ สไปร์ทตอบว่า “โห ตั้งแต่สมัยกรุงศรีฯ น่ะพี่” ก่อนจะหัวเราะอย่างอารมณ์ดีและพูดต่อว่า “ถ้าชอบเพลงสไตล์แร็ปจริงๆ ตอนที่ผมชอบคือตอน 13 ครับ เพราะตอนอายุ 12 ปี ผมร้องเพลงลูกทุ่งอยู่ ผมฟังลูกทุ่ง พออายุ 13 ผมจำได้ว่าผมชอบฟังเพลงของพี่ปู่จ๋าน ลองไมค์ แล้วผมรู้สึกว่าเราฟังเพลงลูกทุ่งมาตั้งนานแล้ว แต่นี่คือศิลปินคนแรกที่เราฟังแล้วมันมีความเป็นลูกทุ่งในเพลงแร็ปด้วยน่ะ ก็เลยฟังเพลงแร็ป แล้วผมก็รู้สึกว่าพระเจ้าจอร์จ พูดอะไรก็ได้ในแร็ปนั้น ผมก็เลยฟังเพลงแร็ปมาตั้งแต่นั้นจนถึงทุกวันนี้ครับ”

กับคำถามว่าเริ่มฝึกแต่งเพลงเองตั้งแต่เมื่อไร สไปร์ทตอบว่า “อายุ 13-14 ปีนี่แหละครับ ตอนนั้นเขียนเพลงแร็ปแบบธรรมดาๆ ครับพี่ จนตอนนี้ก็ธรรมดาเหมือนเดิมครับ แต่ก็ดีขึ้นครับพี่” ส่วนการไปออกรายการ Super 10 (ซุปเปอร์เท็น) สไปร์ทเล่าว่า “ผมไม่ได้ประกวดครับ แต่ผมไปผัดกับข้าวที่ค่ายลูกเสือครับ แล้วมีคลิปออกมากลายเป็นไวรัล ทางพี่ๆ รายการซุปเปอร์เท็นก็ติดต่อมา ผมก็เลยไปออกรายการครับ”

ด้านกายเผยความชอบในเพลงแร็ปว่า “จริงๆ ชอบฟังเพลงแร็ปตั้งแต่เด็กๆ พอๆ กับสไปร์ทครับ แต่โตกว่าหน่อย อายุประมาณ 14-15 ก็เริ่มอินแล้ว แต่ไม่ได้จริงจังขนาดนั้นครับ เพิ่งมาเริ่มทำจริงๆ จังๆ ในช่วงมหาวิทยาลัย ลงทุนทำเอง ไปสมัครตามรายการที่เขาแข่งแบตเทิลกัน ผมก็ไปเรื่อยๆ เลยครับ The Rapper ผมก็เคยไปแต่ก็ไม่ติด Show Me The Money ซีซั่นแรกผมก็ไปแต่ก็ไม่ติดเหมือนกัน Rap is Now ก็เคยไปสมัคร สมัครหลายอันมากเลย ถามว่าท้อมั้ยก็ท้อนะครับ แต่ว่าเราชอบ ก็เลยไม่ได้คิดอะไรมาก เราก็ยังทำต่อไปครับ”

โมเมนต์แรกเมื่อรู้จักกัน

และเมื่อทั้งคู่ได้มาเป็นผู้แข่งขันในรายการ “Show Me The Money Thailand 2” ทางช่องทรูโฟร์ยู สไปร์ทเล่าถึงที่มาของการมาร่วมรายการว่า “ตอนนั้นผมอยู่บ้านพี่ NINO นี่แหละครับ และพี่ NINO เป็น Music Director รายการ ผมก็นั่งดูแล้วเห็นพี่เขาทำอะไรแบบนี้ เห็นคนส่งคลิปไปในรายการเป็นพัน ผมก็ส่งไปขำๆ ไม่ได้คิดว่าจะเข้ารอบอะไรหรอก เพราะคนที่แร็ปจริงๆ มีเยอะมาก แต่สุดท้ายก็เข้ารอบจริงๆ และได้รองแชมป์มาครับ ตอนนั้นก็รู้สึกดีใจมากครับ อย่างที่บอกไปว่าตอนที่ส่งคลิปไป ผมก็ไม่คิดว่าจะเข้ารอบหรอก คือคนอาจจะมองว่าผมแร็ปลูกทุ่ง ไม่ได้เฟี้ยวอะไรมาก แต่คนอื่นที่เขาแร็ปจริงจังเยอะมาก จาก 2,000 คน ผมเข้าไปอยู่ตรงนั้นก็รู้สึกดีใจมากครับ”

...

ด้านกายเล่าให้ฟังว่า “ตอนที่มา Show Me The Money ซีซั่น 2 ได้เจอกับพี่ Nino เจอสไปร์ทครับ พอมาอยู่ในรายการช่วงแรกๆ ก็ไม่ได้คาดหวังอะไรเยอะ แต่พอเข้ารอบลึกแล้วเริ่มจริงจังมากขึ้น รู้สึกเครียด อยากชนะ อยากได้เงินไรเงี้ย (ยิ้ม) แต่สุดท้ายก็แพ้ไปในรอบเซมิไฟนอล” ก่อนจะเล่าถึงวันแรกที่ได้เจอสไปร์ทว่า “เจอกันครั้งแรกน้องไปร์ทก็มากวนผมเลยครับ เราไม่เคยคุยกันมาก่อน แต่อยู่ดีๆ เขาก็มานั่งตรงข้ามผม มามองหน้าผมแบบนี้ (หันไปจ้องหน้าสไปร์ท สไปร์ทหัวเราะ) แล้วก็มาแร็ปใส่ผมเลย อารมณ์เหมือนข่มคู่ต่อสู้ (ยิ้ม) แต่ผมก็ไม่สนใจครับ แต่พอได้อยู่ทีมเดียวกันก็รู้จักกันสนิทกันครับ”

ถึงตรงนี้สไปร์ทขอเล่าในมุมตัวเองในวันที่เจอกายครั้งแรกว่า “ผมรู้สึกว่าเขามาเป็นแก๊งหลายคน แล้วก็นั่งอยู่ ผมไม่กล้าเข้าไปคุยกับเขา กลัวพี่เขาทำอะไรผมครับ ผมก็แค่ไปแร็ปเฉยๆ ไปแกล้งเขาครับ” ก่อนจะยิ้มเขินๆ ใส่ เมื่อถามถึงความประทับใจหลังไปร่วมรายการเดียวกัน สไปร์ทบอกว่า “ผมรู้สึกว่า... เอ่อ ให้พี่กายพูดก่อนดีกว่า” กายตอบว่า “ตอนแรกผมก็ไม่ได้อะไรนะ แต่พอผมเห็นเขาแร็ปครั้งแรก ผมก็ว้าว (ทำหน้าเซอร์ไพรส์) เฮ้ย เด็กคนนี้เก่งว่ะ และผมพูดได้เลยว่าเป็นคนที่ผมกลัวว่าจะต้องมาแข่งกันด้วยมากในรายการ อันนี้ผมพูดจริงๆ นะ ตอนแรกผมไม่ค่อยชอบเท่าไร (หัวเราะ) ก็เฮ้ย เด็กคนนี้เก่งจังวะ แต่ไปๆ มาๆ โชคดีที่ได้มาอยู่ทีมเดียวกัน ไม่งั้นคงเกลียดมากกว่าเดิม (ยิ้ม)”

...

พอถามสไปร์ทถึงความประทับใจในตัวรุ่นพี่อย่างกาย กายหันไปแกล้งดึงคอเสื้อสไปร์ทและบอกว่า “พูดดีๆ” สไปร์ทแกล้งกลับบอกว่า “ผมชอบตรงที่พี่กายเป็นคนที่ตลกครับ ทำร้ายร่างกายและไม่โมโหผมครับ (หัวเราะ)” ก่อนจะพูดต่อไปว่า “แต่พี่กายเป็นคนจริงใจ ทำงานกับพี่เขาแล้วพี่เขาไม่ได้มีมาดว่าเขาโตนะหรือแบบรู้นะอะไรแบบนี้ ผมทำงานด้วยแล้วสนุก เขาก็เชื่อเรา เราก็เชื่อเขา เรื่องพาไปในทางที่ไม่ดีไม่มีนะครับ ไปในทางที่ดีอย่างเดียว”

แร็ปเปอร์หน้าใหม่ในค่ายเพลงใหม่

เมื่อถามว่าหลังจบการแข่งขันไปคิดว่าจะได้กลับมาร่วมงานกันอีกมั้ย สไปร์ทบอกว่า ตอนนั้นคิดว่าจะจบตรงนั้น แต่ตอนปลายๆ รายการ ทั้งคู่มาอยู่ในค่ายเดียวกันคือ Hype Train แต่ยังไม่ได้เปิดตัวเป็นทางการ ส่วนที่มาของการเข้าค่ายเพลงน้องใหม่ Hype Train กายบอกว่า “ไปร์ทเขาเข้ามาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ของผมคือได้คุยกับพี่ Nino เขาก็ชวนไป ก็เลยได้เข้ามาอยู่ครับ” สไปร์ทเล่าต่อ “ของผมคุณพ่อคุณแม่ของพี่ NINO ชอบผมที่ผมร้องเพลง จนถึงตอนที่พี่ NINO เขาเปิดค่าย ผมก็เข้ามาอยู่ค่ายของพี่ NINO ครับ ผมเข้าก่อนพี่กาย พี่กายตามมาทีหลังครับ”

พอได้มาเจอกันอีกครั้งในค่ายเป็นยังไงบ้าง สไปร์ทบอกว่า “รู้สึกดีใจครับ เพราะคิดว่าตอนแรกจะจบในรายการแล้ว ตอนนั้นร้องไห้ด้วยครับ คือในรอบเซมิไฟนอล รอบที่พี่กายแพ้พี่เต้ ผมรู้สึกเศร้าเสียใจ ร้องไห้เฉยเลย เป็นครั้งแรกเลยครับที่ผมบอกว่าผมร้องไห้ (ยิ้ม)” ด้านกายเผยความรู้สึกว่า “พอกลับมาเจอกันอีกครั้ง แน่นอนว่าเรารู้สึกอุ่นใจครับ (ยิ้ม)”

...

นอกจากนี้กายยังเผยถึงจุดเด่นของสไปร์ทในมุมที่เขาเห็นว่า “ผมว่าเขามีหัวเรื่องการคิดท่อนเพลงที่มันติดหู อย่างเรื่องเมโลดี้เขาจะเร็วมาก อยู่ในสายเลือดเลย เขาจะแต่งได้เร็วมาก แล้วซาวนด์ที่เขาสร้างออกมามันก็แบบ” สไปร์ทพูดแทรกขำๆ “ธรรมดา” กายถึงกับขำก่อนพูดต่อ “เป็นเด็กที่ทำเพลงเก่งครับ” สไปร์ทยังแกล้งพูดอีก “ธรรมดา”

ด้านสไปร์ทเผยถึงจุดเด่นของกายว่า “เอาจริงๆ พี่กายเป็นคนที่ทำเพลงแบบเฟี้ยวครับ คือดูข้างนอกอาจจะไม่มีอะไรมาก แต่จริงๆ พี่กายเป็นคนที่ทำเพลงที่แบบ...มันไม่น่าจะเอามาแร็ปได้ครับ คือภาษาที่เขาใช้ ผมไม่คิดว่าจะเอามาทำได้ แต่เห็นเขาเป็นแบบนี้ เหมือนน่ากลัวๆ แต่เพลงที่เขาทำที่ยังไม่ปล่อยที่ไหนเหมือนเป็นอีกอย่างหนึ่งเลย เป็นคนที่ทำเพลงดีครับ คิดคำที่ไม่น่าจะคิดออกมาได้ แต่เขาคิดออกมาได้ มันเฟี้ยวครับพี่”

ที่มาของเพลง “ทน”

สไปร์ทเล่าถึงเพลง “ทน” ซิงเกิลล่าสุดที่กลายเป็นเพลงฮิตในเวลานี้ไว้ว่า “สำหรับเพลง “ทน” เพิ่งปล่อยไปได้ไม่นาน ผลตอบรับถือว่าโอเคเลยครับ เนื้อหาเพลงนี้คือหมายถึงว่าให้ผู้หญิงทนเราครับ เพราะว่า...” ถึงตรงนี้กายพูดขึ้นมาว่า “ใช่ครับ เพราะมีคนที่ทนเราไม่ได้ครับ” สไปร์ทพูดต่อ “คือว่าเพลงนี้ก็เป็นเรื่องจริงของพี่กายด้วยครับ” กายพูดต่อ “แล้วไปร์ทเป็นคนคิดค้นเมโลดี้” สไปร์ทบอก “ใช่ครับ” ก่อนจะทำท่าเก๊กหล่อใส่ซะด้วย เห็นแล้วเอ็นดูจริงๆ

สไปร์ทเล่าต่อถึงการทำเพลงนี้ว่า “ตอนนั้นที่ผมคิดเมโลดี้เสร็จ ทำเสร็จปุ๊บก็นึกถึงพี่กายก่อนเป็นคนแรกเลยครับ เพราะว่ามันน่าจะเป็นเขา มันเป็นปั่นๆ อะไรแบบนี้ครับ ก็เลยโทรหาพี่กายครับ แล้วพี่กายมาหาที่สตู เลยอัดเพลงนี้ด้วยกันครับ” กายพูดต่อว่า “สไปร์ทเขาก็ร้องให้ฟังครับ เราก็เลยทำคืนนั้นเลย ทำตั้งแต่ตอนเย็นจนเสร็จภายในคืนนั้นเลย ก็คิดด้วยกันสดๆ ร้อนๆ และได้มาเลยครับ กลายเป็นเพลง “ทน” ภายใน 1 คืนครับ”

ถามว่ายากง่ายแค่ไหน สไปร์ทบอกว่าไม่ได้ยากมาก “ตอนนั้นที่เราทำเพลง เราไม่ได้คิดมาก เราทำด้วยความสนุก ชิลๆ กัน ท่อนระบำๆๆ เพลินๆๆ อันนั้นคือขี้เกียจแต่งแล้วครับ เราก็ทำท่อนแบบนั้นลงไป มันคือความชิลครับ” กายเสริม “มันธรรมชาติมากครับเพลงนั้น” สไปร์ทพูดต่อ “ใช่ครับ แต่มันก็มีความจริงจังอยู่ในนั้นด้วยครับ ถามว่าน่าจะเป็นชีวิตจริงของใครหลายคนด้วยรึเปล่า ผมว่าน่าจะเป็นแบบนั้น เพราะว่าเนื้อหาของเพลงมันกว้าง แต่มันจริงใจ ถึงมันจะปั่น ผมเห็นคนลงใน TikTok ผมก็รู้สึกซึ้งนะ ผมว่าน่าจะสะท้อนชีวิตจริงใครหลายคนด้วยครับ” ก่อนจะหัวเราะและชมตัวเองว่าพูดดีมีสาระก็ได้

จากนั้นกายเสริมว่า “ผมว่ามันก็เข้ากับช่วงสถานการณ์บ้านเมืองด้วยครับ เพราะตอนนี้ก็มีโควิด หลายคนก็ตกงาน หลายคนก็โดนทิ้งเพราะทนกันไม่ไหวแล้ว เหมือนมันซ้ำลงไป เป็นเวลาที่ลำบากครับ” หลังจากนั้นสไปร์ทพูดถึงการร่วมงานกับกายว่า “จริงๆ เราอยู่ด้วยกันมานาน แต่เราไม่มีเพลงทำด้วยกันเลย อันนี้คือเรื่องจริงนะครับ คือเคยร่วมงานกันในรายการ Show Me The Money แต่พอมาอยู่ในค่ายเดียวกันทำไมถึงไม่มีเพลงด้วยกัน เลยชวนมาทำเพลงด้วยกันครับ” กายพูดต่อ “คือตอนแรกที่ค่ายเปิดใหม่ๆ ต่างคนต่างโฟกัสเพลงของตัวเอง ก็เลยยังไม่ได้ฟีทกัน”

ในส่วนของมิวสิกวิดีโอ สไปร์ทบอกว่าเอามาจากเพลง บรรยากาศเป็นแบบเร็กเก้ๆ นั่งชิลกัน กายเสริมว่า “อารมณ์เหมือนใส่เสื้อชายหาด กางเกงขาสั้น รองเท้าแตะ มีความเรียบง่าย แล้วมันมีฉากที่ผมกับสไปร์ทเป็นเด็กเก็บวอลเลย์บอลอยู่ ยืนขายน้ำผลไม้ และก็ฉากโฆษณา เพราะต้องการเงินครับ” เมื่อถามว่าชอบซีนไหนที่สุด สไปร์ทบอกว่า “ชอบซีนบะรำๆ เพลินๆ (หัวเราะ) คือจริงๆ ไม่ได้ขี้เกียจแต่งอะไรขนาดนั้นนะครับ คือมันได้พอดีพี่ แล้วมันอยู่ท่อนนั้นพอดี” กายเสริม “แล้วสไปร์ทก็เต้นจริงๆ ด้วยครับ เต้นในห้องอัด”

เพลงฮิตร้อยล้านวิว ติดชาร์ตบิลบอร์ด

เมื่อถามถึงกระแสตอบรับเพลง “ทน” ที่แรงมาก เพราะหลังจากปล่อยมิวสิกวิดีโอไปในยูทูบเมื่อ 29 เมษายน 2564 ที่ผ่านมา ล่าสุดก็ทะยานสู่ร้อยล้านวิวไปแล้วเรียบร้อยเมื่อ 29 พฤษภาคม 2564 สไปร์ทบอกว่า “เกินความคาดหมายมากครับ เพราะตอนแรกผมทำเพลงกับพี่กาย ผมไม่คิดว่ามันจะดังครับ คืออย่างที่พี่บอกครับว่าเพลงมันสะท้อนชีวิตของใครหลายๆ คน ผมก็คิดว่าคนน่าจะฟังเนอะ แต่ไม่ได้คิดว่าจะพุ่งเร็วขนาดนี้ เพราะเวลามันเร็วมาก” กายเสริมว่า “ออกมาไม่นานมาก แต่ยอดวิวที่ออกมาก็น่าตกใจครับ ไม่คิดว่าจะใช้เวลาแค่ไม่กี่อาทิตย์ที่จะมีผลตอบรับที่ดีขนาดนี้ ใน TikTok ก็เป็นกระแสมาก ก็รู้สึกเซอร์ไพรส์มากๆ เลย อย่างสไปร์ทเคยมีเพลงที่ดังอยู่แล้ว แต่ของผมคือเป็นครั้งแรกเลยที่มีเพลงฮิตเป็นล้านวิวพุ่งขึ้นมาเลย ก็ตกใจเหมือนกันครับ”

ส่วนคอมเมนต์จากในโลกโซเชียล สไปร์ทบอกว่า “ด่าหมดเลยครับพี่ (หัวเราะ)” กายเสริม “มีด่าเยอะครับ แต่คนชอบก็มีครับ” สไปร์ทขยายความว่า “มีดราม่าเยอะแยะเลยครับ คือเรื่องออโต้จูน” กายเสริม “ก็แบบออโต้จูนเยอะไปรึเปล่า” สไปร์ทพูดต่อ “ปกติคนอื่นเขาใช้ 100-200 เราใช้ 1000 เลยครับ เต็มกราฟเลยครับ” กายเล่าอีก “เขาก็เถียงกันนะว่าต้องระบำหรือร่อนเอวกันแน่ ด่ากันจริงจังเลย”

ถึงตรงนี้สไปร์ทขอเคลียร์ดราม่าว่า “เรื่องชาเลนจ์ระบำเนี่ยผมอยากบอกทุกคนนะครับว่าทำอะไรก็ทำไปครับ เพราะผมไม่ได้โฟกัสว่าให้ร่อนเอวหรือระบำ ผมไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย คือส่วนมากเขาพูดว่าเนี่ยไปร่อนเอวกัน แต่เจ้าของเพลงบอกให้ระบำ แต่ผมไม่ได้พูดครับ (หัวเราะ) ผมดีใจที่ผมได้พูดตรงนี้เพราะคนอาจจะดูเยอะ ก็อยากจะบอกว่าทำอะไรก็ทำครับ เพราะผมไม่ได้ฟิกว่าต้องระบำครับพี่”

และอีกหนึ่งการการันตีความสำเร็จของเพลง “ทน” คือการติดชาร์ตเพลง Billboard Global ในอันดับที่ 89 เมื่อ 20 พฤษภาคม 2564 หลังจากที่เพลงปล่อยไปได้ไม่ถึงเดือน ถือเป็นเพลงภาษาไทยเพลงแรกที่ติดชาร์ตเพลงระดับโลกอย่าง Billboard Global ซึ่งเป็นชาร์ตเพลงที่รวมเพลงจากทั่วโลก ยกเว้นในอเมริกา เรียกว่าปังไม่หยุด ฉุดไม่อยู่เลยจริงๆ

ซึ่งสไปร์ทได้เผยความในใจว่า “ก็รู้สึกดีใจมากครับ แต่ตอนแรกผมไม่ได้ดีใจ ผมอยู่ที่ห้อง ทำเพลงปกตินี่แหละครับ และมีพี่ๆ เขาทักมาบอกว่าเพลงเราติดชาร์ตบิลบอร์ดนะ ผมก็งงว่ามันคืออะไรครับ แล้วก็มีพี่ๆ มาอธิบายให้ฟังว่ามันคือท็อปชาร์ตระดับโลก ก็เลยรู้สึกดีใจมากครับที่ผมทำเพลงไทยและมีชาวต่างชาติเขาชอบเพลงไทยของผมด้วยครับ”

ด้านกายบอกว่า “ก็ตั้งแต่รู้ข่าวว่าเพลงพวกเราติดชาร์ตบิลบอร์ด ผมรู้สึกตื่นเต้นมากเลยครับ และก็แปลกใจมากที่เพลงเราไปติดชาร์ตบิลบอร์ดเมืองนอกได้ทั้งๆ ที่เป็นเพลงไทย รู้สึกภูมิใจมากครับผมที่เป็นคนไทยคนแรกและเป็นเพลงไทยล้วนๆ ที่สามารถไปติดบิลบอร์ดได้ รู้สึกดีใจ ตื่นเต้นมากครับกับสิ่งที่เกิดขึ้น คือเพลง "ทน" สามารถไปติดชาร์ตบิลบอร์ดได้ครับ”

ชีวิตในวันต่อไป

ด้วยกระแสตอบรับที่มาแรงในชั่วเวลาเพียงไม่นาน สไปร์ทยอมรับว่ามีคนโทรเข้ามาในเบอร์ติดต่องานเยอะมาก พอเพลงที่ทำเริ่มมีคนฟังมาก ช่วงแรกก็มีความเครียด กลัวเพลงต่อไปไม่ปังเหมือนเดิม แต่สุดท้ายก็เปลี่ยนแนวคิด “โทรมาจนไม่ได้หลับได้นอนเลยครับพี่ ถามว่ารู้สึกยังไง ส่วนตัวผมนะครับ หลังจากมีเพลงปิก้า ปิก้า กับเพลงเดียวดาย มาแล้ว ตอนแรกที่คนฟังเพลงเยอะขนาดนั้นผมก็เครียด ไม่รู้เพลงต่อไปจะดังแบบนี้มั้ย ทำให้เราเครียดครับ เวลาทำเพลงต่อไปจะเครียดขึ้นกว่าเดิมครับว่าถ้าเพลงต่อไปไม่เฟี้ยวเท่าเพลงเดิมที่เราปล่อยไปแล้วจะเป็นยังไง แต่พี่ NINO สอนผมว่าเราไม่ควรคิดแบบนั้น เราควรคิดว่าเราทำเพลงไม่ได้จะต้องดัง เราทำเพลงไปแบบปกติ ซึ่งผมว่ามันเป็นสิ่งที่ดีครับ พอเพลงดัง ไปไหนก็มีคนรู้จัก บางทีคนชอบแกล้งเรียกเป็นใครก็ไม่รู้ แต่ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ออกไปไหน ไม่ได้เจอคนเท่าไร"

พอถามว่าเพลงดังมากในช่วงโควิดระบาดหนัก ทำให้ไม่สามารถรับงานคอนเสิร์ตได้ สไปร์ททำหน้าเศร้า กายปลอบว่าไม่ร้องๆ สไปร์ทยิ้ม กายบอกว่า “เซ็งนิดนึงครับ มันอุตส่าห์แบบว่า...” สไปร์ทพูดทันที “ไม่นิดนึงครับพี่ เอาเรื่องนะ เซ็งเยอะเลยครับพี่ เศร้าใจครับ” กายพูดต่อ “ถามว่าทำยังไงต่อ ก็ต้องปรับตัวกันไป พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส อย่างเช่นตอนนี้มันมีเวลาว่าง ได้ใช้เวลาอินกับเพลงเรามากขึ้น ได้เตรียมแผนเพลงที่กำลังจะปล่อยต่อไป ก็เป็นเวลาเตรียมตัวไปครับ คิดในแง่ดีครับ ไม่อยากคิดลบเดี๋ยวเครียดเกิน”

ด้านสไปร์ทบอกว่า “มันเศร้าครับพี่ อยู่บ้านแล้วมันเหงา ปกติเราไปเล่นคอนเสิร์ตมันอยู่กับแสงสี มีคนเยอะ พออยู่ในบ้านคนเดียวก็หลอน ไม่มีใครอยู่ด้วยเลย อยู่คนเดียว ก็มีบ้างครับที่มีคนอยู่ด้วยแต่น้อย ซึ่งนอกจากการทำเพลง เล่นคอนเสิร์ต ก็ไม่มีรายได้ทางอื่นเลย” ส่วนกายบอกว่า “เดี๋ยวผมกลับไปทำงานกับที่บ้านครับ ช่วยงานที่บริษัทที่บ้าน จากแต่ก่อนลงกับเพลงเต็มๆ ก็ต้องปรับแพลนนิดนึงในส่วนของผม ถามว่าพอหมดโควิดคาดหวังว่าจะมีงานคอนเสิร์ตมั้ย แน่นอนครับ เรียกว่ารออยู่เลยดีกว่าครับ” สไปร์ทพูดต่อ “ถามว่ามีติดต่อมาบ้างมั้ย มีครับ แต่ 2 ปีนะ (หัวเราะ)” กายพูดต่อ “ก็คงต้องรอรัฐบาลครับว่ายังไง ถ้าเขาให้เล่นได้ เราก็พร้อมครับ”

กับความคาดหวังในอนาคต สไปร์ทบอกว่า ต่อไปถ้าปล่อยเพลงแล้วยังมีคนฟัง แค่นี้ก็ดีใจมากแล้ว เพราะตราบใดที่ยังมีคนฟังเพลง ก็ยังมีชื่อเราอยู่ในยูทูบ อาจจะยอดวิวไม่พุ่งมาก แต่หันมาฟังนิดหน่อยก็ดีใจแล้ว เมื่อถามว่าหากไม่ได้ทำเพลงแล้ว อยากทำอะไรต่อไปในอนาคต สไปร์ทตอบว่า “ของผมจะไปทำร้านอาหารครับ เจ้าพ่อผัดกะเพรา และก็อยากเป็นนักข่าวด้วยครับ (ยิ้ม) แซวเล่นครับพี่”

ส่วนความคาดหวังในวงการเพลงของกาย กายบอกว่า “ที่คาดหวังก็คือเราจะเป็นหนึ่งในคนที่มี influence ในวงการฮิปฮอป คืออยู่ในจุดที่สูงๆ เหมือนกันครับ อยากผลักดันให้ตัวเองพุ่งไปมากกว่านี้ครับผม อยากเข้าไปอยู่ลึกกว่านี้ อยู่ในเซ็นเตอร์กว่านี้ ฝันให้ไกลไปให้ถึงครับผม ผมอยากเอาอะไรไปให้คนอื่นจากตัวผมเองครับ” แต่หากอิ่มตัวในวงการเพลงแล้ว กายบอกว่าจริงๆ ก็ชอบงานดีไซน์ อยากเป็นดีไซเนอร์ด้านเสื้อผ้า ของแต่งบ้าน หรืออาจจะไปทำเกี่ยวกับดนตรีหรือเกี่ยวกับผับ

ปิดท้ายสไปร์ทฝากถึงแฟนๆ ที่ติดตามผลงานว่า “อยากจะขอบคุณพี่ๆ น้องๆ FC ทุกคนที่ช่วยกันฟัง ช่วยกันแชร์เพลงผม ชื่นชอบในผลงานของผมอยู่ครับ อยากให้ฟังกันต่อไป ขอบคุณมากครับ” ส่วนกายบอกว่า “อยากจะขอบคุณทุกคนและอยากให้ทุกคนช่วยกันแชร์ต่อไปเรื่อยๆ เพราะว่ายังไงช่วงนี้ก็อยู่บ้านกันเยอะๆ อยู่แล้วในช่วงโควิด ก็ฟังเพลง “ทน” วนๆ กันไปครับผม ส่วนผลงานต่อไปรอดูครับ หวังว่าจะเป็นภายในปีนี้ครับ”.

ผู้เขียน : Penguin บินได้
ภาพ : Hype Train, ทวิตเตอร์ @billboard
กราฟิก : Sathit Chuephanngam