• กว่าจะได้เป็นนักร้อง เคยประกวดเวทีดังแต่ตกรอบ สุดท้ายได้รับโอกาสจากอาร์สยาม
  • ยอมรับมีวันนี้เพราะเพลง "ขอนไม้กับเรือ" อยากหวนกลับไปวันแรก แต่ยุคเปลี่ยนก็เข้าใจ
  • เมื่อนักร้องลูกทุ่งร้องเพลงฮิตยุค 90 ความแปลกใหม่ในชีวิตการทำเพลงของบ่าววี

อยู่ในวงการบันเทิงมานานกว่า 15 ปีแล้ว สำหรับ เรืออากาศตรี วีรยุทธิ์ นานช้า หรือที่ทุกคนรู้จักกันดีในชื่อ “บ่าววี” ศิลปินลูกทุ่งชายภายใต้สังกัดอาร์สยาม ในเครืออาร์เอส เจ้าของเพลงดัง “ขอนไม้กับเรือ” ซึ่งนอกจากจะมีผลงานเพลงแล้ว บ่าววียังคงรับราชการทหารอากาศ และมีผลงานละครหลายเรื่อง อีกทั้งยังทำธุรกิจร้านชาควบคู่กันไปด้วย

แม้ในวันนี้ชื่อเสียงจะลดลงไปตามกาลเวลา มีศิลปินคลื่นลูกใหม่มากมาย การแข่งขันสูง แต่บ่าววีก็ยังคงเดินทางในวงการบันเทิงมาได้เรื่อยๆ ล่าสุดบ่าววีแท็กทีมกับเพื่อนซี้อย่างนักร้องนักแสดงหนุ่ม ต๊ะ วินรวีร์ ใหญ่เสมอ หรือ ต๊ะ บอยสเก๊าท์ ทำซิงเกิลเพลงคัฟเวอร์ “ขอคืน” ศิลปิน บอยสเก๊าท์ มาให้แฟนเพลงตัวเองและแฟนเพลงยุค 90 ได้หายคิดถึงกัน บันเทิงไทยรัฐออนไลน์พูดคุยกับบ่าววีถึงผลงานเพลงล่าสุด รวมถึงชีวิตการทำงานตลอดเกือบ 16 ปีในวงการบันเทิงด้วย

...

กว่าจะเป็นบ่าววี

เมื่อย้อนถามถึงวันแรกที่มุ่งมั่นเพื่อเข้าสู่วงการเพลงเป็นยังไงบ้าง บ่าววีบอกว่า ตัวเองเป็นคนชอบร้องเพลง แต่คิดว่าชีวิตนี้คงไม่มีโอกาส เพราะวันนึงต้องมาเป็นนักเรียนทหาร รับราชการอยู่ แต่ด้วยความบังเอิญที่ร้องเพลงไปด้วย ทำงานไปด้วย ก็เลยลองส่งเพลงตัวเองมาที่อาร์สยาม ไม่ได้คิดว่าชีวิตจะมาตรงนี้ได้ เพราะไม่เคยผ่านเวทีประกวดอะไรจนได้รับรางวัล

ก่อนจะเล่าต่อว่า “เคยลองประกวดเวทีเดอะสตาร์ ปี 2 แล้วผมตกรอบ เพราะตอนนั้นอยากจะเป็นเหมือนเขาไง ตอนนั้นลองไปออดิชั่น เขาบอกว่าผ่านนะ ให้มาดูชื่อด้วย ก็มีสิทธิ์อยู่ แต่พอมาดูชื่อก็ไม่มี หลังจากวันนั้นผมรู้สึกว่าต้องสู้ ก็เลยกลับมาคิดเอง แต่งเพลงเอง ทำเองทุกอย่าง โดยที่ไม่มีความรู้ความสามารถในด้านดนตรี แต่เราคลุกคลีกับดนตรี เราสามารถที่จะแต่งกลอน แต่งเพลงด้วยการเขียนกลอนของเราเองได้ ก็เลยแต่งกลอนไปเรื่อยๆ แต่งเป็นเพลงบ้าง ทำเองมั่วๆ แต่ความมั่วของผมมันต้องมีอะไรที่ไปโดนสักอย่าง

ผมมีที่ปรึกษาคือคุณป๋อง (อัครินทร์ เกตุมณี) ซึ่งเป็นมือกีตาร์ที่อยู่ด้วยกันตอนอยู่ จ.ลพบุรี เขาทำดนตรี ผมก็แต่งเพลงไป ต่างคนต่างปั้นกันมาและส่งเดโมต่างๆ ไปหลายบริษัทเลยครับ รวมทั้งอาร์สยาม เราก็ไม่คิดเลยจริงๆ ครับ ตอนที่อาร์สยามติดต่อกลับมา ผมบอกตรงๆ เลยว่าผมน้ำตาไหลเลย คือพี่หนู มิเตอร์ และคุณเณร ศุภชัย เขาให้ทีมงานโทรมา ตอนนั้นผมก็แบบใช่เหรอ มันเป็นไปได้เหรอ มันคิดไม่ออก ไม่น่าจะใช่

พอเขาเรียกเรามาจริงๆ เขาให้เพลงเรามาทำ หลังจากนั้น 3 เดือน ผมได้มีอัลบั้มเป็นของตัวเอง และมีบทเพลงที่ผมแต่งเอง เขียนเองอยู่ในนั้น 2 เพลงในอัลบั้มแรก ทำไปทำมาเพลงที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในอัลบั้มนั้นคือเพลงที่ผมเขียนเองแต่งเอง ชื่อเพลง “ฝากฟ้า” และได้เป็นนักร้องดาวรุ่งชายยอดเยี่ยมแห่งปีครับ ซึ่งเพลงนี้อยู่ในลำดับที่ 7 ซึ่งไม่ใช่เพลงโปรโมตด้วย แต่กลุ่มแฟนเพลงที่เขาซื้ออัลบั้มเขาชอบเพลงนี้ ก็เลยมาตามคลื่นวิทยุต่างๆ หลังจากนั้นทางบริษัทฯ เลยทำมิวสิกวิดีโอ เลยกลายเป็นเพลงที่ได้รับความนิยมที่สุดในอัลบั้มชุดแรกที่เปิดตัวครับ”

มีทุกวันนี้เพราะ “ขอนไม้กับเรือ”

หลังจากเปิดตัวได้อย่างสวยงามกับอัลบั้มชุดแรกไปแล้ว ชื่อเสียงของบ่าววียิ่งเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณจากอัลบั้มที่ 2 “บ่าววี 2” ที่มีเพลงฮิตติดหูได้รับความนิยมอย่างมาก อย่างเพลงช้าอกหักซึ้งๆ “ขอนไม้กับเรือ” จนกลายเป็นซิกเนเจอร์ประจำตัวของบ่าววีก็ว่าได้ และนักร้องสาวร่วมค่ายอย่าง บิว กัลยาณี นำเพลงนี้ไปแปลงเป็นเพลงตัวเองชื่อ “เพียงสองเรา” มาแล้ว

ซึ่งบ่าววีบอกว่า “ทุกวันนี้ก็ยังร้องอยู่ครับ ไปที่ไหนคนก็เรียกว่าขอนไม้ มีความเป็นขอนไม้อยู่ตลอด ถามว่าชื่อเสียงกับความสำเร็จมาขนาดไหน มันมาแบบไม่ทันตั้งตัว คือเราคิดว่าชุดแรกก็โอเคแล้วนะ แต่ชุด 2 มันเปรี้ยงขึ้นมา กลายเป็นพลุแตกไปเลย มันสุดๆ ของชีวิตครับ ผมรู้สึกว่าทุกวันนี้เวลาไปไหน ผมว่าขอนไม้อันนี้ยังไงมันก็ลอยอยู่ของมัน และมันไม่ผุพัง มันก็ไปของมันได้ มันอาจจะโดนน้ำเซาะบ้าง กระแทกโขดหินบ้าง แต่มันก็จะประคองของมันไปแบบสุดชีวิตของเขาเลย

...

ทุกวันนี้ผมก็พึ่งขอนไม้นี่แหละครับ เกาะเพื่อสร้างทุกอย่างได้หมดเลย ความเป็นบ่าววีต่างๆ มาจากคำว่าขอนไม้จริงๆ ครับ ต้องขอบคุณครูเพลง บริษัทฯ แฟนเพลง ทุกคนที่ร่วมทำครับ เพราะว่าเพลงเพลงนึงกว่าจะทำให้มันติดใจแฟนเพลง หรือทำให้แฟนเพลงรู้จักทั้งประเทศ มันไม่ใช่ง่ายๆ ครับ วันนี้ผมเลยบอกว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือคนที่อยู่เบื้องหลัง แฟนเพลง ตัวเราเป็นคนถ่ายทอด แต่สำคัญที่สุดถ้าเราไม่ได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มแฟนคลับแฟนเพลงตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ ก็คงไม่ได้เป็นขอนไม้จนถึงวันนี้ครับ คนรู้จักเพราะเพลงนี้เลยจริงๆ มีทุกอย่างในวันนี้ได้ด้วยขอนไม้ครับ”

15 ปีในวงการไม่ใช่เรื่องง่าย

อย่างที่รู้ว่าในวงการเพลงในช่วงหลังๆ มีศิลปินคลื่นลูกใหม่มากมาย การแข่งขันสูง บ่าววีเผยถึงการอยู่ในวงการว่า “ผมว่าการที่จะอยู่ตรงนี้ได้ มันคือการให้กำลังใจกัน ใครทำงานเพลงออกมา เราก็ต้องให้กำลังใจ เหมือนการทานข้าว ก็คงไม่ได้กินข้าวมันไก่ทุกวัน เขาก็ต้องเปลี่ยนรสนิยม เปลี่ยนการทานบ้าง เราต้องเข้าใจในเรื่องนี้ว่าคนที่ทำมาก็เพื่อความสุขของแฟนเพลงครับ ผมเลยไม่ได้ซีเรียสว่าวันหนึ่งชื่อเสียงหายไป มีคนใหม่มาทดแทน อันนี้เป็นเรื่องธรรมชาติ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด เรารักษาเขาไว้ยังไงเท่านั้นเอง

อาจจะหาเพลงอะไรที่ดังกว่าขอนไม้ก็คงจะยาก เพราะว่าความตื่นเต้นของแฟนเพลงมันจะลดน้อยลงหลังเพลงขอนไม้แล้ว แต่เราจะทำยังไงให้งานของเรามีคุณภาพให้มันใกล้เคียงกับเพลงขอนไม้ที่เราเคยทำ จะให้พีคสุดเหมือนขอนไม้คงยาก แต่มันก็ไม่แน่เสมอไป เราก็ไม่รู้ว่าวงการเพลงหรือคนฟังเพลงจะยังไง บางทีบางเพลงคนฟังชอบ บางเพลงมีสาระดี แต่คนฟังไม่รับ มันก็หลายอย่าง ในวันนึงที่มีน้องๆ มา ผมดีใจและเป็นกำลังใจให้ทุกคนก้าวสู่ฝันที่สำเร็จ แต่สิ่งที่ดีที่สุดคือการได้มาแล้ว สิ่งสำคัญคือการรักษาครับ

...

ที่วันนี้ผมอยู่ได้เพราะผมรักษากลุ่มแฟนเพลง รักษาความเป็นตัวเอง มีเพลงที่มีความเป็นตัวเองอยู่ ต่อยอดไปด้านละครบ้าง ด้านธุรกิจบ้าง มันอาจจะไม่ได้เต็มร้อยเหมือนเพลงขอนไม้ เหมือนตอนร้องเพลง แต่ในเมื่อความตื่นเต้นของแฟนเพลง พอเป็นนักร้อง เขาอยากเห็นเรามีความตื่นเต้นให้เขาได้เห็น อยากเห็นอะไรที่ทำใหม่ๆ โอเคการร้องเพลงเราอาจจะออกมาไม่ได้รับความนิยม แต่อย่างน้อยก็ยังมีอะไรบ้างให้แฟนเพลงได้เห็นในความเป็นตัวตนที่เราสามารถขยับไปได้นิดนึง มันจะดีไม่ดี แต่เราก็ตั้งใจทำแค่นั้นเอง ผมไปเล่นละครบ้าง ขายของบ้าง มันก็มาจากพัฒนาการที่เราได้จากวันนั้นแล้ว”

เมื่อถามว่าช่วงหลังๆ ที่ทำงานเพลงน้อยลง หันไปเล่นละครและทำธุรกิจ ยังมีคิดถึงการทำงานเพลงบ้างไหม บ่าววีบอกว่า “คิดถึงตลอด มีเพลงอยู่เยอะ แต่บางทีการออกเพลงยุคใหม่มันออกกันเยอะ วันนึงไม่รู้กี่เจ้า เราไม่ทันเด็กยุคใหม่หรอกครับ เราต้องยอมรับ เด็กยุคใหม่เล่นโซเชียล มีกลุ่มแฟนคลับต่างกัน ผมต้องออกเพลงที่มีความเป็นตัวผม แฟนคลับผมที่โตด้วยกันมาตอนนี้อายุ 30-40 ขึ้นไป เราก็ต้องดูว่ากลุ่มแฟนคลับของเราอยู่ในจุดไหนแล้ว แฟนคลับเราอยู่ในจุดการทำงานสร้างครอบครัว มันก็ต้องปรับตัวเอง ถ้าเราออกยุคนี้ การฟังเพลงของเขาก็จะเสพอีกแบบนึง จะให้เป็นเหมือนตอนแรกคงยากแล้ว พูดตรงๆ ว่าเราก็ต้องรู้ตัวเราว่าเราอยู่จุดไหนแล้ว

...

บ่าววีบอกว่า ถ้าจะออกเพลงสักเพลงมันต้องถึงใจจริงๆ โดนใจแฟนเพลงจริงๆ เลยอาจจะคิดมาก เพราะไม่อยากจะออกไปแบบสัพเพเหระ “บางทีเราอยากทำน่ะแหละ แต่ถ้าทำไปแล้วมันรู้สึกว่าไม่ใช่เรา คือเพลงทำไม่ยาก ผมแต่งเองเขียนเองได้ ทำไว้ฟังเองเป็นสิบเพลง แต่ไม่กล้าเอาไปออก เพราะผมชอบ แต่ไม่รู้คนฟังจะชอบด้วยรึเปล่า พอออกเพลงก็ต้องเจอน้องๆ อีกเพียบเลย ความเป็นบ่าววี ถ้าทำไปแล้วคนบอกว่าทำได้แค่นี้เหรอ มันคิดมากน่ะพูดตรงๆ จริงๆ ทำไปก็ไม่เสียอะไรหรอก แต่อยากทำให้มีคุณภาพให้แฟนเพลงที่ให้กำลังใจเราตั้งแต่วันแรก เพราะ 14-15 ปีในวงการมันไม่ใช่ง่ายๆ ที่จะยืนอยู่ตรงนี้ได้ ทุกวันนี้ก็ยังยืนอยู่ได้ ถ้าทำก็จะพยายามคัดเพลงให้ดีที่สุดเพื่อแฟนเพลงครับ”

เมื่อนักร้องลูกทุ่งร้องเพลงยุค 90

หลังจากห่างหายกับการทำซิงเกิลเพลงใหม่มานานกว่า 2 ปี ในที่สุดบ่าววีก็กลับมาอีกครั้งกับการร้องเพลงคัฟเวอร์ยุค 90 ที่เคยฮิตมากอย่าง “ขอคืน” ศิลปิน บอยสเก๊าท์ ซึ่งเป็นความแปลกใหม่ในชีวิตการทำเพลงของบ่าววี เขาเล่าถึงที่มาถึงการนำเพลงนี้มาร้องในสไตล์ของเขาว่า “จริงๆ น้อยมากที่ผมจะร้องเพลงแบบนี้ ตัวเองจะถนัดแนวเพื่อชีวิต หรือลูกทุ่ง ก็เลยคิดว่าการคัฟเวอร์ครั้งนี้อยากจะเอาอะไรที่มันแตกต่างจากความเป็นตัวเราไป ลองมาทำเป็นตัวเราดู ก็เลยเลือกเพลง “ขอคืน” เพราะเป็นเพลงที่ชอบตอนเรายังเป็นนักเรียนนักศึกษา

และผมเป็นแฟนเพลงของบอยสเก๊าท์ สนิทกับวงบอยสเก๊าท์มากตอนเล่นละครเรื่อง “ชาติลำชี” ทางช่อง 7 อายุก็รุ่นราวคราวเดียวกัน ก็บอกเพื่อนตรงๆ ว่า เพลง “ขอคืน” เราจะเอามาร้องสไตล์เราได้มั้ย เราชอบ อันนี้ก็ 4 ปีแล้ว ก่อนที่โจ (ธนัท ฉิมท้วม) จะเสียประมาณ 3 ปีกว่า โจกับต๊ะบอกว่าเอาเลยเพื่อน แล้วอยู่ๆ โจมาเสีย พอมีโปรเจกต์คิดถึงยุค 90 ก็เลยคิดว่าเพลงนี้เราชอบ เราอยากจะร้อง แล้วนึกถึงโจด้วย เราก็รับปากโจไว้แล้ว พอโจจากไป เราก็อยากทำอะไรให้ได้คิดถึงโจด้วย ต๊ะกับดิ๊บ (ธนพงศ์ คล้ายพงศ์พันธ์) ยังอยู่ก็เลยเรียกมาช่วยกัน เลยบอกบริษัทไปว่าขอเพลงนี้ได้มั้ย ผู้ใหญ่ก็โอเคให้เลยครับ”

บ่าววีบอกว่า น้อยมากที่เขาจะร้องเพลงคัฟเวอร์ของคนอื่น เพราะการจะไปเอาเพลงคนอื่นมาคัฟเวอร์ก็รู้สึกเกรงใจ โดยเฉพาะคนรุ่นใหญ่ๆ หรือเพลงที่ได้รับความนิยม อีกอย่างวันที่มาร้องเพลงนี้ ก็ร้องให้ต๊ะกับโจให้ฟังมาก่อนเป็นแนวใต้ เขาก็บอกว่าแปลกดี “พอวันที่เข้าห้องอัด ต้องขอบคุณคนที่ทำเพลงนี้ด้วย เขาให้สิทธิ์ผมหมดเลย ซึ่งผมเป็นคนใช้ภาษาเข้าไปด้วยตัวเอง ไม่ได้มีพี่ๆ มาบอก ผมใส่ของผมเข้าไปเอง ตรงนี้น่าจะเป็นภาษาใต้ ตรงนี้น่าจะเป็นกลิ่นยุค 90 นิดนึง แต่ด้วยความเป็นตัวผม ผมก็ถ่ายทอดความเป็นผมเข้าไปครับ”

ส่วนฟีดแบ็กที่กลับมาบ่าววีบอกว่ารู้สึกดีใจ เพราะแม้จะห่างหายจากการทำเพลงไปนาน 2 ปีกว่า แต่ก็ยังมีกระแสตอบรับที่ดี “ทำมา 2 อาทิตย์กว่าก็ 2 ล้านกว่าวิวแล้ว ก็โอเคครับ เพราะการทำเพลงเก่าคัฟเวอร์ใหม่ ผมคิดว่าเรื่องยอดวิวน่าจะไม่ขนาดนี้ แต่พอมาปุ๊บ มันขึ้น 5 ในมาแรงของยูทูบ ผมก็รู้สึกดีครับ ผมคิดว่าหนึ่งคนคิดถึงยุค 90 สองเอามาทำยังไงให้เป็นบ่าววีได้ เป็นสำเนียงนี้ ดนตรีแบบนี้ได้ พอมาฟังแล้วคงชอบ หลายคนก็บอกว่าทำให้คิดถึงยุค 90 ทำให้ได้ฟังเพลงอีกรสชาติจากที่เคยฟัง ทำให้คิดถึงตอนวัยเรียน ก็ต้องขอบคุณครับ ผมรู้สึกว่าแฟนเพลงคือกำลังใจที่ดีที่สุด ขนาดผมห่างกับการออกเพลง 2 ปี จู่ๆ ออกเพลงคัฟเวอร์ แฟนๆ ยังล้นหลามขนาดนี้ รู้สึกมีกำลังใจในการทำงานเพลง เรารู้สึกว่าพอทำเพลงนี้ก็ยังมีแฟนเพลงต้อนรับเราอยู่เสมอครับ

กับต๊ะก็โทรคุยแซวกันตลอด บอกว่ามันมาแรงในยูทูบ ต๊ะบอกว่าเฮ้ย มาแรงเพราะบ่าววีไง เราก็บอกว่าไม่ใช่เพื่อน เราสองคน เพราะเพลงยุค 90 เป็นอะไรที่คนอยากฟัง การกลับมาของต๊ะด้วย แหบที่คนคิดถึงมันมีเสน่ห์ หาคนร้องแบบนี้ยาก ต๊ะก็ดีใจ ถือว่าเราได้ขยับนะ เพราะเราห่างจากการร้องเพลงทั้งคู่ อย่างต๊ะก็นานมากที่ไม่ได้เห็นซิงเกิลเขาครับ”

ความผูกพันกับอาร์เอส

แม้ในวันนี้ศิลปินหลายคนเลือกที่จะทำเพลงแบบอิสระ แต่บ่าววียังคงเลือกที่จะอยู่กับอาร์เอสและอาร์สยามต่อไป เราถามถึงเหตุผลที่ยังอยู่กับที่นี่ เขาบอกว่า วันแรกที่เข้ามา ส่งเพลงไปหลายบริษัท แต่บริษัทที่รับคืออาร์สยาม ในเครืออาร์เอส ก็เลยคิดว่าเป็นบุญคุณ คือมีเรื่องธุรกิจด้วยเป็นธรรมชาติ แต่ว่าในยุคนี้เราอยู่บริษัท เราต้องเก็บไว้ให้เต็มที่ก่อน อยู่ไปด้วยกัน ถ้ามันจะจมก็ค่อยจมไปพร้อมกัน

“จริงๆ ช่องผมก็มี มีหมดทุกอย่าง ผมอยากทำช่องตัวเอง แต่ด้วยชื่อผมที่เป็นของบริษัท ผมเลยให้เกียรติบริษัท ไม่อยากทำอะไรที่นอกเหนือของคำว่าบริษัทที่เขาให้เรามาตั้งแต่แรก ถ้าวันหนึ่งผมหมดสัญญา ผมจะเข้าไปบอกบริษัท บอกเฮียว่าผมขอบคุณนะครับ ผมจะเปิดตัวของผมเต็มที่ แต่ถ้าวันนึงผมยังอยู่กับบริษัท ผมจะภักดี จะทำแบบนี้แหละครับ ยอมที่จะไปตามทิศทางของบริษัท เพราะเราอยู่กับบริษัท หลายคนมองว่าบ่าววีไปไหน ทำไมไม่ออกเพลง แต่เราอยู่ในองค์กรเราจะรู้ เพราะว่าการออกเพลงยุคนี้ใครๆ ก็ออกได้ แต่อาร์เอสเป็นบริษัทใหญ่ ถ้าออกไปก็ต้องมีความหวัง ชื่อบ่าววีก็มีการันตีโดยอาร์สยาม ผมก็ทำตามองค์กร ถ้าวันนึงหมดสัญญาจะไปทำอะไรค่อยว่าอีกทีครับ

บางคนบอกว่าบริษัทเขี้ยวนะ แต่ผมว่าแล้วแต่มุมมอง คำว่าเขี้ยวไม่มีหรอกครับ มันอยู่ที่คำว่าเชิงธุรกิจ งานนี้เป็นธุรกิจหรือสังคม ผมขออนุญาตอาร์เอสทำอะไร เขาก็ให้โอกาสตลอด ไม่เคยมาว่าเลย ตอนนี้ก็ใกล้หมดสัญญาแล้วก็ทำให้เต็มที่กับที่นี่ก่อน ถ้าหวนกลับได้ก็อยากกลับไปวันที่ที่เข้ามาบริษัท แต่ยุคมันเปลี่ยน เราก็ต้องเข้าใจ หนึ่งเราโตขึ้น สองภาระเรามันใหญ่กว่าวันแรกที่เรามาอยู่ อีกอย่างคือยิ่งเข้ามาอยู่ยิ่งรู้มาก ทั้งที่รู้ไปก็เท่านั้น ผมก็ดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของอาร์เอสมาตลอด วันไหนหมดสัญญาผมก็คงยังคิดถึง ไม่เคยลืม รักเหมือนเดิมครับ”

เมื่อถามว่า ถ้าหมดสัญญาแล้วจะทำอะไรต่อ นักร้องหนุ่มบอกว่า ตอนนี้งานละครก็มีหลายๆ บริษัทติดต่อมา ต้องขอบคุณอาร์เอสที่ให้โอกาสรับละคร ต่อไปก็คงไปทางนี้ด้วย ถ้าหมดสัญญาก็จะไปทำงานของตัวเอง มีช่องยูทูบบ้าง ทำเพลงเองเหมือนศิลปินทั่วไป เล่นละคร และทำงานเบื้องหลังบ้าง ส่วนธุรกิจร้านชาก็ยังทำอยู่ แต่ช่วงนี้สถานการณ์โควิดก็ได้รับผลกระทบ โทษใครไม่ได้ เป็นสภาพที่ต้องยอมรับ ไม่ได้คิดมาก เพราะมีอะไรรองรับหลายอย่าง เรื่องงานรับราชการทหารก็ยังคงทำอยู่ ส่วนมากทำงานเกี่ยวกับกิจการพลเรือน พบปะประชาชนตามพื้นที่ต่างๆ แต่พอโควิดมาก็ไม่ได้ไปเลย ต้องทำงานจากที่บ้าน ตอนนี้ก็คิดวันต่อวันว่าจะเอาตัวรอดอย่างไรมากกว่า เพราะมันกำหนดอะไรล่วงหน้าไม่ได้.

ผู้เขียน : Penguin บินได้
ภาพ : RSiam Music
กราฟิก : Sathit Chuephanngam