“เลื่อนแต่งหนีโควิด-19” นางเอกสาวจั๊กจั่น-อคัมย์สิริ สุวรรณศุข กับเค-วัฒนา เจริญศักดิ์วัฒนา ทายาทธุรกิจชื่อดัง หลังจับมือฝ่าฟันอุปสรรค เคลียร์ข่าว “โลก 2 ใบ” ไม่ใช่เรื่องจริง ทำให้เดินหน้าเตรียมงาน “แต่ง” ได้อย่างสบายใจ แต่พอเข้าโค้งสุดท้ายใกล้ฤกษ์แต่ง (28 พ.ค.64) เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ยังแรงไม่มีแผ่วเป็นเหตุทำให้ว่าที่คู่บ่าวสาวตัดสินใจเลื่อนแต่งไปก่อนอย่างไม่มีกำหนด ก่อนสละโสด...ด “ทีมข่าวบันเทิง” ขอย้อนเส้นทางความรัก 3 ปี ที่โลกทั้งใบให้เธอคนเดียว ใน “คนดังนั่งคุย”

เส้นทางความรักของจั่นกับเคเจอกันได้อย่างไร

“เป็นเพื่อนของเพื่อน พ่อสื่อคือกุ้ง (พี่ชายก้อย-รัชวิน) ค่ะ เป็นเพื่อนมหาวิทยาลัยของจั่น เป็นเพื่อนกับเคตั้งแต่เซนต์คาเบรียล ย้อน 3 ปีก่อน กุ้งไลน์มาถามว่าตอนนี้มีแฟนหรือเปล่า มีเพื่อนอยากรู้จัก สกรีนให้แล้ว คนนี้โอเค รักครอบครัว เป็นคนทำบุญทำทาน จั่นเลยถามสแกนเบื้องต้นแล้วใช่มั้ย กุ้งเลยบอกเค้าสแกนแล้ว แต่เป็นพ่อม่ายนะ เลิกกันมาเป็น 10 ปีแล้ว เค้าเคลียร์แล้วเราไม่ได้ติดใจอะไรก็ดูเค้าเป็นคนรักครอบครัว เราแอบส่องไอจีก่อนก็ดันเป็นไพรเวทอีก จั่นเลยบอกกุ้งให้บอกเค้าด้วย ให้รับเราด้วย จั่นจะรีเควสไป ต้องดูคร่าวๆ โปรไฟล์เป็นยังไง ถ้าดูคนละสไตล์ไม่ไหวนะ แต่อันนี้ดูแล้วเป็นคนสมถะ ไม่ได้ใช้ชีวิตโอเว่อร์ ใช้ชีวิตแบบสบายๆ กุ้งมาบอกว่าคนนี้เค้าสนใจจั่นมาหลายปีแล้ว ถามหลายครั้งแล้วแต่ตอนนั้นเค้ายังไม่โอเค ตอนนี้คือนิ่งแล้ว โตขึ้น กุ้งบอกตอนนี้โอเค เพราะกุ้งค่อนข้างเป็นห่วงเรา ถ้าแนะนำคนไม่ดีให้เค้าก็เสียด้วย หลังจากนั้นค่อยๆ คุยกัน”

...

วันแรกที่เจอกันเป็นยังไงบ้าง กุ้งนัดให้อีกหรือเปล่า

“นัดกันเองค่ะ กุ้งแนะนำเท่านั้น หลังจากนั้นก็นัดกันเอง คุยไลน์ คุยโทรศัพท์ดูนิสัยใจคอกัน ครั้งแรกที่เจอกัน นัดเจอที่ร้านอาหารญี่ปุ่น กินข้าว เค้าดูโอเคดี อยู่ด้วยเราไม่อึดอัด บางคนเราคุยแล้วอึดอัด คุยกันคนละอย่าง บางคนเล่าแต่เรื่องตัวเองไม่สนใจเรา แต่เคเป็นผู้ฟังที่ดี สนใจในเรื่องที่เราพูด พอคุยครั้งแรกเราไม่อึดอัด จั่นเป็นตัวของตัวเองปกติ”

อายุเท่ากันไหม

“เค้ามากกว่าจั่นปีนึงแต่เรียนรุ่นเดียวกัน ด้วยความเป็นรุ่นราวคราวเดียวกันเลยทำให้เราคุยกันเข้าใจ เมื่อก่อนมีคุยกับคนโตกว่าเรา บางทีเรารู้สึกคุยไม่รู้เรื่องเหมือนเค เคยคุยเด็กกว่ามากๆ ก็ไม่รู้เรื่อง แต่นี่เราทำงานเสร็จแล้วค่อยมาคุยกัน บางคนไม่รู้อยู่วงการเค้าจะไม่เข้าใจเราว่าเราเข้าฉากอยู่ ไม่ดูโทรศัพท์ บางวันเก็บตามโลเกชัน ถ้ามีเรา 30 ซีนทุกซีนนางเอกจะมีทุกซีน แต่บางคนไม่เข้าใจทำไมคุยกันตอนเช้าแล้วแต่มาคุยอีกตอนเลิกกอง แต่เคเค้าไม่จุกจิกกับจั่น และจั่นไม่ใช่คนเอะอะจับมือถือตลอดก็ไม่ใช่ เสร็จงานแล้วค่อยว่ากัน เค้าก็รับเราได้ เราเข้าใจ เค้าทำงาน 6 วัน จันทร์-เสาร์ แต่เป็นรูทีน แต่เราไม่เป็นเวลา วันไหนปิดโลเกชันก็เสร็จเที่ยงคืนตีหนึ่งเลย เค้าเข้าใจ เป็นคนไม่จิกและจั่นไม่จิกเหมือนกัน เป็นคนเสมอต้นเสมอปลาย ที่สำคัญเค้าเป็นคนรักครอบครัว”

คุยกันนานไหมกว่าตัดสินใจคบเป็นแฟน

“ประมาณครึ่งปีค่ะ คือคุยกัน ไปไหนด้วยกัน เรียนรู้ศึกษากันแต่ไม่ได้บอกใครว่าเป็นแฟน คือก็ไม่ได้ปิด เพื่อนๆก็รู้ก็บอกว่ามีคนคุยแต่ไม่ได้เปิดเพราะอยากให้ชัวร์ก่อน ไม่ชัวร์ไม่อยากเปิดเพราะถ้ามันไม่ใช่ไม่อยากให้มันติดในประวัติ ถ้าใช่ก็ค่อยๆ เรียนรู้ศึกษากันไป จั่นไปเจอเพื่อนเค้า เค้ามาเจอเพื่อนจั่น เพื่อจะดูเข้ากันได้ไหม จั่นถึงมั่นใจว่าเค้าไม่มีอะไรปิดบังเรา ไม่ใช่อย่างที่เป็นข่าวเพราะเรารู้จักครอบครัวเค้า รู้จักเพื่อนเค้าหมด พอเป็นข่าวเลยไม่ได้หวั่นไหวอะไร ถ้าคนมีพิรุธจะไม่ให้เรารู้จักครอบครัวเค้า”

จุดไหนที่ทำให้เรามั่นใจคนนี้แหละอยากจับมือกันเดินไปข้างหน้า

“สัก 2 ปีที่ผ่านมา คุยแล้วผู้ชายคนนี้น่าจะดูแลเราได้ เค้าใจเย็น ผลัดกันถ้าอันไหนเค้าโมโหจั่นก็จะเฉยๆ แต่เค้าไม่ค่อยหงุดหงิด ช่วงไหนจั่นเล่นละครอารมณ์แปรปรวนง่ายหรือมีปัญหากับอา จั่นหงุดหงิด เค้าจะรู้เราหงุดหงิดจะชวนเราไปกินโน่นนี่ไหม เค้ารู้วิธีรับมือจั่น รับได้เวลาเราอารมณ์ไม่ดี ไม่ใช่แค่อยู่กับเราตอนมีความสุข ตอนถ่ายเดอะเฟซจั่นเครียดมาก แต่เค้าเป็นกำลังใจให้ คือเขาไม่ได้อยู่กับเราแค่ตอนมีความสุข ตอนทำเดอะเฟซจั่นยอมรับเราไม่ได้เป็นผู้ฟังที่ดีเลยนะ แต่เขาเป็นผู้ฟังที่ดีของเรา เรารู้แหละว่าเค้าช่วยเราไม่ได้แต่เราได้ระบายความรู้สึกออกมามากกว่า”

...

จะบอกว่าเคได้เห็นมุมดาร์กๆของเรามาหมดแล้ว

“ก็เห็นนะ แต่จั่นไม่ได้เหวี่ยงวีนโวยวายแบบในละคร เพราะถ้าโมโหจั่นจะไม่อยากพูดด้วย ไม่อยากยุ่ง เดี๋ยวหายกลับมาเอง แต่เค้าไม่หันหลังหนีไปไหน คือหันมาเค้าก็ยังอยู่สแตนด์บายเสมอ”

3 ปีเคยทะเลาะกันเอง

“เยอะค่ะ แต่ไม่ได้ทะเลาะกันใหญ่โต จะเป็นอารมณ์งอนกัน ไม่เข้าใจกันมากกว่า แรกๆเค้าหยุดวันอาทิตย์ แต่จั่นแล้วแต่คิวละคร วีกไหนหยุดตรงกันแล้วเคมีนัด จั่นจะโมโหทำไมไม่นัดวันอื่นที่เรามีงาน ทำไมนัดวันหยุด ก็ค่อยๆปรับตัว ตอนนี้เค้าก็จะรู้แล้วมีธุระอะไรจะไปจัดการวันธรรมดา ไม่ให้ตรงกับวันหยุด”

แสดงว่าเค้าต้องสแตนด์บายเพื่อจั่น

“ใช่ค่ะ (ยิ้ม) คือปรับตัวเข้าหากัน ตอนผ่าเข่าเค้าเป็นคนดูแล เป็นคนมาเข็นรถเป็นคนบอกจั่นเอง ตัดใจเลยผ่าก็ผ่า ถ้าไม่ผ่าก็จะไม่หาย”

ที่ต้องผ่าเข่าเกิดขึ้นจากอะไร

“จั่นผิดคิวในกองละครสะใภ้ไร้ศักดินาจนหมอนรองกระดูกหัวเข่าฉีก ถ้าไม่ผ่ามันจะปวดอยู่อย่างนั้น จะมีผลต่อการดำเนินชีวิต พอผ่าเค้าดูแลจั่นดี”

...

จากข่าวที่เกิดขึ้น “ตาลทิพย์” ทำให้เราเข้าใจกันมากขึ้น

“ค่ะ ทำให้เราเข้าใจกัน อย่างน้อยเราหนักแน่นกันและกัน พอมีข่าวเค้าก็ขอบคุณจั่นที่ไม่ได้เป็นคนหูเบา แต่จั่นมั่นใจในตัวเค้าว่าเป็นคนยังไง มีอะไรพูดกันตรงๆ อย่างเรื่องแต่งงานจั่นก็รู้มาก่อนแล้ว เคยแต่งงานและเลิกไป 12 ปี มันไม่มีอะไรปิดปัง จริงๆรู้ไม่มีอะไร แต่เหมือนมีคนทักมา เรื่องไม่เป็นความจริงแต่เราจับมือได้ขนาดนี้ผ่านกันมาได้ ต่อไปเรื่องอะไรเราคุยและเคลียร์กันได้ จากประสบการณ์ชีวิตก็ทำให้เรามีสติ มีเหตุผลมากขึ้น ถ้าเป็นเมื่อก่อนใครพูดอะไรมาเราก็คงจะเชื่อ จริงเหรอ เพราะจั่นหวั่นไหวมาก ถ้าเป็นโลกใบที่สองเท่ากับจั่นเป็นเมียน้อย ถูกไหม แต่จั่นเป็นผู้หญิงจะซีเรียสมาก ถ้ามีใครมาว่าเราแบบนั้น รับไม่ได้นะ ไม่โอเค แต่เรารู้แฟนเป็นคนยังไง แต่ที่รู้สึกแย่คือเป็นวันที่เรากำลังมีความสุข ไปถ่ายพรีเวดดิ้งวันแรก แต่ทำให้เราเข้าใจกันมากขึ้นเพราะเรื่องที่เราถูกใส่ร้าย ทำให้เราคุยกัน ปรับความเข้าใจกัน คุยกันด้วยเหตุผล จั่นว่าทุกอย่างอยู่ที่เราคุยกัน”

กับฤกษ์แต่งงานเดิม 28 พ.ค. แต่ล่าสุดจั่นตัดสินใจเลื่อนงานแต่ง

“ใช่ค่ะ ที่ตัดสินใจเลื่อนแต่งเพราะดูจากสถานการณ์โควิด ยอดคนติดเชื้อยังหลักพันอยู่เลย จั่นรู้สึกว่าถ้าจัดงานแต่อยู่ในงานไม่เกิน 20 คน มันเป็นไปไม่ได้ แล้วฤกษ์เดิม 28 พ.ค. เลยตัดความเครียด ความกังวลออกไปก่อนดีกว่า เพื่อความปลอดภัยของทุกคน”

ตอนนี้ได้ดูฤกษ์ใหม่แล้วหรือยัง

“กำลังขอฤกษ์กับพระอาจารย์อยู่ค่ะ แต่ไม่รู้วันที่แน่นอน ยังต้องดูสถานการณ์ด้วยค่ะ ตอนนี้ทำการบ้านสถานที่ จำกัดจำนวนคน 50-100 คน ลดความเสี่ยงเพื่อความปลอดภัย มันเป็นเรื่องอ่อนไหว เกิดอะไรขึ้นมันไม่คุ้ม ตัวจั่นเองคงไม่อยากให้แม่ ญาติๆ หรือแขกเป็นอะไร เลยเลื่อนไปก่อนดีกว่า ให้ญาติๆได้ฉีดวัคซีนไปก่อน ใจจั่นก็อยากจัดงานภายในปีนี้แต่ต้องดูสถานการณ์อีกที”

...

จะแต่งงานทั้งทีเจออุปสรรคเยอะเลย

“ไม่หรอก บางคนเลื่อนมา 4 รอบด้วยซ้ำ จั่นแค่รู้สึกว่าเราทำตามนโยบายของรัฐบาลดีกว่า ตอนนี้เราก็เตรียมงานไปเรื่อยๆ ไม่กดดัน พยายามมองข้อดี เคเค้าก็เห็นด้วย มันเป็นโรคระบาดเราทำอะไรไม่ได้ หากคนมางานเราติดเชื้อหรือคนในครอบครัวติดเชื้อมันก็ไม่คุ้ม เลยคิดว่าจัดงานทีหลังได้ไม่เป็นไร ตอนนี้ก็ยอมรับนอยด์มาก ไม่กล้าออกจากบ้านไปไหนเลย”

พอตัดสินใจสละโสด สร้างครอบครัวมีพะวงเรื่องการมีชีวิตคู่แว้บๆขึ้นมาบ้างไหม

“ไม่พะวงเลยค่ะ เพราะตอนนี้รู้สึกว่าคนเราไม่เข้าใจกัน เหมือนมนุษย์เราเกิดมาเพื่อสื่อสารได้ เพราะฉะนั้นมีอะไรเราควรคุยกัน เขารับในจุดที่แย่ของเราได้”

แต่งแล้วเคจะย้ายอยู่บ้านจั่นหรือสร้างเรือนหอใหม่

“สร้างใหม่เลยค่ะ ระหว่างรอสร้างเสร็จ ทีแรกคิดไปคอนโดของบ้านเค แต่ประสพโชค (หมา) ไปด้วยไม่ได้ เลยถามเค้าว่ามาอยู่บ้านจั่นได้ไหมล่ะ เคก็มาได้ก็เลยโอเค แต่บ้านเราไม่ได้สุขสบายหรูหราเท่าบ้านเค้า เพราะบ้านเราเลี้ยงหมาเลี้ยงแมว แต่ 3 ปี เค้าปรับตัวเยอะนะเพราะเค้าไม่เคยเลี้ยงหมาแมวมาก่อน เล่นกับแมวให้แมวนอนบนอกได้ก็ค่อยๆปรับตัว”

เลิฟจั่นต้องเลิฟหมาแมวของจั่นด้วยว่างั้นเหอะ

“จั่นถามก่อนเลยว่ากลัวหรือเปล่า ตอนแรกเคไม่เคยเลี้ยงหมาแมวไม่บอกนะ บอกไม่กลัว เค้าต้องปรับตัว เราก็ต้องปรับตัว เค้าเป็นคนเชื้อสายจีน แต่จั่นบอกไว้ก่อนนะ ทำกับข้าวไม่เก่งนะ เค้ารู้อยู่แล้ว”

เตรียมตัวเป็นแม่ศรีเรือนยังไงบ้าง

“เป็นตัวจั่นนี่แหละ ก็บอกเค้าว่าเราทำได้ประมาณไหน”

วางแผนชีวิตหลังแต่งงานยังทำงานต่อหรือมีลูก

“คงไม่ทำงาน 7 วันเต็ม คงอยากทำอะไรอย่างที่เราอยากทำเพราะที่ผ่านมาผู้ใหญ่อยากให้เล่นอะไรก็เล่น ถ้าจะมีครอบครัวอยากทำอะไรที่เราอยากทำ เพราะเราก็เล่นมาหมดแล้ว อยากเล่นที่เราอยากเล่น ไม่เหมือนตอนเด็กอยากพิสูจน์ตัวเอง ถ่ายละคร 3 เรื่องต่ออาทิตย์ แต่ตอนนี้ไม่ไหว หลังเจ็บเข่า ใช้ร่างกายมาเยอะ เราทำอะไรที่เราอยากทำเหอะ ถ้าวางแผนมีลูกด้วย ฤกษ์มีลูกคือปลายปี 65 เพราะอาจารย์บอกว่าเกิดปีเสือ แต่เราไม่ได้ซีเรียสตรงนั้น ใจจริงแต่งงานก็อยากใช้ชีวิตสองคนสักปีนึงก่อน ถ้าเราแข็งแรงน่าจะโอเค ตอนนี้ตรวจได้ลูกเราจะเอ๋อ จะไม่เลยหลายปีมากหรอก ไม่อยากไปส่งลูกไปโรงเรียนแล้วโดนทักคุณป้ามาแล้วค่ะ ก็ยังรับงานในวงการเหมือนเดิมแต่น้อยลง แบ่งเวลาให้ครอบครัว เพราะคุณพ่อของจั่นเสียตั้งแต่เด็กๆ แม่ก็เป็นผู้จัดการแบงก์ อยู่กับแม่บ้านตั้งแต่เด็ก เพราะฉะนั้นถ้าเรามีลูกก็อยากเลี้ยงลูกด้วยตัวเราเอง ช่วงเด็กสำคัญที่เราสอนเค้าค่ะ”.

เรื่อง : วรรณี ห่อวโนทยาน
ภาพ : สุรกิจ แก้วมรกต