ปิดฉากรูดม่านอำลาแฟนทีวีไปเรียบร้อยโรงเรียนเวิร์คพอยท์เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 3 กันยายน 2563 ที่ผ่านมา สำหรับรายการบันเทิงทางทีวี “หน้ากากนักร้อง” หรือ The Mask Singer ที่ยิ่งใหญ่อลังการและให้ความสุขสูงสุดแก่ผู้ชมทั้งทางจอโทรทัศน์และจอยูทูบมาเป็นเวลาเกือบ 4 ปีเต็มๆ
นับตั้งแต่ออกอากาศตอนแรกเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2559 จนถึงวันอำลา 3 กันยายน 2563 The Mask Singer ออกอากาศไปทั้งหมด 197 ตอน หรือถ้าคิดเป็นสัปดาห์ก็คือ 197 สัปดาห์ ยาวนานพอสมควรทีเดียว
ฮือฮามากที่สุดในซีซันแรกเมื่อทำเรตติ้งเฉลี่ยเอาไว้ 6.5 และทำสถิติสูงสุดประจำวันเอาไว้ที่ 13.8 ในวันถอดหน้ากาก “หน้ากากทุเรียน” หรือ ทอม รูม 39 แชมป์คนแรกของรายการหน้ากากนักร้อง
หลังจากนั้นก็ดีขึ้นไปอีกในซีซันสองเมื่อทำค่าเฉลี่ยได้ถึง 7.3 สูงกว่าซีซันแรกเสียอีก เพียงแต่สถิติสูงสุดวันเดียวลดมาอยู่ที่ 9.4 แพ้ซีซันแรกไป 4 กว่าเท่านั้นเอง
ต้องยอมรับว่าซีซันที่ 2 นี้เองที่นักร้องตกรอบ แต่ฮิตและเป็นที่รู้จักและมีแฟนๆติดตามผลงานมากกว่าแชมป์เสียอีก โดยเฉพาะเพลง “ตราบธุลีดิน” ที่หน้ากาก หอยนางรม (โอม Cocktail) มีคนติดตามฟังในยูทูบจนถึงบัดนี้ถึง 303 ล้านกว่าวิว
แถมลือลั่นไปทั่วเอเชีย มีการติดตามดูในยูทูบ ทั้งเกาหลี อินเดีย ญี่ปุ่น มาเลเซีย ฯลฯ โดยมีการพากย์และบรรยายเป็นภาษานั้นๆ โดยเจ้าของเพจท้องถิ่นประกอบไปด้วย
แต่พอเข้าซีซันสามเรตติ้งก็ลดลงเรื่อยๆ เหลือเฉลี่ยแค่ 3.7 และ 2.4 ในซีซัน 4
ทีมงานซอกแซกเคยถามเสี่ยตา ปัญญา นิรันดร์กุล ว่าเรตติ้งลดมาเรื่อยๆแบบนี้ถอดใจบ้างไหม?
เสี่ยตาตอบว่าไม่หรอก เพราะเรตติ้ง 2.4 เนี่ย ถือว่าดีกว่ารายการโชว์ต่างๆอีกเยอะ ผมพร้อมจะเดินหน้าต่อ
...
ส่งผลให้เวิร์คพอยท์เดินหน้าต่อมาเรื่อยๆอีก โดยเริ่มซีซันใหม่ และเรียกชื่อซีซันแทนหมายเลข เช่น โปรเจกต์ A, Line ไทย, วรรณคดีไทย ไปจนถึงสุดท้าย ลูกไทย ที่จบลงไปพร้อมกับเรตติ้งเฉลี่ย 1.4 ตํ่าต้อยที่สุดกว่าทุกๆโปรเจกต์ จนต้องประกาศอำลาในที่สุด
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น เพราะการพูดว่าเรตติ้งเป็นเท่านั้นเท่านี้ อาจนึกไม่ออกว่า หรือมองไม่เห็นภาพเท่าไรนัก
ก็ขอให้เอาตัวเลข 600,000 คูณก็แล้วกัน เพราะมีการประมาณว่าทุกๆเรตติ้ง 1 จะเท่ากับจำนวนคนดู 500,000-600,000 คน เราก็เอาตัวเลขสูงสุดมาใช้ พอให้เห็นภาพคร่าวๆ
อย่างสุดท้ายซีซันลูกไทยมีเรตติ้งเฉลี่ย 1.4 ก็น่าจะมีคนดูประมาณ 840,000 คน ไม่ถึงล้านคนเสียด้วยซํ้า
จริงๆแล้ว หัวหน้าทีมซอกแซกไม่ได้ติดตามตั้งแต่ต้น แต่ด้วยกระแสของ “หน้ากากทุเรียน” ทำให้ตัดสินใจเข้ามาดูกับเขาบ้างในช่วงปลายๆซีซัน 1 ดังกล่าว
ติดใจเพลง “จดหมายฉบับสุดท้าย” ที่ ทอม รูม 39 เขาร้องในสไตล์ลูกทุ่งอย่างยอดเยี่ยมในนัดชิงแชมป์
นับจากนั้น หัวหน้าทีมซอกแซกก็ติดตามชมมาตลอด โดยเฉพาะในซีซัน 2 ที่ยกนิ้วให้กับหน้ากาก หอยนางรม (โอม Cocktail) ที่แม้จะตกรอบที่ 3 ดังได้กล่าวไว้แล้ว
มาถึงซีซัน 3 ก็ตามลุ้นหน้ากาก หนอนชาเขียว (บอย พีชเมกเกอร์) จนได้แชมป์และชอบการแสดงชุด “บางระจันวันเพ็ญ” ของ คาราบาว ที่ หนอนชาเขียว เอามาร้องใหม่ และร้องได้อย่างประทับใจสุดๆ
สำหรับซีซันพิเศษต่างๆนั้นก็กลับมาดูบ้างเฉพาะตอนเข้ารอบลึกๆ ซึ่งก็คงเป็นไปตามเรตติ้งที่เริ่มลดลงนั่นแหละ เพราะแม้แต่หัวหน้าทีมเองก็เริ่มห่างเหินไปพอสมควร
ในที่สุดก็มาถึงซีซันพิเศษสุดท้าย ลูกไทย ที่เพิ่งจะจบลง หัวหน้าทีมตามเชียร์อยู่ 2 หน้ากาก แต่มีนักร้อง 3 คน เพราะ หน้ากากโนรา ใช้นักร้อง 2 คนคู่กัน และอีกหน้ากากที่ตามลุ้นมาตลอดก็คือ หน้ากากข้าวหลาม ซึ่งร้องได้ดีตั้งแต่แรกๆ
คงทราบแล้วว่า หน้ากากโนรา 2 พี่น้องคือ เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น กับ ลิลลี่ ได้หมดถ้าสดชื่น เจ้าของเพลงที่โด่งดังมากในปี 2562 “เลิกคุยทั้งอำเภอ เพื่อเธอคนเดียว” ซึ่งต่อมากลายเป็นเพลงเจ้าปัญหา เมื่อเกิดขัดแย้งในเรื่องค่าตัวของนักร้องชายที่มาร้องร่วม จนกลายเป็นดราม่าขนาดหนัก
รอบแชมป์ชนแชมป์ที่เหลือนักร้อง 3 หน้ากาก และจะคัดสู่รอบสุดท้าย 2 หน้ากากนั้น 2 พี่น้องก็ยังมาสู้แม้จะเจอดราม่าเต็มเหนี่ยวเข้าไปแล้ว ซึ่งก็มาแพ้จนถูกถอดหน้ากากในรอบนี้
ในที่สุดแชมป์ชุด ลูกไทย โปรเจกต์สุดท้ายของหน้ากากนักร้องก็เป็นของ หน้ากากข้าวหลาม (เบิ้ล ปทุมราช) ที่เอาชนะ หน้ากากบายศรี (เอิ้นขวัญ วรัญญา) ในรอบสุดท้ายได้อย่างขาดลอย
เบิ้ลส่งท้ายในรอบชิงแชมป์ด้วยเพลง “ค่าน้ำนม+แม่” ที่เขานำเพลงของครูไพบูลย์ บุตรขัน ที่แต่งให้ ชาญเย็นแข ขับร้องจนกลายเป็นเพลงอมตะ มาเรียบเรียงใหม่โดยผสมเนื้อร้องแบบแร็ปสรรเสริญพระคุณแม่ก่อนจะโยงเข้ากับเพลง “แม่” ของ โลโซ ได้อย่างสุดซึ้ง
ทำให้ซีซันพิเศษส่งท้ายของ The Mask Singer จบลงได้อย่างงดงาม และประทับใจแฟนๆ แม้จะเหลือน้อยแค่เรตติ้ง 1.4 อย่างที่ว่า
ขอปรบมือให้เวิร์คพอยท์อีกครั้งสำหรับรายการที่สร้างความบันเทิงที่ยิ่งใหญ่ และมหัศจรรย์ชิ้นนี้ แทบไม่น่าเชื่อเลยว่าจะนำความคิดของ “เกาหลี” มาปรับเป็นไทยได้อย่างยอดเยี่ยม และกลายเป็นไทยแท้ๆในที่สุด
ขอบคุณสำหรับความบันเทิงที่ได้รับตลอดช่วงเวลาเกือบ 4 ปีที่ผ่านมา...และหวังว่าคงจะได้ดูได้ชมรายการดีๆ มันๆ สนุกๆ แบบนี้จากเสี่ยตา ปัญญา นิรันดร์กุล ในอนาคต อีกนะครับ.
...
“ซูม”