หลังจากที่เคยอัดคลิปยอมรับแบบตรงๆ ว่าตัวเองเป็นเกย์ สำหรับ เต็งหนึ่ง คณิศ โดยเจ้าตัวบอกว่า ที่ตัดสินใจยอมเปิดเผยตัวตนนั้น ด้วยความที่โตแล้ว จึงรู้สึกว่าพร้อมรับฟังความเห็นจากคนอื่น และที่บ้านก็เชียร์ให้เป็นตัวของตัวเอง ยอมรับว่ามีผลกระทบกับงานบ้างแต่ก็ไม่มาก และยังบอกอีกว่า ถึงทำรายการอาหารก็เป็นเกย์ได้

หลังจากที่ออกมาพูดว่าเป็นเกย์ ชีวิตเป็นอย่างไรบ้าง?
“ก็ดีใจครับ จริงๆ ก็เฉยๆ นะ เพราะที่บ้านกับเราคุยเรื่องนี้กันตลอดอยู่แล้ว เหมือนในวิดีโอเลยครับ ถ้าเกิดใครได้ดูก็เป็นคลิปที่เรารู้สึกว่าสบายใจและไม่ได้มีอะไรเติมแต่งที่สุดแล้วครับ”

อะไรเป็นตัวแปรที่ทำให้เราตัดสินใจเปิดตัว?
“โตแล้วมั้งครับ อายุ 32 แล้ว รู้สึกว่าพร้อมที่จะฟังและรับฟังความคิดเห็นของคนอื่น อ่านคอมเมนต์เราไม่ได้รู้สึกเสียใจหรือว่าอะไรเลย รู้สึกว่าน่าจะเป็นช่วงเวลาที่น่าจะเหมาะ”

ตัดสินใจนานไหม เพราะเราเองก็เข้าวงการมาตั้งแต่เด็ก?
“จริงๆ เราไปอยู่ต่างประเทศนานด้วยแหละ รู้สึกว่าพอเราไปอยู่ต่างประเทศ เราก็เป็นแค่เราครับ ถึงเราจะทำงานหรือไปเล่นละครต่างประเทศก็จริง แต่ว่าเราไม่ได้มีโมเมนต์ของการมาเจอพี่ๆ สื่อแบบนี้บ่อยๆ เราเลยรู้สึกว่าเป็นช่วงเวลาที่ไม่มีอะไรต้องคิดเยอะแล้ว

และจริงๆ ที่บ้านผมก็เชียร์ให้พูดมาตั้งนานแล้ว เราเองนั่นแหละที่รู้สึก ตอนแรกเราไปทำงานที่ประเทศจีนใช่ไหมครับ ผมก็กลัวว่าผมจะไม่มีงาน แต่ที่จริงแล้ว เรารู้สึกว่าเราอยากสบายใจมากกว่า”

...

เราก็สบายใจมากขึ้นกว่าเดิมไหม?
“มันไม่มีอะไรเปลี่ยนครับ การที่เราออกมาบอกว่าเราเป็นอะไร เราไม่ได้จะแต่งหญิงครับ เรายังเป็นเราครับ เราเจอกันข้างนอก เราก็ยังเป็นเรา เราก็ยังเป็นเต็งหนึ่งที่ยังเป็นผู้ชายคนเดิม

เพียงแต่ว่าเราอยากจะบอกทุกคนว่า เราเป็นผู้ชายที่มีแฟนเป็นผู้ชายเฉยๆ และโลกมันก็มาไกลแล้ว ไม่ต้องมานั่งแบ่งกันแล้วว่าแพทเทิร์นของการเป็น LGBT ต้องเป็นยังไง”

มันส่งผลกระทบกับงานไหม หลังจากที่เปิดตัว?
“จริงๆ ผมไม่ได้ทำงานในวงการเยอะขนาดนั้นอยู่แล้วครับ ก็อาจจะมีบ้าง แต่ตอนนี้เรากลับมาไทยเราก็รับละคร แล้วส่วนใหญ่ก็เป็นงานที่ทุกคนรู้ว่าผมเป็นเชฟไปแล้ว ทำรายการอาหารเป็นเกย์ทำได้ครับ (หัวเราะ)”

ฟีดแบ็กเป็นอย่างไรบ้าง หลายคนเสียดายเหมือนกัน?
“ไม่ต้องเสียดายนะครับ (ยิ้ม)”

มีการตอบคอมเมนต์ไหม เพราะหลายคนเข้ามาชื่นชมที่เราได้ออกมาเปิดเผยตัวตนของเรา?
“ก็ตอบเท่าที่ตอบได้ จริงๆ ผมดีใจนะครับที่ได้เป็นเหมือนเป็นคนที่ออกมาบอก การเป็น LGBT มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ครับ คือก่อนที่ผมจะพูด ก่อนจะโพสต์ หรือหลังจากโพสต์แล้วมันก็คือเราเหมือนเดิม จะไม่มีทางเห็นผมแบบอยู่ดีๆ ก็กรี๊ดขึ้นมา ไม่มีครับ ไม่น่ามีแน่ๆ”

สบายใจขึ้นไหม?
“ก็สบายใจขึ้นแหละครับ สบายใจนะครับ เวลาเจอใคร ไม่รู้สิ เรารู้สึกสบายใจขึ้นครับ”

สาวๆ หลายคนเสียดายเหมือนกัน?
“ไม่ต้องเสียดายครับ ไม่ต้องเสียดาย (หัวเราะ) เรายังมีความสุขด้วยกันได้อยู่ เรายังเป็นคนเดิม”

ตอนนี้มีความรักหรือยัง?
“ไม่มีครับ”

พอเราบอกออกไปไม่มีหนุ่มๆ เข้ามาสนใจเลยเหรอ?
“ก็ได้ดูแล้วก็เข้ามานะครับ (ยิ้ม)”

เหงาไหม?
“ไม่เหงา คือเราว่าคนมีความสุขกับการอยู่คนเดียวได้แล้ว เราอยู่ต่างประเทศเยอะ และเราทำงานเยอะ เราเลยรู้สึกว่าถ้าเรามีแล้วมาขัดความรู้สึกอย่างอื่นของเรา ก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องรีบก็ได้”

มีรายการหนึ่งที่ เชียร์ ฑิฆัมพร ไปออกแล้วบอกว่ารักกับพระเอกคนหนึ่งมาก และรู้สึกว่าผิดหวังมากที่จับได้ คนโยงว่าเป็นเรา?
“(หัวเราะ) ไม่จริงๆ กับเชียร์เราสนิทกันมากนะ ทุกวันนี้เวลาเรามีอะไร เขาก็ซัพพอร์ตนะครับ”

ตอนนั้นได้คบกันจริงไหม?
“ไม่มีครับ เป็นเพื่อนกัน”

ตัวเราเองทราบไหมที่คนโยงว่าเป็นเรา?
“ก็ได้เห็นจากสื่อจากอะไร แต่ว่าจริงๆ เราคุยกับเชียร์น้อยเหมือนกันนะ ช่วงนี้นะครับ คือต่างคนก็ต่างทำงานไปแล้วครับ”

ไม่ได้ติดต่อกันเลย?
“เราติดต่อกันในโซเชียลครับ แต่ไม่ได้แฮงก์เอาต์กันครับ”

...

ยืนยันว่าที่เขาพูดถึงไม่ใช่เรา?
“ไม่ใช่ ใช่ไหมเชียร์ (ยิ้ม) ไม่น่าใช่ ไม่ใช่ครับ”

พอเราตัดสินใจประกาศตัวเองแบบนี้เคยคิดไหมว่าผลกระทบจะออกมาด้านดีหรือเสียมากกว่ากัน?
“ก็คิดนะครับ เราก็ไม่เคยเห็นใครเปิดตัวเนอะ แต่ว่าก็โอเคนะครับ ผมว่าออกมาก็โอเค”

แสดงว่ามีด้านดีมากกว่า?
“ด้านดีเยอะครับ แล้วก็ยังไม่เจอด้านร้ายเลยครับ มีบ้างที่แบบพูดทำไม ก็ไม่เป็นไรครับ ก็รับฟังไปครับ”

เราเหมือนเป็นต้นแบบที่ทำให้คนอื่นกล้าเปิดเผยตัวตน?
“ก็ถ้าเป็นต้นแบบในทางที่ดีนะครับ ก็ดีครับ เราว่า LGBT คือมนุษย์คนหนึ่ง อยากให้ทุกคนรู้ว่ามันคือสิ่งที่เท่าเทียมกันครับ ยุคใหม่แล้วครับ”

มาเมืองไทยตอนนี้คืออยู่ถาวรไหม?
“อยู่ 8 เดือนครับ กลับมาเดี๋ยวมีรายการอาหารที่เซ็นสัญญาไปแล้ว มาเล่นละครหนึ่งเรื่อง เสร็จแล้วก็กลับจีนครับ”.