เป็นนักมวยที่มีฝีไม้ลายมืออย่างมาก สำหรับนักมวยสาวประเภทสองคนสวย น้องตุ้ม ปริญญา เกียรติบุษบา ถ้าย้อนไปเมื่อ 20 ปีก่อนหลายคนต้องรู้จักเธอเป็นอย่างดี เพราะเธอเป็นนักมวยคนเดียวที่อยู่ในร่างสาวประเภทสองที่แปลงเพศแล้ว ล่าสุดเธอได้มาร่วมรายการ เสือ สิงห์ กระทิง แซ่บ ทางช่อง 3 HD(33) ซึ่งเธอก็ได้เปิดใจอย่างหมดเปลือกแบบไม่มีกั๊ก กับเรื่องความรัก และเรื่องการแปลงเพศของเธอ

โดย น้องตุ้ม ได้บอกว่า ตนเองมีแฟนอายุน้อยกว่า 12 ปี ยังเด็กอยู่เลย เป็นนักมวยรุ่นน้อง อยู่ในค่ายเดียวกัน คบกันมา 5 ปีแล้ว ที่ทำให้แพ้ก็คือเอาใจเก่ง ที่ผ่านมาแฟนเคยคบผู้หญิงมาก่อน ตอนนั้นเค้ายังเด็ก ก็คบผู้หญิงมาประมาณ 3-4 คน เราเป็นคนที่เท่าไรก็ไม่รู้ แต่สิ่งที่ทำให้เค้ากลับมารักเราก็คือ ใช้วิธีแม่ไม้มวยไทย เพื่อเอาให้อยู่ ถามว่าทำยังไงให้แฟนเด็กทั้งรักทั้งหลง เราก็ใช้ท่ายากเยอะๆ คือเราเป็นนักมวยไง เราก็ต้องเอามาผสมผสานกัน

แล้วที่บ้านตนเองจะเป็นใหญ่ คุมเงินทุกบาททุกสตางค์ เมื่อก่อนยอมรับว่าตัวเองนิสัยแย่ เพราะเป็นคนเอาแต่ใจ แล้วชอบดุด่าเค้า เวลาไปทำงานต่างจังหวัด เราจะเริ่มคิดคำนวณเงินให้เค้า อย่างเช่นกินข้าวมื้อละ 45 บาท 3 มื้อ งั้นเอาไป 300 แล้วกันเพราะไป 4 วัน จนเดี๋ยวนี้ให้เค้าได้ถือเงินบ้างมากขึ้น พันสองพันก็ว่าไป แต่ถ้าจับได้ว่าแฟนไปแอบกินกับเด็กรุ่นน้อง เราก็จะตัดใจเลย อยากไปก็ไปเลย

...

เมื่อพิธีกรถามว่า ลีลาบนเตียงกับลีลาแม่ไม้มวยไทย อันไหนเด็ดกว่ากัน ตุ้มบอกว่า ไม่แพ้กัน เห็นเงียบๆ แบบนี้ฟาดเรียบนะคะ

ถามว่าเสียใจกับรักครั้งไหนมากที่สุด เจ้าตัวบอกว่า รักครั้งแรก คือตอนที่แปลงเพศตอนที่อายุ 17 แล้ว 18 เราก็เริ่มมีความรักครั้งแรก คิดว่าถ้าอยากเสียความบริสุทธิ์ ก็อยากเสียให้กับคนที่เรารักจริงๆ คนนี้คบกันหลังจากที่แปลงเพศแล้ว คบกันมา 4 ปี เค้าก็รักเรามากแหละ แต่เค้าแอบมีเศษเลย เราก็เลยทนไม่ไหวก็เหวี่ยงเลย

คือเราเป็นคนที่คบใครคบทีละคน จะไม่คบทีละสองคน แล้วที่ถูกมองว่า อยู่ค่ายกินผู้ชายไม่เลือกนั้นไม่จริง ถ้าคนนี้ไม่ดีก็เลิกเลย ถึงจะคบคนใหม่ แต่ถ้าดีก็อยู่ยาวๆ กันไป แฟนคนที่ผ่านมาส่วนมากจะเป็นนักมวยหมด เพราะผู้ชายธรรมดาไม่กล้าจีบ เหมือนกับว่าเราเป็นนักมวยด้วย คนก็ติดภาพเราเป็นนักมวยเตะต่อยฝรั่ง พอเราคบกับนักมวยด้วยกัน ก็รู้ทางกัน

ถามว่ามีเสี่ยๆ เข้ามามั้ย ก็มีเข้ามาทั้งไทยและเทศ เค้าก็เปย์เรานะ แต่เราไม่ชอบคนแก่ เราชอบเด็ก ส่วนมากเค้าจะติดต่อมาทางหัวหน้าคณะ บอกให้พาน้องตุ้มไปกินข้าวหน่อย แต่เราก็ไม่สวยมาก แค่แสนเดียวเราก็ไปแล้ว ที่ไปกินข้าวเพราะมันเป็นธรรมเนียม คือที่ญี่ปุ่นพอชกเสร็จเค้าจะมีเลี้ยงอาหาร เราก็ไป เค้าก็มีใส่ซองให้เราด้วย แต่เราก็ไม่ค่อยกล้ารับ ส่วนมากจะขอตัวกลับโรงแรมเลย พอถึงห้องก็ล็อกห้อง 3 ชั้น ยกหูโทรศัพท์ออก ใส่หูฟังเข้านอนเลย เพราะเรากลัวไง

ตอนเด็กๆ เราจะรู้แล้วว่าเราเป็นอะไร ชอบแต่งหน้า แต่งตัวเอากระโปรงมาใส่ พอได้ยินเสียงเพลงก็จะออกมาเต้น พ่อก็จะเรียก ไอ้ตุ๊ด แล้วพอตอนจะแปลงเพศ เราอายุยังไม่ถึง หมอเค้าก็ห้าม เราก็เลยบอกพ่อกับแม่ว่าคุณหมออยากเจอ พ่อกับแม่ก็ปรึกษากัน พ่อเค้าบอกว่า ถ้าผมเซ็นให้แล้ว ลูกผมปลอดภัย ผมก็อยากเซ็น แต่ถ้าไม่ปลอดภัยเค้าก็ไม่เซ็น หมอก็อธิบายให้ฟัง คือพ่อเค้าแค่ห่วงเรื่องความปลอดภัยของเรา

คือเราคิดอยากแปลงเพศตั้งแต่เด็กเลย ไม่รู้หรอกว่าวิวัฒนาการมันไปได้ถึงไหน เราคิดแค่ว่าถ้าเปลี่ยนจากผู้ชายเป็นผู้หญิงได้ มันน่าจะดีเนอะ แล้วทุกวันนี้เราแปลงมา 20 ปีแล้ว ไม่เคยเสียใจเลย และเรามีความสุขกับเพศสภาพที่ตัวเองเลือก

ยอมรับว่า ตัวเองประสบความสำเร็จเพราะเป็นกะเทย ถ้าไม่ได้เป็นกะเทย ก็ไม่ได้เป็นน้องตุ้มมาถึงทุกวันนี้ เพราะทุกคนรู้จักตุ้มเพราะน้องตุ้ม และรู้จักมากับมวยไทย รู้จักเพราะเราเป็นนักมวยกะเทย

สุดท้ายก็อยากเตือนน้องๆ ที่คิดจะทำว่า เราต้องชัดเจนในตัวเราก่อนว่าเราทำไปเพื่ออะไร อย่างตัวเราเราทำเพื่อตนเอง ไม่ได้ทำเพื่อผู้ชายที่ไหนเลย ถือว่าใจตัวเองมีความสุข และพ่อแม่เราก็มีความสุขกับตัวเราด้วย ครอบครัวเราไม่ได้เดือดร้อน แล้วก็คนรอบข้างไม่ได้เป็นทุกข์กับเรา ในยุคที่ตนเองแปลงเพศนั้นมันยังไม่ได้เปิดกว้างมาก เพราะฉะนั้นตอนนี้มันมีทางเลือกหลายทาง ไม่จำเป็นต้องแปลงเพศก็มีความสุขได้.

...

...