แม้เทคโนโลยีทุกวันนี้จะอำนวยความสะดวกให้เราเข้าถึงหนังและแอนิเมชันที่อยากดูได้ง่ายๆ แต่หากโอกาสมาถึง (เช่นตอนนี้) การได้ดูหนังแอนิเมชัน Evangelion: 3.0+1.0 Thrice Upon a Time ในโรงภาพยนตร์ ก็นับเป็นประสบการณ์น่าประทับใจการชมภาพยนตร์ครั้งหนึ่งในชีวิต ถ้าวัดในแบบหนังแอนิเมชันด้วยกัน ก็อาจเทียบได้กับการดู AKIRA ตำนานแอนิเมชันไซเบอร์พังก์ในโรงภาพยนตร์

ไม่ว่าจะเป็นแฟนพันธุ์แท้หรือแฟนขาจร คนที่เพิ่งติดตามไม่นานหรือเติบโตมาพร้อมกัน คนที่ดูรู้เรื่องเข้าใจนัยที่ซ่อนเร้น หรือคนที่ถอดใจไม่ขอไปต่อเพราะมึนงงว่าเรื่องนำเสนออะไรกันแน่ และคนที่ไม่ว่าจะชอบ ชัง หรือเฉยๆ หากกล่าวถึงที่สุดหน้าประวัติศาสตร์วงการแอนิเมชันโลกยังไงก็ต้องมีชื่อของ Evangelion (อีวานเกเลียน) ผลงานของ Hideaki Anno ว่าเป็นหนึ่งในตำนานแอนิเมชันที่ควรดูให้ได้สักครั้งในชีวิต

...

ทบทวนกันสักเล็กน้อย ก่อนจะมาถึง Evangelion: 3.0+1.0 Thrice Upon a Time อาจแบ่ง Evangelion ได้ใหญ่ๆ ช่วงคือ ช่วงแรก (Original) คือย้อนกลับไปปี 1995 ที่ Neon Genesis Evangelion ออกฉายเป็นทีวีซีรีส์ 26 ตอน ต่อไปสู่บทสรุปแรกในหนัง The End of Evangelion เมื่อปี 1997

และช่วงที่สอง (Rebuild) ซึ่งเป็นการนำช่วง Original กลับมาทำใหม่ เหมือนเป็นการเดินบนเส้นทางเดิมด้วยมุมมองใหม่ ที่ครั้งนี้ทำเป็นหนังฉายโรงทั้งหมด ตั้งแต่ 1.0 You Are (Not) Alone. (2007), 2.0 You Can (Not) Advance. (2009), 3.0 You Can (Not) Redo. (2012) และ 3.0+1.0 Thrice Upon a Time (2021) ซึ่งเป็นบทสรุป

นั่นหมายความว่าคนที่เหมาะจะไปดู Evangelion: 3.0+1.0 ในโรงภาพยนตร์ หลักๆ ก็คือกลุ่มแฟนที่ติดตามกันเหนียวแน่นตลอดมา แต่หากใครที่เป็นหน้าใหม่หรือเพิ่งติดตามไม่นาน หากจะไปดู 3.0+1.0 ในโรงให้ได้อรรถรสอย่างเต็มที่ แนะนำว่าดูหนังช่วง Rebuild ให้ครบทั้ง 3 ภาคก่อน เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมน่าจะดีที่สุด

ใครที่ติดตาม Evangelion ก็คงจะทราบดีว่านี่ไม่ใช่แอนิเมชัน "หุ่นยนต์ต่อสู้กัน" ในแบบที่ตัวอย่างหรือภาพโปรโมตต่างๆ สื่อออกไป หรือในแบบคนที่ยังไม่เคยดูเข้าใจว่าแบบนั้น แต่แท้ที่จริงมันคือ ดราม่า-ไซไฟ ผสมจิตวิทยา ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวอันหนักหน่วงทั้งในแง่มุมภายในจิตใจของตัวละคร และสถานการณ์ภายนอกที่รุนแรงในระดับล้มล้างมนุษยชาติ แม้จะมึนงงกับวิธีการนำเสนอ หรือปวดหัวกับการตีความเรื่องราว แต่งานออกแบบสุดเท่ของหุ่นรบ EVA รุ่นต่างๆ ดีไซน์บุคลิกตัวละครที่โดดเด่น และงานด้านภาพสุดยิ่งใหญ่ที่มีทั้งความงดงามและน่ากลัวในเวลาเดียวกัน ก็เพียงพอที่จะตรึงใจแฟนๆ ได้อยู่หมัด

ถึงแม้จะรู้ว่าความดราม่า ความซับซ้อน จะเป็นจุดขายสำคัญที่ทำให้ชื่อ Evangelion ไม่ได้เลือนหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์ แม้ส่วนตัวจะค่อนข้างชื่นชอบ Evangelion เพียงใด ก็ต้องยอมรับว่าการดู Evangelion ไม่อาจพูดได้เต็มปากเต็มคำว่ามันคือ ความสนุก มัน หรือบันเทิง ในแบบที่เคยได้รับจากหนังหรือแอนิเมชันเรื่องอื่นๆ

แต่สำหรับ Evangelion: 3.0+1.0 Thrice Upon a Time กลับให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไป มีความผ่อนคลายเข้ามา เพราะท่ามกลางสถานการณ์ของเรื่องราวที่ทุกอย่างใกล้ล่มสลายเต็มที แต่ครึ่งแรกของเรื่องกลับให้เวลาตัวละครเด่นในเรื่อง (และแฟนๆ) ได้วนเวียนอยู่ในสถานที่ของเหล่าผู้รอดชีวิตจาก Third Impact ที่แม้จะลำบากแค่ไหน แต่ก็เต็มไปด้วยสีสันและความพยายามในการมีชีวิต

...

เป็นช่วงเวลาที่เหล่าตัวเอกของเรื่องได้เรียนรู้เกี่ยวกับชีวิตในมิติต่างๆ การช่วยเหลือซึ่งกันและกัน การทำไร่ปลูกพืช ทานอาหารร่วมกันพร้อมหน้า ช่วยเพิ่มมิติและรอยยิ้มกับเหล่าตัวละครเอกทั้ง อาสึกะ หรือ เรย์ ในแบบที่เราไม่ค่อยได้เห็นกันเท่าไร ซึ่งทั้งหมดได้ถูกส่งไปถึง ชินจิ ที่ยังอยู่ในสภาวะช็อก ให้ค่อยๆ ปลดล็อกความรู้สึก และกลับเป็นยืนหยัดต่อสู้กับทุกปัญหาต่างๆ ที่เขาหนีมาตลอด โดยเฉพาะความกล้าที่จะเผชิญหน้ากับ เก็นโด พ่อผู้เป็นจุดเริ่มต้นและจุดจบของเรื่องราว

...

อาจเพราะ 3.0+1.0 Thrice Upon a Time เป็นภาคปิดของ Rebuild ระยะเวลาตลอด 2 ชั่วโมงครึ่ง จึงเต็มไปด้วยความพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นฉากแอ็กชันที่ผสมระหว่างาน 2 มิติ และ 3 มิติ ที่ออกมาดูดีมากๆ บนจอจอภาพยนตร์ ที่ทำให้เห็นรายละเอียดปลีกย่อยมากขึ้น ระบบเสียงที่ส่งเสริมให้ฉากแอ็กชันที่ดุดันขึ้น ยิ่งช่วงไคลแมกซ์ของเรื่องการออกแบบเหตุการณ์ Additional Impact ก็ทำออกมาได้น่ากลัวและงดงามในเวลาเดียวกัน การดูบนจอภาพยนตร์ยิ่งทำให้ฉากนี้เป็นอะไรที่น่าทึ่งยิ่งขึ้นไปอีกระดับ

เหนืออื่นใด ความพิเศษที่สุดของ 3.0+1.0 Thrice Upon a Time คือการที่ Hideaki Anno หาทางลงให้กับเรื่องราวที่ผ่านกาลเวลาในโลกความจริงมาเกือบ 3 ทศวรรษได้สักที ตัวละครหลักที่แฟนๆ จดจำทั้ง ชินจิ อาสึกะ เรย์ คาโอรุ มาริ ต่างเดินทางมาสู่บทสรุป และแม้ว่าจะเป็นบทสรุปที่ชวนให้ตั้งคำถาม ถกเถียงต่อยอดได้อีก และไม่ว่าจะชอบหรือไม่ แต่มันก็เป็นบทสรุปที่น่าพอใจที่สุดเท่าที่มันจะเป็นไปได้แล้ว... Good Bye, all of EVAGELION

...

ชา ตีตั๋วชนโรง
Twitter @Chamanz13