เป็นภาพยนตร์อินเดียที่มีความยาวเกือบๆ 3 ชั่วโมง แต่เชื่อไหมว่าเราไม่ได้รู้สึกเบื่อหรือรำคาญมากนัก เพราะหนังเล่าเรื่องได้ดี ซึ่งส่วนตัวคิดว่านอกจากต้นทุนด้านโครงเรื่องที่แข็งแรงแล้ว (ต้นฉบับคือ Forrest Gump, 1994) บริบทของอินเดียที่ทีมสร้างหยิบมาใช้ก็น่าสนใจทีเดียว

ต้องออกตัวก่อนว่าเราสนใจดูหนัง ซีรีส์และสารคดีจากอินเดีย (เฉพาะรุ่นใหม่ๆ) มาพักใหญ่ๆ แล้ว สำหรับ “Laal Singh Chaddha” เราก็ไปดูด้วย passion ส่วนตัวล้วนๆ ที่อยากรู้ว่า “Forrest Gump” เวอร์ชันอินเดียนี่มันจะเป็นแบบไหน

เอาความรู้สึกแรกก่อน...อินเดียสวยมาก ทุกโลเกชันที่ไปถ่ายคือ Amazing Unseen India ในแบบที่เรารู้ทั้งรู้ว่าถูกคัดสรร (ประดิษฐ์) และเลือกมาอย่างดี แต่ก็อดชื่นชมจากใจจริงไม่ได้ว่าอินเดียเป็นประเทศที่มีภูมิประเทศหลากหลายและสวยงามมากจริงๆ

ในส่วนเนื้อเรื่องก็ผสมผสานกับบริบทเฉพาะของอินเดียได้ดีทีเดียว ทั้งเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ ประเด็นสงครามกลางเมือง ความขัดแย้งทางศาสนา ก็ถูกหยิบยกอย่างละนิดละหน่อยมาประกอบเรื่องได้อย่างลงตัว ทำให้เราได้รู้เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับอินเดีย (ที่แทบไม่มีพื้นฐาน) และเข้าใจเข้าถึงตัวละครมากขึ้น พร้อมกับเอาใจช่วยไปในตัวว่าแม้เขาจะถูกบูลลี่ ถูกแกล้งแค่ไหน “ลาล” (ตัวเอกที่รับบทโดย อาเมียร์ ข่าน) ก็ไม่เคยโกรธ แถมความดี ความเมตตาในตัวของเขายังทำให้เขาได้รับความรักกลับมาอย่างมากมาย

...

ถ้าใครเคยดู Forest Gump (1994) ออริจินัลเวอร์ชันแล้ว ก็น่าจะเดาโครงเรื่องหลักได้ไม่ยาก ซึ่งเอาจริงๆ เราไม่ได้ใส่ใจมากนักว่ามันจะเหมือนหรือไม่เหมือน เพราะในภาพรวม “Laal Singh Chaddha” ก็ทำให้เราดื่มด่ำกับอรรถรสต่างๆ อย่างเพลิดเพลิน และส่วนตัวเราก็ชื่นชอบวิธีการถ่ายทอดเรื่องราวของ “ลาล” ผ่านการพูดคุยกับผู้คนบนรถไฟ ซึ่งนอกจากจะทำให้เราเห็นคาแรกเตอร์ของลาลชัดขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงพัฒนาการความคิด การควบคุมอารมณ์และความรู้สึกหลากหลายต่างๆ การลำดับเหตุการณ์ต่างๆ ในเรื่องก็ไม่สับสน เหมือนเราได้เติบโตไปพร้อมกับลาล และตกหลุมรักตัวละครตัวนี้ได้อย่างไม่ยาก เหมือนที่เราเคยเป็นกับตัวละคร “ฟอร์เรสต์ กัมพ์” (ทอม แฮงค์) มาแล้ว

อย่างไรก็ดี “Laal Singh Chaddha” ไม่ค่อยเหมือนหนังอินเดียทั่วไปนัก ทั้งวิธีเล่า และองค์ประกอบต่างๆ ก็ให้กลิ่นอายแบบหนังฝั่งฮอลลีวูด แต่ที่เห็นชัดคงเป็นเรื่องเพลงและดนตรีประกอบที่เรื่องนี้ไม่ได้ย้วยหรือมีฉากเต้นรำตระการตาเหมือนเรื่องอื่นๆ แต่กลับกลายเป็นการใช้ดนตรีคลอไปในฉากต่างๆ เพื่อเล่าและพร่ำพรรณนาความรู้สึกต่างๆ ของตัวละคร ซึ่งส่วนตัวเราไม่ติดใจอะไร ออกจะชอบใจด้วยซ้ำเพราะก็ทำให้หนังดูเพลินดี แถมได้อารมณ์ร่วมอีกต่างหาก

เอาเป็นว่าภาพรวมหนัง “Laal Singh Chaddha” #ดูสนุก #ดูเพลิน ทีเดียว ที่เราชอบมากที่สุด นอกจากเนื้อเรื่องที่สนุกสนาน ซาบซึ้ง ลึกซึ้งและกินใจในหลายแง่มุมแล้ว คงเป็นฉากหลังของประเทศอินเดียที่ครั้งนี้แทบไม่มีฉากที่เต็มไปด้วยผู้คนแออัดในเมืองหรือความแร้นแค้นในชนบท แต่เป็นฉากที่เลือกสรรมาแล้ว ซึ่งไม่เพียงแต่สวยงามแปลกตาแล้ว ยังชวนให้การชมหนังความยาวเกือบ 3 ชั่วโมงไม่น่าเบื่ออีกด้วย

...

คอหนังอินเดียต้องไม่พลาดนะคะ รวมถึงใครที่รักและชื่นชอบ Forrest Gump เวอร์ชันฮอลลีวูดก็อยากให้ลองเปิดใจให้ฝั่งบอลลีวูดดูบ้าง รับรองว่าหนังยาวแต่ว่าดูเพลินเชียวค่ะ!


มาดามอองทัวร์
@MadamAutuer