คิดอยู่นานว่าจะเขียนอะไรดี...

เอาความรู้สึกแรกก่อน...หนังยาวมากกกกก เหมือนดูละครยาวๆ มากกว่าดูหนัง

ซึ่งก็เอาเถอะเราพร้อมจะมองข้ามถ้าภาพรวมมันสนุก แต่ประเด็นก็คือ...มันไม่สนุก และมันตลกฝืด!

ถ้าใครเคยดูเวอร์ชันละคร จะรู้ว่าจุดขายคือความกรุบกริบและเคมีระหว่างพระนาง ทำให้เรื่องราวความรักแบบ cliche ไปต่อได้จนกลายเป็นกระแสทั่วบ้านทั่วเมือง พ่วงด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่ทำให้หลายๆ คนหันมาสนใจศึกษาค้นคว้าเรื่องจริงทางประวัติศาสตร์กันมากขึ้น ซึ่งส่วนตัวก็มองว่าเป็นเรื่องที่ดีแหละ เป็น Value Added ที่ทำให้ละครดูสนุกมากขึ้นด้วย

"บุพเพสันนิวาส 2" ก็ดำเนินรอยตามเวอร์ชันละครนั่นแหละ มีความพยายามจะใส่ให้ครบรส ครบเครื่อง ทั้งเรื่องรัก เรื่องประวัติศาสตร์ แถมด้วยเรื่องแอ็กชั่น ซึ่งเอาจริงๆ ก็น่าจะถูกจริตแฟนหนัง แฟนละครชาวไทย แต่ภาพรวมกลับ “ฝืด” และ “ฝืน” กว่าที่เราคาดไว้มาก ไม่แน่ใจว่าเพราะมันยาวมากไป หรือเพราะเนื้อเรื่องโดยรวมยังไม่สมบูรณ์ ทำให้เรารู้สึกไม่สนุกนัก

...

เราเข้าใจแหละว่าหนังพยายามจะไม่ทำให้พล็อตเรื่องมันซ้ำกับเวอร์ชันละคร โดยเฉพาะธีมหลักที่แม้จะมุ่งหมายเรื่องเดียวกัน คือให้คุณค่ากับ “บุพเพสันนิวาส” แต่เอาจริงๆ เราก็ยังไม่เก็ตวิธีการตีความความหมายคำว่า “บุพเพสันนิวาส” ของเวอร์ชันหนังนัก มันดูซับซ้อนและดูเป็นความคิดความอ่านของคนสมัยใหม่มากไปหน่อย ซึ่งก็ไม่ผิดอะไร แต่ส่วนตัวเราอาจจะคาดหวังให้มันเรียบง่ายและลึกซึ้งกว่านี้

ในส่วนของเรื่องประวัติศาสตร์ เราก็คิดว่าทีมสร้างพยายามทำการบ้าน เพื่อให้บริบทของเรื่องมันไปด้วยกันได้กับภาพรวมของเรื่อง แต่ก็นั่นแหละ บางจุดเราก็รู้สึกว่ามันยัดเยียดมากไปหน่อย โดยเฉพาะ part ของสุนทรภู่ที่เรารู้สึกขัดอกขัดใจจริงๆ (อยากรู้ว่าเป็นทำไม ลองไปตามดูกันเองนะคะ)

เอาเป็นว่าหนังดูไม่ยาก ถ้าดูเพื่อความบันเทิงก็น่าจะไปต่อได้ ที่สำคัญติ่งหลายคนคงหายคิดถึง “ออเจ้า” กับ “คุณพี่หมื่น” ที่แม้เคมีจะลดลงบ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับไม่ได้ฟิน ใครคิดถึงและอยากไปให้กำลังใจหนังไทยก็ตามไปดูกันได้

มาดามอองทัวร์
Twitter: @MadamAutuer

...

...