หากเอ่ยถึงวงร็อก Oasis ในยุคนี้ เด็กรุ่นใหม่หลายคนคงไม่รู้จัก แต่หากเอ่ยชื่อของ "เลียม กัลลาเกอร์" ชื่อนี้พวกเขาคงรู้จักกันดี และใน Liam Gallagher: As It Was หรือในชื่อไทย เลียม กัลลาเกอร์ ตัวตนไม่เคยเปลี่ยน คือหนังที่เล่าเรื่องราวของเขา โดยเริ่มต้นจากวันที่ไม่มีชื่อของ Oasis ตำนานวงร็อกจากอังกฤษยุค 90 ที่โด่งดังสุดๆ ในยุคนั้น อีกต่อไป...


Liam Gallagher: As It Was เริ่มต้นในจุดสิ้นสุดของ Oasis วงร็อกที่โด่งดังที่สุดวงหนึ่งของโลกนี้ เมื่อ เลียม และ โนล ทะเลาะกันอย่างรุนแรง จนต้องยกเลิกทัวร์คอนเสิร์ตเมื่อปี 2009 การทำงานคู่กันมาหลายสิบปีต้องสิ้นสุดลง พร้อมกับความเป็นพี่น้องที่แตกสลาย นั่นทำให้เส้นทางชีวิตของ "เลียม" ที่กำลังขึ้นไปอยู่ในจุดสูงสุด ค่อยๆ ลาดเทและตกต่ำลงเรื่อยๆ

...

จากศิลปินฝีปากร้าย อีโก้จัด กลับไม่อาจอยู่ในสถานะที่เขาจะต่อรอง หรือสามารถทำอะไรก็ได้ตามอำเภอใจอีกต่อไป ไร้เพลง ไร้งาน ถูกฟ้องหย่า และการถูกสื่อเล่นงานอยู่ตลอด แม้จะยังจับงานเพลง สร้างวงใหม่ (Beady Eye) เพื่อพลิกฟื้นตัวเองขึ้นมาใหม่ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไป

ก็ตามชื่อเรื่องเลย หนังเน้นไปที่ชีวิตของ เลียม กัลลาเกอร์ ที่อยู่ในช่วงกราฟชีวิตดำดิ่งที่สุด หลังจาก Oasis วงแตก โดยตัดสลับไปมาระหว่างภาพอดีตในยุครุ่งเรืองและยุคตกต่ำ เดินเรื่องราวด้วยบทสนทนาของเลียมและสมาชิกรอบตัวเขา ว่าเขาเผชิญกับอะไร และหาทางออกของปัญหาอย่างไร พร้อมการติดตามชีวิตของเลียม ที่ทำให้ได้เห็นอีกมุมหนึ่งของร็อกสตาร์ในมุมที่ไม่ต่างจากคนทั่วไป

ว่ากันตรงๆ ในมุมของหนังสารคดีที่เจาะลึกเกี่ยวกับชีวิต ที่ว่าด้วยเรื่องของการตกต่ำและการกลับมาใหม่ หนังไม่ได้นำเสนอออกในด้านดำดิ่งมืดหม่นอย่างที่คิด ปัญหาของชีวิตเลียมก็เป็นเหมือนช่วงชีวิตที่ตกร่อง และดูเป็นปัญหาทั่วไปของศิลปินที่เคยโด่งดังสุดขีดมาก่อนต้องเผชิญ หากยังคิดจะกลับมาเดินบนเส้นทางเดิมที่เคยรุ่งเรืองอีกครั้ง เพราะไม่ใช่เพียงแค่ต้องสร้างงานที่ดีออกมา แต่ยังรวมไปถึงยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงทั้งคนและสังคม

แม้หนังจะไม่ได้ลึกซึ้งหรือมีนัยให้พลังแรงใจอะไร แต่หนังก็มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้เห็นอย่างชัดเจน ว่าการมีผู้คนแวดล้อมที่ดี และเชื่อมั่นในตัวเรา มันเป็นเรื่องที่วิเศษขนาดไหน คู่ชีวิต ครอบครัว เพื่อน เป็นสิ่งที่หล่อหลอมให้ชีวิตของเลียมค่อยๆ พลิกฟื้นขึ้น และมีแรงบันดาลใจในการสู้ต่อบนเส้นทางดนตรี ก้าวข้ามคำว่า Oasis และโนม กัลลาเกอร์ พี่ชายของเขา จนกลับมาสร้างผลงานที่ยอดเยี่ยมและได้รับการยอมรับอีกครั้ง

...

สิ่งที่น่าสนใจอย่างหนึ่งในหนัง คือการที่ศิลปินดังในยุคหนึ่งกลับมามีบทบาทและได้รับการยอมรับจากนักฟังเพลงรุ่นใหม่ ว่าเขาทำได้อย่างไร นอกจากความสามารถทางด้านดนตรี สิ่งที่สังเกตได้ตลอดทางคือการทุ่มเท ความตั้งใจ ซื่อตรงกับความฝัน และการใช้พลังความสามารถในด้านการร้องเพลงมาช่วยปลุกและส่งพลังแรงใจให้กับสังคม ในยามที่สังคมต้องการมากที่สุด ซึ่งในหนังก็ไม่ได้ถ่ายทอดตรงนี้อย่างชัดเจนนัก แต่ค่อยๆ เล่าเรื่องราวไต่ระดับและปล่อยให้คนดูซึมซับกันไปเอง


ชื่อหนัง As It Was เป็นชื่อเหมาะสมกับชีวิตของเลียมในตอนนี้ ที่แสดงให้เห็นในหนังว่าแม้หลายๆ อย่างจะเปลี่ยนไป แต่ความมุ่งมั่นทางดนตรีของเลียมยังเหมือนเดิม จะว่าไปแล้วชื่อหนังแอบล้อไปกับอัลบั้ม As You Were ที่ถือเป็นอัลบั้มที่สร้างให้ชื่อของ เลียม กัลลาเกอร์ กลับมาชื่ออีกครั้งบนวงการดนตรีโลก ซึ่งอัลบั้มได้เป็นหนึ่งใน 50 อัลบั้มยอดเยี่ยมแห่งปี 2017 ของ Rolling Stone และเป็นหนึ่งในอัลบั้มแห่งปีของ NME Awards

...

โดยสรุป Liam Gallagher: As It Was เป็นหนังสารคดีชีวิตคนดนตรีที่ดูง่ายและสนุกกว่าที่คิด แม้หนังจะไม่ได้ลึกแต่ก็ทำให้เรารู้จักเลียมมากยิ่งขึ้น ไปจนถึงแง่งามต่างๆ ที่มีในหนังที่ทำให้เราได้ฉุกคิดและมองย้อนกลับมาดูชีวิตของตัวเอง ใครที่ชอบเพลงร็อกหรือหนังสารคดีก็สามารถตีตั๋วไปดูได้อย่างสบายๆ

แต่แน่นอนว่าความอินกับตัวบุคคลและเรื่องราวจะมีมากเป็นพิเศษ ก็เฉพาะเจาะจงกับแฟนๆ ของเลียมหรือแฟน Oasis เท่านั้น

อ่านรีวิวหนัง ตีตั๋วชนโรง เรื่องอื่นๆ
ชา ตีตั๋วชนโรง
Twitter @Chamanz13
Facebook: ตีตั๋วชนโรง