เป็นหนึ่งรางวัลอันยิ่งใหญ่ของวงการภาพยนตร์ระดับโลก กับงานประกาศรางวัลออสการ์ ครั้งที่ 96 หรือ OSCARS 2024 เวทีประกาศรางวัลที่ทรงเกียรติที่สุดของวงการฮอลลีวูดที่ทุกคนรอคอย ซึ่งปีนี้จัดขึ้นที่โรงภาพยนตร์ดอลบี เธียร์เตอร์ ฮอลลีวูด สหรัฐอเมริกา ตามเวลาประเทศไทย ในช่วงเช้าของวันจันทร์ที่ 11 มีนาคม 2567 เวลา 06.00 น. เป็นต้นไป มีดารานักแสดงจำนวนมากเข้าร่วมงานในครั้งนี้
โดยได้ จิมมี คิมเมล (Jimmy Kimmel) พิธีกรเจ้าของรายการทอล์กโชว์ Jimmy Kimmel Live! กลับมารับหน้าที่ดำเนินรายการอีกครั้งต่อจากปีที่แล้ว และเป็นการกลับมารับหน้าที่เดิมบนเวทีออสการ์เป็นครั้งที่ 4 โดยในครั้งนี้เขามาพร้อมกับการเปิดตัวแบบขำๆ ด้วยการเข้าไปร่วมแจมในหนังเรื่อง "Barbie"
เริ่มต้นด้วยรางวัลแรกของเวที คือ รางวัลนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม ตกเป็นของ ดาวีน จอย แรนดอล์ฟ (Da’Vine Joy Randolph) จากบทบาท แมรี แลมบ์ ภาพยนตร์เรื่อง The Holdovers ซึ่งเรื่องนี้เธอรับบทเป็นคุณแม่ที่ทำงานในโรงเรียนประจำผู้เศร้าโศกต่อการเสียชีวิตของลูกชายจากสงครามเวียดนาม ถือเป็นการคว้ารางวัลออสการ์ครั้งแรกของเธอ โดย ดาวีน จอย แรนดอล์ฟ ได้กล่าวทั้งน้ำตาบนเวทีว่า ขอขอบคุณคุณแม่ของเธอที่แนะนำให้เธอเข้าสู่วงการการแสดง แม้ว่าเธอจะเริ่มต้นอาชีพในฐานะนักร้อง และเปลี่ยนความคิดที่ว่าจะต้องแตกต่าง แต่เธอกลับต้องเป็นตัวของตัวเอง
...
รางวัลนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม ได้แก่ โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ (Robert Downey Jr.) จากภาพยนตร์เรื่อง Oppenheimer ซึ่งเขาได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลออสการ์เป็นครั้งที่ 3 และนี่คือครั้งแรกที่ โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ ได้รางวัลจากเวทีนี้
หนังที่มาแรงที่สุดบนเวทีออสการ์ปีนี้ คือเรื่อง Oppenheimer ของผู้กำกับ คริสโตเฟอร์ โนแลน (Christopher Nolan) ที่มีชื่อเข้าชิงมากที่สุดในปีนี้ถึง 13 สาขา สามารถกวาดรางวัลไปได้มากที่สุดถึง 7 รางวัล ตั้งแต่รางวัลใหญ่สุดอย่างสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ทั้ง คิลเลียน เมอร์ฟี (Cillian Murphy) ในสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม, โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ (Robert Downey Jr.) จากสาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม และรวมทั้ง คริสโตเฟอร์ โนแลน (Christopher Nolan) ที่สามารถคว้ารางวัลสาขาผู้กำกับยอดเยี่ยมได้เป็นครั้งแรกในชีวิต และสาขาด้านเทคนิค ทั้งตัดต่อภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, ถ่ายภาพยอดเยี่ยม โดยผู้กำกับภาพ ฮอยต์ ฟาน ฮอยเตมา (Hoyte Van Hoytema) และดนตรีประกอบยอดเยี่ยม จากฝีมือของประพันธกร โดย ลุดวิก เยอรันซัน (Ludwig Göransson)
โดยในปีนี้ภาพยนตร์เรื่อง Poor Things กวาดรางวัลจากเวทีออสการ์ 2024 ไปได้ถึง 4 รางวัล ได้แก่ ออกแบบเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม, แต่งหน้าและออกแบบทรงผมยอดเยี่ยม, ออกแบบงานสร้างยอดเยี่ยม และ เอ็มมา สโตน (Emma Stone) คว้ารางวัลสาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมไปครองได้สำเร็จ
ในสาขาแอนิเมชันยอดเยี่ยม สตูดิโอจิบลิ (Studio Ghibli) สร้างประวัติศาสตร์อีกครั้ง ด้วยการส่งแอนิเมชันเรื่องล่าสุด The Boy and the Heron ชนะรางวัลนี้ไปได้อีกครั้ง หลังจากที่เคยได้รับมาแล้วจากเรื่อง Spirited Away ในปี 2001 ทำให้ชื่อของ ฮายาโอะ มิยาซากิ (Hayao Miyazaki) เป็นแอนิเมเตอร์ที่เข้าชิงสาขาภาพยนตร์แอนิเมชันมากที่สุดถึง 4 ครั้ง
รางวัลนักแสดงนำยอดเยี่ยม ตกเป็นของ คิลเลียน เมอร์ฟี (Cillian Murphy) จากภาพยนตร์เรื่อง Oppenheimer และ เอ็มมา สโตน (Emma Stone) จากภาพยนตร์เรื่อง Poor Things ส่วนรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมในปีนี้ได้แก่เรื่อง Oppenheimer
...
สำหรับผู้ที่ได้รางวัลออสการ์ 2024 แยกตามสาขา ดังนี้
สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (Best Picture)
- Oppenheimer
สาขาผู้กำกับยอดเยี่ยม (Best Director)
- คริสโตเฟอร์ โนแลน (Christopher Nolan) จากภาพยนตร์เรื่อง Oppenheimer
สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม (Best Actor in a Leading Role)
...
- คิลเลียน เมอร์ฟี (Cillian Murphy) จากภาพยนตร์เรื่อง Oppenheimer
สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม (Best Actress in a Leading Role)
- เอ็มมา สโตน (Emma Stone) จากภาพยนตร์เรื่อง Poor Things
สาขาบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม (Best Original Screenplay)
- Anatomy of a Fall โดย Justine Triet และ Arthur Harari
สาขาบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม (Best Adapted Screenplay)
- American Fiction โดย คอร์ด เจฟเฟอร์สัน
สาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม (Best Supporting Actor)
- โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ (Robert Downey Jr.) ‘Oppenheimer’
สาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม (Best Supporting Actress)
- ดาไวน์ จอย แรนดอล์ฟ (Da’Vine Joy Randolph) ‘The Holdovers’
สาขาเพลงประกอบดั้งเดิมยอดเยี่ยม (Best Original Song)
- What Was I Made For? จากภาพยนตร์เรื่อง Barbie
สาขาแอนิเมชันยอดเยี่ยม (Best Animated Feature Film)
- The Boy and the Heron
สาขาดนตรีประกอบดั้งเดิมยอดเยี่ยม (Best Original Score)
- Oppenheimer โดย ลุดวิก เยอรันซัน (Ludwig Göransson)
สาขาออกแบบเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม (Best Costume Design)
- Poor Things
สาขาตัดต่อภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (Best Film Editing)
- Oppenheimer
สาขาออกแบบเสียงยอดเยี่ยม (Best Sound)
- The Zone of Interest
สาขาแต่งหน้าและออกแบบทรงผมยอดเยี่ยม (Best Makeup and Hairstyling)
...
- Poor Things
สาขาภาพยนตร์ขนาดสั้นยอดเยี่ยม (Best Live Action Short Film)
- The Wonderful Story of Henry Sugar
สาขาแอนิเมชันขนาดสั้นยอดเยี่ยม (Best Animated Short Film)
- War is Over! Inspired by the Music of John & Yoko
สาขาเทคนิคพิเศษยอดเยี่ยม (Best Visual Effects)
- Godzilla Minus One
สาขาถ่ายภาพยอดเยี่ยม (Best Cinematography)
- Oppenheimer
สาขาออกแบบงานสร้างยอดเยี่ยม (Best Production Design)
- Poor Things
สาขาสารคดีขนาดสั้นยอดเยี่ยม (Best Documentary Short Subject)
- The Last Repair Shop
สาขาสารคดียอดเยี่ยม (Best Documentary Feature)
- 20 Days in Mariupol
ภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยม (Best International Feature Film)
- The Zone of Interest (สหราชอาณาจักร)
คลิกเพื่ออ่าน “ข่าวบันเทิงวันนี้”