สังคมกำลังบิดเบี้ยวไปกันใหญ่หรือเปล่า เมื่อเหยื่อความรุนแรงในครอบครัวอย่าง “แอมเบอร์ เฮิร์ด” กลายเป็นคนผิดที่แพ้คดีหมิ่น ประมาท ต้องจ่ายค่าเสียหาย 15 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯให้อดีตสามี “จอห์นนี เดปป์” ทั้งๆที่ฝ่ายหญิงอ้างว่า ถูกทำร้ายร่างกายและจิตใจอย่างแสนสาหัส จนสื่อตั้งฉายาให้พระเอกซุป’ตาร์ว่า “คนตีเมีย” กลายเป็นมหากาพย์สาดโคลนไปมาและต่อสู้คดีไม่รู้จบมาตั้งแต่ปี 2019

หลังแต่งงานอยู่กินกันแค่ปีเดียว ฝ่ายหญิงก็เริ่มแฉว่า โดนสามีคนดังขว้างมือถือใส่หน้าและทำร้ายจิตใจอย่างรุนแรง ตอนนั้น “เดปป์” ขี้เกียจจะมีเรื่องด้วยจึงเลือกจ่ายเงินค่าหย่า 7 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯเพื่อปิดปากเมีย ทั้งคู่หย่าขาดกันอย่างเป็นทางการในปี 2017 แต่แทนที่ฝ่ายหญิงจะแยกย้ายไปมีชีวิตใหม่เงียบๆ หนึ่งปีถัดมาดันแฉซ้ำ โดยเขียนบทความพิเศษลง “วอชิงตัน โพสต์” ชื่อว่า “I spoke up against sexual violence-and faced our culture’s wrath. That has to change.” ซึ่ง “เดปป์” อ้างว่า ทำให้ชีวิตเขาพัง!! ส่งผลกระทบต่องานแสดงและรายได้มาก แม้บทความดังกล่าวไม่ได้เอ่ยชื่อพระเอกคนดัง แต่ “เฮิร์ด” ชี้เป้าชัดว่า เมื่อ 2 ปีก่อนที่จะมีการเผยแพร่บทความนี้ เธอได้กลายเป็น “บุคคลสาธารณะผู้เป็นตัวแทนของการถูกทำร้ายในครอบครัว”

งานนี้ “เดปป์” ตั้งทีมทนายฟ้องเมียเก่าในข้อหาหมิ่นประมาท เรียกร้องเงิน 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยอ้างว่า ฝ่ายหญิงเป็นคนทำร้ายร่างกายและจิตใจของเขาอยู่เสมอ โดยพิสูจน์ความบริสุทธิ์กับชั้นศาลด้วยการงัดหลักฐานภาพถ่าย, คลิปวิดีโอ, คลิปเสียง และพยานบุคคล ขณะที่ฝ่าย “เฮิร์ด” ฟ้องกลับอดีตสามีในข้อหาหมิ่นประมาทเช่นกัน เรียกร้องค่าเสียหาย 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โทษฐานกล่าวหาว่า เธอโกหกเรื่องการถูกทำร้าย จนทำให้ไม่มีใครจ้างงานและถูกลดบทบาทในภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ “Aquaman 2” เธอยังเบิกพยานบุคคลและโชว์ภาพรอยแผลบนใบหน้าเพื่อเป็นหลักฐานมัดตัวพร้อมกล่าวหาชุดใหญ่ว่า ตลอดเวลาที่อยู่กินกันมามักโดนอดีตสามีทำร้ายร่างกายและล่วงละเมิดทางเพศ ซึ่งมักจะรุนแรงขึ้นเมื่อฝ่ายชายเมาเหล้าและใช้ยาเสพติด

...

กระนั้น ทีมทนายของ “เดปป์” แถลงผ่าน “เดลี่ เมล์” ระบุว่า “เฮิร์ด” สร้างเรื่องโกหกว่า ถูกทำร้ายร่างกายเพื่อทำลายชื่อเสียงของ “เดปป์” ทั้งๆที่ความจริงแล้ว “เฮิร์ด” เป็นฝ่ายทำร้ายร่างกายและจิตใจของฝ่ายชายอยู่เสมอ มีการนำพยานบุคคลมากมายที่ใกล้ชิดกับทั้งคู่ขึ้นให้การต่อศาล ต่างระบุเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่เคยเห็นร่องรอยบาดเจ็บบนร่างกายของฝ่ายหญิง ตรงกันข้าม “เดปป์” ต่างหากที่เป็นฝ่ายถูกทำร้าย และข้อกล่าวหาของ “เฮิร์ด” เป็นเรื่องโกหกทั้งเพ

“เดปป์” ขึ้นให้การต่อศาลยอมรับว่า มีปัญหาเรื่องติดเหล้าและยาเสพติดจริงแต่ไม่เคยทำร้าย “เฮิร์ด” หรือผู้หญิงคนไหน ผิดกับอดีตเมียรักที่ชอบใช้ความรุนแรง เธอมักดูถูกเหยียดหยามเขาและอาละวาดจนเลยเถิดไปสู่การทำร้ายร่างกาย ตอนคบเป็นแฟนกัน “เฮิร์ด” เคยปาขวดวอดก้าใส่เขาจนมือข้างขวาบาดเจ็บ

ฝ่ายหญิงก็ไม่ยอมลดละ สาดโคลนใส่อดีตสามีว่า เป็นคนขี้หึงและบ้าอำนาจ สั่งห้ามเธอเข้าฉากเลิฟซีนและมักทำร้ายเธอเวลาเมายา เธอเคยโดนตบหน้าจนเลือดกบปากและจมูกเกือบหัก “เดปป์” ยอมรับเคยส่งข้อความหาเพื่อนว่า “อยากจับเธอกดน้ำและเอาไปเผา” แถมเรียกเธอว่า “นางปีศาจ” แต่ก็เป็นแค่การล้อเล่นกัน

ส่วนหนึ่งที่ทำให้คดีพลิกจนเป็นฝ่ายชนะฟ้องหมิ่นประมาท เป็นเพราะได้พยานบุคคลสำคัญอย่าง “เคท มอส” แฟนเก่าของ “เดปป์” ขึ้นให้การต่อศาล ระบุว่า “เดปป์” ไม่เคยผลัก, เตะ และโยนเธอตกบันไดไม่ว่าที่ไหนและเมื่อไหร่ เรื่องนี้ถูกนำมาหักล้างกับข้อกล่าวหาของ “เฮิร์ด” ว่า เคยทะเลาะกับอดีตสามีระหว่างหันหลังให้บันได ทำให้นึกถึงเรื่อง “เคท มอส” ถูก “เดปป์” ผลักตกบันได เธอจึงชกหน้าเขาเพื่อป้องกันตัวเอง

งานนี้ถ้า “จอห์นนี เดปป์” ไม่ได้เส้นใหญ่เบ้งจนพลิกคดีจากดำเป็นขาวได้จริงๆ “แอมเบอร์ เฮิร์ด” ก็คงติดกับดัก “ความตอแหล” จนดิ้นไม่หลุด!! จาก “เหยื่อความรุนแรงในครอบครัวที่มีแต่คนเห็นใจ” สุดท้ายเลยกลายเป็น “จิ้งจอกสาวจอมลวงโลก” ซะงั้น.

มิสแซฟไฟร์