เรียกว่าเป็นนาทีชีวิตอีกครั้งในชีวิตของพระเอก-พิธีกรหนุ่มเข้ม เอส กันตพงศ์ บำรุงรักษ์ เมื่อเจ้าตัวเกิดอาการหัวใจเต้นเร็วผิดปกติหลังจากออกกำลังกายตีแบดมินตันกับเพื่อนๆ และทำให้เครื่องกระตุ้นหัวใจทำงานเป็นครั้งแรก จนต้องนำตัวส่ง รพ.

ล่าสุด เอส กันตพงศ์ เล่าถึงเรื่องนี้ผ่านทางอินสตาแกรม @s_kantapong_b โดยโพสต์คลิปตอนที่กำลังตีแบดกับเพื่อน และทรุดตัวลงหลังหัวใจเต้นเร็วผิดปกติและเครื่องกระตุ้นหัวใจทำงาน พร้อมทั้งเขียนข้อความว่า “เครื่องกระตุ้นหัวใจที่ผมฝังไว้ก่อนที่ผมจะออกจากโรงพยาบาลเมื่อช่วงเดือนสิงหาคม ปี 2566 

ในที่สุดก็ได้เกิดการทำงานขึ้น หลังจากที่ผมฝังเครื่องนี้มาเป็นเวลา 1 ปีกว่าๆ ครับ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในสนามแบดมินตัน เมื่อวันอาทิตย์ที่ 13 ต.ค. 2567 เวลาประมาณ 17.58 น. หลังจากที่ผมเพิ่งตีแบดในเกมแรกเสร็จ (ใช้เวลาตีไปประมาณ 10 นาที) และมาซ้อมต่อตามคลิป (ใช้เวลาไปประมาณ 1 นาที) แต่จู่ๆ เครื่องก็ได้กระตุกขึ้นถึง 2 ครั้งอย่างแรงมากครับ!

...

ซึ่งตอนที่เครื่องทำงานมันกระตุกแรงมาก ถึงขนาดที่ส่งแรงกระแทกจากหัวใจไปที่หน้าอกและหัวไหล่ทั้งสองข้าง และขึ้นไปจนถึงช่องปากช่วงใต้ฟันกรามครับ และหลังจากที่เครื่องกระตุกเสร็จ ผมรู้สึกแทบจะไม่มีแรงไปทั่วทั้งตัว จนยืนแทบจะไม่ไหว และพูดแทบจะไม่ได้ จนต้องนั่งลงไปก่อนตามในคลิปที่ทุกท่านเห็นครับ 

หลังจากนั้นคุณแม่จึงต้องรีบนำตัวผมส่งโรงพยาบาลเพื่อเข้าห้อง CCU (Cardiac Care Unit) แผนกผู้ป่วยวิกฤตหัวใจและหลอดเลือดครับ ซึ่งผมได้นอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลมา 3 วัน 2 คืน ตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 13 ถึงวันอังคารที่ 15 ต.ค. ครับ ซึ่งคุณหมอแจ้งว่าสาเหตุที่ทำให้เครื่องทำงานเกิดจาก ณ ตอนนั้นเครื่องจับได้ว่าหัวใจของผมเต้นเร็วถึง 200 ครั้งต่อนาที เครื่องจึงทำการกระตุกเพื่อลดอัตราการเต้นที่เร็วเกินไปของหัวใจครับ 

แต่สาเหตุหลักที่ทำให้หัวใจของผมเต้นเร็วถึง 200 ครั้งต่อนาทีในขณะที่กำลังยืนอยู่เฉยๆ ยังคงเป็นสิ่งที่อาจจะต้องใช้เวลาหาข้อสรุปอยู่ครับ เพราะผลการตรวจร่างกาย ณ วันนั้นที่โรงพยาบาลหลังเกิดเหตุ ค่าเฉลี่ยทุกอย่างออกมาเป็นค่าปกติหมดทุกอย่างครับ

ขั้นต้นสาเหตุไม่ได้มาจาก
1. การออกกำลังกาย (เพราะประวัติในการเต้นของหัวใจของผมเครื่องได้ทำการบันทึกไว้ทั้งหมด ซึ่งปกติผมจะเล่นครั้งละประมาณ 1-2 ชั่วโมง โดยประวัติในวันเหล่านั้นไม่มีปัญหาในการเต้นของหัวใจแต่อย่างใดครับ)
2. ไม่เกี่ยวกับการแพ้อาหาร (เพราะผลการตรวจออกมาปกติครับ)
3. ไม่เกี่ยวกับการนอนพักผ่อนน้อย (เพราะผลการตรวจออกมาปกติ และตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลมาผมนอนวันละ ประมาณ 6-7 ชั่วโมงครับ)

หากได้ข้อสรุปเพิ่มเติมยังไงผมจะพยายามมาแจ้งให้ทราบนะครับ หวังว่าผมคงยังจะมีโอกาสมากพอในชีวิตนี้ ที่จะสามารถมาแบ่งปันเรื่องราวเกี่ยวกับโรคนี้ เพื่อเป็นวิทยาทานที่เป็นประโยชน์ให้กับคนอื่นๆ ไม่มากก็น้อยนะครับ 

เอส กันตพงศ์”

...

คลิกเพื่ออ่าน ข่าวบันเทิง เพิ่มเติม