ต้องยกให้เป็น “เจ้าแม่ละครดราม่า” สำหรับ “ชิงชิง-คริษฐา สังสะโอภาส” นางเอกสาวไซส์มินิ จากละคร “ขวัญหล้า” ทางช่อง 7HD ผลิตโดยดีด้า วิดีโอฯ ประกบคู่ ภูมิ-เกียรติภูมิ พระเอกรุ่นน้อง สาดเคมีลงตัวจนเกิดกระแสจิ้นทะลุจอ “คนดังนั่งคุย” วีกนี้เลยชวนสาวชิงชิงเล่าการทำงานกับบทบาท “ปานแก้ว” กระชากวัยกลับไปเป็นเด็ก 19 อีกครั้ง แถมสลัดลุคหวานๆ เป็นสาวเซ็กซี่เบาๆ พร้อมอัปเดตสถานะหัวใจ “โสดสนิท” ถ้าหากเจอคนไม่ดี อยู่คนเดียวแฮปปี้กว่า
ละคร “ขวัญหล้า” เป็นยังไงบ้าง
“เรื่องนี้ชิงรับบทเป็นปานแก้ว เป็นเด็กสาว วัย 19 ปี ที่มีความสดใสร่าเริง และมองโลกในแง่ดี เป็นคนสู้ชีวิต แต่ว่าชีวิตสู้กลับ” ต้องทำการบ้านยังไงเป็นเด็กอายุ 19 “โห ก็มานั่งคิดว่าเราวัย 19 เราจะมีความคิดยังไง ณ สมัยนั้นความคิดคงเหมือนจะอยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์ ไม่ได้คิดว่าโลกมันจะโหดร้ายอะไรขนาดนั้น การแสดงออกก็เปลี่ยนทุกอย่างเลย ท่าทางการเดิน การขำ การกิน เราก็เปลี่ยนหมดเลย คือตอนที่ชิงอายุ 19 ก็จะแบบมีความอะเลิต มีความดีดกว่านี้ ซนกว่านี้”
เสียงด้วยก็เปลี่ยนไป
“ใช่ค่ะ มันเป็นเอง เหมือนพอเราคิดมายเซตว่าเราเป็นปานแก้ว มันก็เป็นไปเอง ก็จะมีเสียงสอง เสียงสาม”
พอมาฟังเสียงตัวเองที่ต้องมาเล่นเสียงสอง เป็นยังไงบ้าง
“พอมาดูแล้วก็จะเขินๆ หน่อย”
เพื่อนๆ นักแสดงด้วยกัน เขาแซวหรือขำ
“เขาก็ชมค่ะ อย่างน้องภูมิ ก็บอกว่าเล่นเหมือน ทำงานง่ายขึ้นด้วย เพราะเขาต้องเล่นเป็นคนที่โตกว่าเรา”
...
ทั้งๆที่เราโตกว่า
“ว้าย (หัวเราะ) ทั้งแก๊งเลยค่ะ ที่เข้าฉากด้วยกันส่วนใหญ่ เขาน้องเรา แต่ต้องมาเล่นเป็นคนที่โตกว่าเรา” ให้น้องๆเรียกชิงว่าอะไร “ก็เรียกพี่ชิงค่ะ”
วันนี้เราเดินมาถึงจุดนี้แล้ว
“เร็วเหมือนกันนะคะ เมื่อก่อน เราเรียกทุกคนว่าพี่ๆ พอมาวันนี้แบบ น้องทุกคนเรียกเราว่าพี่แล้ว รู้สึกว่าเวลามันผ่านไปไวมากเลย เหมือนแบบพริบตาเดียว น้องๆเรียกชิงพี่ หนูก็เรียกเขาคืน”
ทำไมถึงไม่อยากให้น้องๆเรียก เราพี่ล่ะ
“ชิงกลัวว่าเขาจะรู้สึกเกร็ง เพราะว่าหลายๆ คนก็เห็นหนูในละครมา ตั้งแต่ก่อนที่เขาจะเข้ามาอยู่ในช่องกัน เขาก็เห็นผลงานเรามาบ้าง เราก็กลัวว่าเขาจะเกร็ง ก็เลยทำอะไรทุกอย่างให้ทุกคนรู้สึกว่า เออเรามาเป็นเพื่อนกัน เราเป็นพาร์ตเนอร์กันนะ เราทำงานด้วยกัน จะได้ทำงานด้วยง่าย อะไรอย่างนี้”
วันแรกๆที่เข้าฉากกับน้องๆเป็นยังไงบ้าง
“ง่ายค่ะ ง่ายตั้งแต่แรก ตั้งแต่วันฟิตติ้ง ตั้งแต่ถ่ายเลย คือเขาไม่ได้เกร็ง แล้วเขาก็แบบมืออาชีพมากๆ แล้วอย่างเวลาเข้าบทกับภูมิอย่างเนี้ย คือหนูสบายใจมาก เพราะว่าภูมิเขาเป็นคนทำการบ้าน เขาเป็นคนเก่ง สมมติว่า คือ เรารู้ว่าถ้าเราเข้าฉากกับภูมิ ถึงจะมีซีนเยอะ ยังไงก็เลิกเร็ว วันนั้นเรารู้เลยว่ายังไงเราก็เลิกเร็ว เพราะว่าเหมือนพอเราทำการบ้านมา เขาทำการบ้านมา คือถ้าคนที่ไม่ทำการบ้านอาจจะแบบถ่ายซีนหนึ่งก็ผ่านไปได้ยากแล้ว แต่พวกหนูคือคุยกัน ภูมิไหวไหม สองซีนบวกๆ สามซีนบวกๆ คือภูมิเขาก็จะไหวตลอด พร้อมตลอด”
กับฉากโดนภูมิอุ้มเป็นยังไงบ้าง
“ฉากอุ้มก็ง่ายเลยค่ะ เพราะเราตัวเล็ก (หัวเราะ)”
อันนั้นคือตั้งใจลดน้ำหนัก เพื่อให้ตัวเองผอมหรือเปล่า
“ไม่เกี่ยวค่ะ ช่วงที่ถ่ายละครขวัญหล้า เหมือนทานเท่าไหร่ก็ไม่ขึ้น น้ำหนักอยู่แค่ประมาณ 39-40 กก. เพราะช่วงนั้นก็มีละครถ่ายต่อเนื่องกัน 3 เรื่อง มีบางช่วงที่พักผ่อนน้อย”
ภูมิเขาแซวบ้างไหมเรื่องน้ำหนัก
“เขาบอกว่ายกเวทยังหนักกว่าชิงอีก ตอนไปออกกำลังกายเขาบอกเวทยังหนัก 40-50 โลเลย”
มีฉากจิ้นก็เยอะเลย ทั้งขี่หลัง อุ้ม กระโดดใส่
“ใช่ค่ะ โดดคล่องเลยค่ะ แต่ว่าภูมิเขาคอยเซฟให้อยู่แล้วค่ะ เขาเซฟตี้ดีมาก เราก็ไว้ใจ เวลาหนูต้องเข้าฉาก บางทีเราหันหลังโดด เราก็ไม่เห็นว่าข้างหลังเขาจะรับหรือไม่รับ แต่ว่าเราเชื่อใจเขา ก็เลยแบบผ่านไปได้ ส่วนใหญ่ก็แบบเทกเดียว หรือสองเทกก็ผ่านแล้ว”
เวลาเข้าฉากมุ้งมิ้ง ใครเขินใคร
“ไม่มีเลยค่ะ ไม่มีใครเขินใครเลย ทำงานด้วยกันง่ายมาก” แล้วในเรื่องนี้ อันไหนที่รู้สึกว่ามันตื่นเต้น ท้าทายที่สุด “เรื่องนี้ชิงคิดว่าสิ่งที่ท้าทายที่สุดคือการที่ชิงต้องแสดงเป็นเด็กอายุ 19 เพราะรู้สึกว่า เออ มันจะยังมีคนเชื่อใช่ไหม ว่าชิงชิง 19 ยังเล่นได้อยู่ อันนี้ก็น่าจะเป็นสิ่งที่ท้าทายที่สุดในเรื่องนี้ เรื่องดราม่า เรื่องอย่างอื่น ไม่ได้ห่วงอะไรเท่าไหร่”
...
เรื่องนี้ก็ต้องรับบทเจ๊ดันน้องๆไปแล้ว
“ไม่เลยค่ะ น้องๆเก่งๆกันทุกคนเลย ทุกคนทำงานเป็นมืออาชีพมาก อย่างน้องมิลลี่ (อภิสรา วงศ์ทัศนีโย) น้ำตาสั่งได้เลยค่ะ”
บรรยากาศในกองคึกคัก
“วุ่นวายมากค่ะ”
ใครเปิด
“มิลลี่ค่ะเอเนอร์จีเขาเยอะ เอาจริง หนูคิดว่าหนูพูดเยอะแล้วนะ พอหนูมาเจอมิลลี่ ชิงเงียบไปเลย บางทีต้องเบรก บอกหยุดก่อน ขอพี่ๆท่องบทก่อน อะไรแบบนี้เลย เพราะว่าน้องเขาเอเนอร์จีเยอะมาก”
พอย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ก็เห็นภาพตัวเอง
“ก็เห็นภาพตัวเอง (หัวเราะ) เพราะแบบตอนนั้นเราก็พูดเยอะแบบนี้ อะไรอย่างนี้”
แล้วทำไมอยู่ๆ เราถึงเปลี่ยน แบบว่าจากคนที่พูดเยอะๆ ดีดตลอดเวลา ตอนนี้คือดูนิ่งขึ้น
“ก็ไม่ได้ถึงขนาดแบบว่าเงียบไปเลย ก็ยังพูดเยอะอยู่ แต่ก็มีความนิ่งขึ้นกว่าเดิม มีความใจเย็นขึ้น”
อะไรที่ทำให้เราเหมือนแบบว่าเกิดการเปลี่ยนแปลง
“มันเป็นไปเองค่ะ อาจจะด้วยวัยมั้งคะ ไม่ได้มีใครมาบอก คือมันเป็นเอง เหมือนตอนนี้ไม่ว่าหนูจะนอนกี่โมง ยังไงหนูก็ตื่นเช้า หนูก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน หรือว่าเฮ้ย หนูเริ่มอายุเยอะแล้วจริงๆ (หัวเราะ) เพราะเมื่อก่อน ถ้าวันไหนไม่มีงาน สามารถนอนแบบถึงเที่ยงได้ แต่ทุกวันนี้ นอนได้แบบตื่นเช้า ช้าที่สุดก็ประมาณ 7-8 โมง ยังไงก็ตื่น ชิงอยากตื่นสายมากเลยนะ มันวันหยุดของเรา มันควรได้นอนพักผ่อน แต่พอถึงเวลามันตื่นเอง พอตื่นแล้วก็คือตื่นเลย นอนต่อก็นอนไม่หลับ พอตื่นแล้วมันก็ต้องหาอะไรทำ”
ต้องทำงาน 7 วัน มีแอบงอแงไหม
...
“ไม่เลยค่ะ รู้ตัวเองเป็นคนที่ไม่ชอบอยู่บ้าน เฉยๆ อยู่นิ่งๆอะไรอย่างนี้ ถึงมันจะเป็นวันหยุด เราก็หาเรื่องออกไปข้างนอกอยู่ดี นัดเพื่อนหรืออะไรอยู่ดี แบบเราออกไปทำงานมันก็จะได้เจอเพื่อน มีเพื่อนกินข้าว เม้าท์มอย จอยกัน มันก็สนุก แล้วยังได้ตังค์ด้วย”
พอละครปิดกล้องแล้วเป็นไงล่ะ
“ก็นัดเพื่อนเที่ยวเหมือนเดิม ได้เอาตังค์จากสิ่งที่เราทำงานมาใช้แล้ว”
เที่ยวนี่เรามีเป้าหมายอยากเที่ยวแบบไหน เที่ยวรอบโลก เที่ยวยุโรป อเมริกา
“ไม่เลย คือมันเป็นความคิดที่ว่า อยากไปก็ไป อยากทำก็ค่อยทำ ไม่มีการวางแพลน ไม่มีการวางแผนล่วงหน้า”
ถึงขั้นแบ็กแพ็กไหม
“ไม่แบ็กแพ็กค่ะ ไม่ได้เที่ยวโหดขนาดนั้น เหมือนจองวันนี้ อีกสองวันบินเลยอะไรแบบนี้ อย่างล่าสุดที่ไปฮ่องกง มาเก๊า กับพี่เนย-ปภาดา ก็จองวันนี้ อีกวันนิดๆก็บินเลย”
มาสนิทกับเนยได้ยังไง
“จริงๆสนิทกันอยู่แล้วค่ะ แต่ว่าไม่ค่อยมีเวลาว่างตรงกัน แล้วพอช่วงนี้มีเวลาว่างตรงกัน ก็เลยยิ่งแบบเลยเถิดกันไปใหญ่ มีคนไปไหนมาไหนด้วย มีเวลาไปด้วยกันมากขึ้น”
...
เวลาไปเที่ยวจะเห็นชิงชิงถ่ายรูปโพสต์คนเดียว
“ก็ไปกับเพื่อนค่ะ แต่เพื่อนๆก็จะถ่ายของแต่ละคน คนละมุมอะไรอย่างนี้”
แต่เราก็เหมือนจะไม่ค่อยโพสต์รูปกับเพื่อน
“เป็นกลุ่มใช่ไหมคะ อ่อ ใช่ๆ”
ปกติเป็นคนที่แบบว่าเที่ยวคนเดียวไหม
“ไม่เที่ยวคนเดียวค่ะ คือถ้าไปเที่ยวก็จะต้องไปเที่ยวกับเพื่อนๆ ถ้าไม่เที่ยวกับเพื่อนก็ไปเที่ยวกับครอบครัว”
ช่วงหลังๆจะเห็นชิงชิงโพสต์รูปลุคเซ็กซี่ๆ
“เพราะว่าพี่เนยเลยค่ะ เชียร์ให้ชิงลงรูปบ้าง อย่างไปเที่ยวด้วยกัน เราถ่ายไว้อยู่แล้วแต่ไม่เคยลงรูป เหมือนเขินไม่กล้าลงแต่พี่เนยลงของเค้าอยู่แล้ว หลังๆมาเขาก็จะเชียร์ลงไปเลย มันสวย ลงได้ไม่โป๊หรอก นางจะ เป็นแบบสปอยล์ให้ชิง ลงเหอะ เริ่มลงรูปบ้าง ก็ยังไม่ได้เซ็กซี่มาก”
พอได้ลงภาพลุคเซ็กซี่ๆ ทำให้เราปลดปล่อย ตัวเองยังไงบ้าง
“เป็นความรู้สึกแปลกใหม่ เพราะ ว่า อย่างเมื่อก่อน เราไปทะเลใส่ชุดว่ายน้ำ ใส่บิกินีมั้ยก็ใส่ เราถ่ายรูปแต่เราไม่กล้าลง ไม่กล้าโพสต์ เราไม่รู้ฟีดแบ็กจะเป็นยังไง อย่างแฟนๆ ทาร์เก็ตของชิงเป็นเด็กด้วย เรารู้สึกถ้าลงบิกินีน้องๆ จะตกใจมั้ย พอเพื่อนเชียร์เยอะๆ พี่เนยจะชง ลงไปๆสวย ไม่โป๊ ก็เริ่มลองชิมลาง ลงดูบ้างฟีดแบ็กดีค่ะ คนจะชม เพิ่งเคยเห็นชุดว่ายน้ำชุดสีชมพู มีกระแสบ้าง ขอน้อยๆค่อยเป็นค่อยไปแล้วกัน ทำใจก่อน”
ตอนนี้มั่นใจรูปร่างตัวเองมากขึ้น
“ด้วยวัยมั้งคะ ถ้าโตมากกว่านี้เราอาจจะไม่อยากลงแล้ว” ถามรุ่นใหญ่ๆยังลงภาพชุดว่ายน้ำอยู่เลย “ไม่รู้สิ เขินเวลามีคนแซว”
อัปเดตเรื่องของหัวใจบ้างมีใครเข้ามามั้ย
“โสดสนิทค่ะ แบบศูนย์เปอร์เซ็นต์ (หัวเราะ)”
ก็คิดว่าไปนู่นมานี่ นึกว่ามีหนุ่มๆเข้ามาจีบบ้างล่ะ
“ไม่มีเลยค่ะ ยิ่งตอนนี้ชิงอยู่กับพี่เนยเยอะใช่ไหมคะ ยังบอกพี่เนยว่า ตอนนี้มันมีคนช่วยดูแบบ สองคนแล้วนะ มีฉันมีเธอ ถ้าแบบใครจะเข้ามาต้องช่วยกันสแกนนะ อะไรอย่างนี้”
เปิดใจไหม
“ก็ไม่ได้เปิด แต่ก็ไม่ได้ปิดละกัน ไม่ได้มานั่งเปิดว่าโอ๊ย ต้องมีแฟนนะ ฉันต้องมีแฟนนะ ก็ไม่ใช่ค่ะ ถ้ามีแล้วมันไม่ดี ก็ยังอยากอยู่คนเดียว แต่ถ้ามีแล้วมันแฮปปี้ขึ้น ก็มีได้”
เชื่อในเรื่องว่าคนหนึ่งคนมันต้องมีอีกคนที่เป็นเนื้อคู่ไหม
“ก็ไปดูดวงมา แล้วเขาบอกว่าชิงยังไม่มีดวงความรักในมุมเรา ณ ช่วงนี้ เวลานี้ เราก็รู้สึกว่า เออ เรามีเพื่อนที่แบบดีมากๆ เรามีครอบครัวที่ดีมากๆ คือมันก็แฮปปี้แล้ว คือถ้าสมมติว่าจะมีแฟนแล้ว เรารู้สึกว่าเราไม่ได้แฮปปี้ขึ้น หรือมาทำให้เราทุกข์ หรือแบบท็อกซิก เราเลือกที่จะแบบ เอออยู่กับเพื่อน อยู่กับคนที่เขารักเราจริงๆดีกว่า เพราะว่าก่อนหน้านี้ก็เหมือนแบบพอมันเหมือนซัคเซสๆ มา แล้วรู้สึกว่าเรื่องความรักเราไม่ซัคเซส เราก็จะแบบไปมู ขอความรัก ขอนู่นนี่นั่น ศาสตร์ไหนที่ว่าดี ไปมาหมดเลย ไปทั้งในประเทศ ต่างประเทศแล้วมันก็ยังไม่ใช่ ก็เลยรู้สึกว่าควรพักเรื่องนี้ไว้ก่อน คือถ้ามันมา เดี๋ยวมันก็มาเอง ไปขอเรื่องที่เราทำแล้วแบบ ที่มันคลิกกับเรื่องนี้ แต่อาจจะไม่คลิกกับเรื่องนี้ดีกว่า”
แล้วที่บอกว่าไม่มีดวงเรื่องความรัก ปักใจเชื่อขนาดไหน
“ไม่ได้ปักใจเชื่อขนาดนั้นค่ะ คือถ้ามีก็มี ถ้ามาก็มาค่ะ สุดท้ายถ้ามันยังไม่ใช่ก็ไม่เป็นไร เพราะก็รู้สึกว่า เออ ตอนนี้ก็อยู่กับเพื่อน อยู่กับพี่ๆอยู่กับ อะไรก็แฮปปี้ดี”
มีเพื่อนๆ แนะนำ ลองคุยกับคนนี้นะ
“ไม่มีเลยค่ะ”
ตอนนี้กลายเป็นชิงชิง-เนย จูงมือกันเที่ยว
“ใช่ค่ะ เป็นสาวโสดสองคนที่แบบเที่ยวฉ่ำมาก”
แสดงว่าก็ไม่มีเวลาเหงา
“พอเหงาก็เรียกเพื่อนค่ะ ก็เลยแบบไม่ได้รู้สึกว่าเหงาอะไรอย่างนี้ค่ะ บางทีแบบว่า มีวันหนึ่งไปพัทยา ไม่รู้จะพาใครไป ก็ชวนพี่ๆ ที่ช่องไปเที่ยวด้วยกัน ไปนอนค้างด้วยกัน แค่นี้ แฮปปี้กลับบ้าน มีเพื่อน มีพี่ ก็ไม่เหงา”
อย่างคนที่เราเคยคุยๆ ก่อนหน้านี้ ตอนนี้เรายังสามารถเป็นเพื่อนกันได้มั้ย
“บางคนก็คุยได้ บางคนก็คุยไม่ได้ค่ะ (ยิ้ม) ชิงแค่รู้สึกว่าถ้าสมมติวันนึงเรามีความรักครั้งใหม่ ก็คงยังจะเป็นคนแบบนี้แหละ หนูก็คงยังจะทุ่มเทหรืออะไรเหมือนเดิม ถ้ามีคนเห็นคุณค่า หรือเห็นสิ่งที่เราทำให้ แล้วถ้าเขาแบบ ถ้าเขาได้รับมัน แล้วเขารู้สึกว่า เออ มันเป็นสิ่งที่มันมีค่า เขาก็ควรจะรักษาไว้อะไรอย่างนี้ แล้วหนูเชื่อว่าถ้ามันเจอคนนั้นจริงๆ มันก็คงดีมากๆ” ถ้าเจอคนที่ใช่ ถูกที่ถูกเวลา “มันก็คงดีค่ะ”
ถ้าไม่มีแฟน แต่เงินในบัญชีสำคัญที่สุด
“ว้ายย ใช่ค่ะ (หัวเราะ) เดี๋ยวมันจะแบบ เราไม่อยากเป็นภาระคนอื่นไง สมมติว่ามีแฟนหรือมีอะไร เราไปซัพพอร์ตอะไรเขาไม่ได้ มันก็ไม่ได้ไง”
สรุปคือเป็นสายเปย์ไม่ได้นะ
“ก็ถ้าอะไรที่เราแบบ ซัพพอร์ตได้ อะไรที่เราทำให้ได้ เราก็จะทำ”
เราเป็นคนแบบนี้ เรามีเผื่อใจในอนาคตไหมว่าอาจจะต้องเป็นสาวโสดอยู่คนเดียว
“ก็มีคิดไว้บ้าง คุยกับเพื่อน แกล้งๆไว้ว่า หรือว่าเราจะซื้อบ้านแล้วอยู่ด้วยกันดี ในตอนแก่ อะไรอย่างนี้ ถ้าเราไม่มีใครจริงๆก็ดูแลกันไปเองละกัน ก็มีคุยเล่นๆกับเพื่อนบ้าง แต่ก็ไม่อยากให้มันเกิดขึ้นจริงนะคะ ก็ยังอยากแต่งงานมีครอบครัว แต่ก็คิดว่าอยากให้แบบ อยากให้มันเป็นสิ่งที่มันดี แล้วก็เหมาะสม แล้วมันคู่ควรกับเราจริงๆ”.
เรื่อง: วรรณี ห่อวโนทยาน
เม้าท์ชัด จัดทุกตอน ติดตามได้ที่ www.thairath.co.th/novel และ Facebook Fanpage : นิยายไทยรัฐ
อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่