เรียกว่าเป็นว่าที่คุณแม่ลูกสองแล้ว สำหรับนางเอก-พิธีกรสาวหน้าหวาน รถเมล์ คะนึงนิจ จักรสมิทธานนท์ ที่ล่าสุดกำลังตั้งครรภ์ลูกคนที่ 2 ได้ 13 สัปดาห์แล้ว แต่ก่อนหน้านี้ก็เจอเหตุการณ์ที่ทำให้เครียดหนัก เพราะมีเลือดออกเนื่องจากเกิดภาวะแท้งคุกคาม ล่าสุด รถเมล์ คะนึงนิจ ได้เปิดใจกับบันเทิงไทยรัฐออนไลน์ถึงเรื่องดังกล่าว หลังมาทำหน้าที่พิธีกรรายการ “ข่าวใส่ไข่” ทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32
ซึ่ง รถเมล์ เผยว่า ตอนนี้มีลูกคนที่ 2 แล้ว น้องก็แข็งแรงตามวัยที่ควรจะเป็น รอบนี้เป็นประสบการณ์ใหม่ ตอนน้องคิด ลูกชาย แพ้ท้องหนัก แต่อาการอื่นๆ โดยปกติไม่เป็นอะไรเลย เลยเหมือนรู้สึกว่าพอท้อง 2 ก็จะชิลขึ้น แต่อยู่ดีๆ มีประสบการณ์ใหม่คือเลือดออก ที่บอกว่ามีภาวะแท้งคุกคามคืออยู่ดีๆ เลือดก็ไหลออกมาเยอะมากเหมือนมีประจำเดือน ต้องใส่ผ้าอนามัย
คุณหมอเลยให้นอนนิ่งๆ พยายามไม่ให้มดลูกบีบตัว ตอนนั้นยังไม่เคยอัลตราซาวนด์น้อง เลยไม่รู้ว่าน้องยังอยู่ในท้องหรือเปล่า จนผ่านไป 2-3 วัน มีนัดคุณหมอพอดีก็เลยไปตรวจ จริงๆ ยังไม่ถึงเวลาต้องซาวนด์ ก็ต้องซาวนด์เพื่อเช็กก่อนว่าน้องอยู่หรือไม่อยู่
...
พอตรวจแล้วยังโชคดีที่น้องยังอยู่ในตำแหน่งที่โอเค เลือดไม่ได้ไปซัดเขาออกมา แต่ก็ต้องดูระยะเวลาต่อไปว่าเลือดไหลเยอะขึ้นหรือเปล่า ก็ติดตามมาตั้งแต่วีก 6 จนมาถึงวีก 11 ก็เดือนกว่าๆ ที่วันๆ นอนอยู่แต่บนเตียง ลงบันไดมานอนบนโซฟา เป็นแบบนี้อยู่เกือบ 2 เดือน
ถามว่าช่วงนั้นสภาพจิตใจเป็นอย่างไร รถเมล์ เผยว่า วันแรกที่รู้กลับไปร้องไห้เลย คิดในทางแย่สุด ส่วนพี่บอล สามี คิดในทางดีว่าลูกยังโอเค แต่เรานอยด์ไปก่อนแล้ว เพราะพอเข้าห้องไปก็มีเลือดออกมาในชักโครก ก็กลัวว่าน้องไปแล้วหรือเปล่า เป็นความรู้สึกเหมือนเราอยากรู้อะไรสักอย่าง แต่เราไม่รู้ใน 3 วันนั้น มันจะรู้สึกเครียดหน่อย มันคาใจมาก
แต่วันที่ไปตรวจแล้วรู้สึกว่าน้องยังอยู่ แต่จะมีคำถามต่อมาว่าแล้วยังไง เพราะเลือดยังไหลอยู่ อาทิตย์ต่อไปก็ไปหาหมอก็ยังเลือดไหล มันก็เลยกลัวมาก คือวิธีการที่เลือดจะหยุดได้คือเลือดก็จะไหลออกจนหมด เลือดจะสีเข้มขึ้นเรื่อยๆ แห้งขึ้น อีกส่วนเลือดจะดูดซึมกลับร่างกายเอง แต่ยากมาก ก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่นอนรักษาร่างกายเพื่อให้น้องยังอยู่ที่เดิม ไม่ถูกบีบ
ส่วนเหตุผลที่ทำให้เกิดภาวะแท้งคุกคาม พิธีกรสาวบอกว่า ตอบยากมาก เพราะมันหาสาเหตุที่แน่ชัดไม่ได้ โดยปกติจะมีสาเหตุจากน้องผิดปกติ ร่างกายจะพยายามขับออก บางอันก็เนื่องจากอายุ ฮอร์โมนไม่พอ ซึ่งตอนที่ตนมีภาวะนี้ หมอก็ให้กินยาฮอร์โมน ฉีดยา หรือแม้แต่วิตามินที่เรากิน หมอก็จะถามหมดว่ากินอะไรที่ทำให้เลือดไหลอยู่ไหม ก็หยุดหมดทุกอย่าง
ถามว่ากว่าจะผ่านตรงนี้ใช้เวลาแค่ไหน รถเมล์ เล่าว่า เลือดไม่ได้ไหลทุกวัน อาทิตย์นึงจะไหลช่วงที่จะต้องไปหาหมอ ถามว่ามาจากความเครียดไหมก็อาจเป็นไปได้ เพราะทุกครั้งที่มีนัดหมอเลือดจะไหลทุกรอบ พอถึงวันอาทิตย์จะมีความกังวลว่าพอวันจันทร์ไปตรวจแล้วหัวใจน้องจะยังเต้นไหม จะตัวใหญ่ขึ้นไหม เป็นแบบนี้เกือบเดือนกว่าเลือดจะหยุด กลายเป็นเวลาปวดปัสสาวะก็จะกังวลว่าเลือดมาหรือเปล่า ต้องรีบไปดูในห้องน้ำ
ซึ่งตอนนี้ทุกอย่างโอเคแล้ว น้องตัวใหญ่แล้ว อายุครรภ์ 13 วีก ตอนนี้ใช้ชีวิตให้เป็นปกติ จะได้รู้สึกไม่เครียดมากจนเกินไป แต่ก็มีน้องคิดที่ช่วยผ่อนคลายให้ตนอยู่ ทำให้เราไม่เครียด ยิ่งเวลาเขาเล่นและพูดก็ทำให้ยิ้มได้ แต่ตอนนี้ก็ยังอุ้มลูกไม่ได้ ไม่กล้าอุ้มเลย อะไรที่เป็นความเสี่ยงลดหมดเลยเพราะกลัว ตอนนี้ยังทำงานได้ ถ้าไม่ได้ไปโลดโผนอะไร
...
คุณหมอไม่ห้ามเรื่องการเดิน แต่ที่ผ่านมาเวลาไปข้างนอกจะนั่งรถเข็นตลอด จนหลายคนเห็นแล้วถามว่าเป็นอะไร ก็บอกไปว่าขาเจ็บ มันพูดไม่ได้เลยช่วงที่ผ่านมา เพราะกลัวน้องจะอยู่หรือเปล่า 50-50 ทุกคนในครอบครัวก็ให้กำลังใจ คนรู้น้อยมาก ขนาดเพื่อนสนิทก็ไม่ได้บอก กลัวว่าถ้าบอกไปก่อนแล้ววันหนึ่งต้องมาอธิบายคนอื่นแล้วทำใจไม่ได้ เลยคิดว่าไม่พูดดีกว่าจนกว่าจะชัวร์จริงๆ
ส่วนที่ไม่กล้าบอก น้องคิด เรื่องมีน้อง รถเมล์ บอกว่า ไม่บอกเลย จริงๆ ตอนแรกก็คิดว่าจะสอนลูกยังไงว่าเรามีน้อง ไม่บอกจนตรวจแล้วว่าน้องปกติดีถึงค่อยๆ บอกลูก น้องก็เข้าใจว่าเบบี๋อยู่ในพุง เขาก็มาจับพุง ถามเบบี๋อยู่ไหน แล้วมาจับมาหอม ก็บอกว่าเดี๋ยวรอน้องโตกว่านี้แล้วเขาทักทายหนูได้ก็ลองมาจับใหม่ เพราะจะมีช่วงที่น้องเตะ เดี๋ยวค่อยให้เขาเรียนรู้ไป
เรื่องการลดความเสี่ยงต่างๆ รถเมล์ เผยว่า ออกกำลังกายยังไม่กล้าเลย ครั้งที่แล้วตอนท้องน้องคิดจะออกกำลังกายตลอดตั้งแต่หายแพ้ท้อง แต่ตอนนั้นท้อง 4 เดือนแล้วก็เริ่มเล่นพิลาทิส แต่รอบนี้ยังไม่กล้า ขนาดเดินเยอะๆ ยังไม่กล้าเลย ต้องค่อยๆ เริ่มเดิน ยังกลัวอยู่
...
ปิดท้าย รถเมล์ ฝากถึงแฟนๆ ว่า “ฝากติดตามรายการ “ข่าวใส่ไข่” ทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32 ขอบคุณมากๆ ที่ช่วงที่ผ่านมาที่หายไป แล้วทุกคนถามถึงตลอดว่าทำไมถึงไม่มาอ่านข่าว ตอนนี้แข็งแรงดีทั้งคุณแม่คุณลูก กลับมาอ่านข่าวแล้วนะคะ”.
คลิกเพื่ออ่าน ข่าวบันเทิง เพิ่มเติม