ไม่ทิ้งโอกาสที่เข้ามา ยิ่งได้ร่วมงานกับอ๊อฟ-พงษ์พัฒน์ ผู้กำกับในดวงใจ ตกปากรับคำทันที สำหรับนักร้องหนุ่มเสียงดี “ตู่-ภพธร สุนทรญาณกิจ” เพราะอยากร่วมงานมานานแล้ว ในภาพยนตร์รักโรแมนติกเรื่อง “ขอเจอเธออีกสักครั้ง See You Again” ภายใต้การผลิตแอค อาร์ต เจเนเรชั่น ถือเป็นอีกหนึ่งโจทย์ที่ท้าทาย ประกบคู่นางเอกน้องใหม่ “สตาร์-ศรัณย์ลภัส คำพา” ตัวแทนความรักแสนบริสุทธิ์ ส่วนชีวิตครอบครัวแสนอบอุ่น แถมเป็นสายคลั่งรัก “นุช-นุชนันท์” ภรรยา แบบสุดๆ ทำเอาสาวโสดแอบอิจฉาไปตามๆกัน ใน “คนดังนั่งคุย”
ทำไมตัดสินใจรับแสดงภาพยนตร์ See You Again? “เพราะว่าพี่อ๊อฟกำกับ อยากร่วมงานกับพี่อ๊อฟครับ ผมไม่เคยร่วมงานกับพี่อ๊อฟเลย แต่เคยแสดงมาแล้ว ก็คือเป็นเหตุผลแรกที่ตัดสินใจรับ เพราะพี่อ๊อฟก็เป็นผู้กำกับที่มีฝีมือมีลายเซ็นเป็นของตัวเอง แล้วก็ทุกเรื่องที่พี่อ๊อฟกำกับผมว่ามันก็ชัดเจนว่ามันคืองานพี่อ๊อฟครับ แล้วก็เป็นงานที่ผมชื่นชอบครับ” บทบาทเป็นยังไงบ้าง “บทเรื่องราวหลักๆ เลยก็คือเป็นเรื่องของการกลับชาติมาเกิด เรื่องของความรักต่างวัย ทำให้คอนเซิร์นขึ้นมานิดนึงว่า มันจะออกมาในรูปแบบไหน เป็นเรื่องที่คุยกับพี่อ๊อฟตั้งแต่แรกเลยที่เริ่มรับว่าผมเข้าใจในเรื่องราวแต่ว่าเราจะเล่ามันออกมายังไงให้คนดูรู้สึกว่ามันเป็นความรักที่บริสุทธิ์จริงๆ ไม่ใช่คนแก่เฒ่าหัวงู อยากจะให้มันออกมาในเวย์ที่มันบริสุทธิ์ แล้วก็เห็นว่ามันคือความรักจริงๆครับ”
...
พี่อ๊อฟ-พงษ์พัฒน์ อยากให้ถ่ายทอดออกมาแบบไหน? “มันคือเรื่องราวของคู่รักที่ผู้หญิงเสียชีวิต แต่ผู้ชายไม่สามารถที่จะมูฟออนได้ แล้วก็ลูกสาวของเพื่อนที่เราช่วยดูแลมาตั้งแต่เล็กๆ เขามีหลายๆ อย่างที่เหมือนกับคนรักของเราที่เสียชีวิตไป ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ออกมาพูดเองเลยว่าคือคนรักของเราที่กลับชาติมาเกิด ไท บทที่ผมเล่น เค้าก็เช็กตลอดนะ เรื่องนี้มันมีจริงเหรอ นี่มันคืออะไร ไม่ใช่ว่าแบบปักใจเชื่อเลยตั้งแต่แรก พอเชื่อแล้ว สิ่งที่เขาเจอมันจะก้าวต่อไปยังไง นี่ก็คือลูกของเพื่อนสนิท วัยก็แตกต่างกัน” ส่วนตัวตู่เชื่อในเรื่องของการระลึกชาติมั้ย ? “ด้วยความที่โตมาในประเทศไทย เป็นเมืองพุทธ มันก็จะมีเรื่องอะไรแบบนี้ให้ได้ยินถูกไหมฮะ แต่ว่าตัวผมเองไม่เคยเจอประสบการณ์อะไรแบบนี้ด้วยตัวเอง ผมเป็นคนที่ค่อนข้างจะแบบยึดติดกับความจริง ถ้าเราไม่เจอเราก็ไม่เชื่ออะครับ”
การร่วมงานกับสาวๆ น้องสตาร์-ศรัณย์ลภัส และน้องขิม-จุฬารัตน์ เป็นยังไงบ้าง? “น้องๆทุกคนก็ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีตามบทบาทที่ได้รับ น้องขิมเป็นครั้งแรกที่ผมได้ร่วมงานกับน้องเขา ผมว่าน้องเค้าสามารถดิลิฟเวอร์ ทุกอย่างได้ เรื่องราว อารมณ์ทุกอย่าง เล่นตั้งแต่ฉากแรกที่ยังไม่ได้คุยกัน จนเล่นเป็นคนรักกันแล้ว ทุกๆอย่างไหลลื่นมากๆ ไปถึงฉากดราม่า ฉากที่เขากำลังจะเสียชีวิต ผมเล่นกับเขาแล้วมันไม่ยากอะที่จะทำให้รู้สึกว่าเรารักผู้หญิงคนนี้ ส่วนน้องสตาร์เอง ผมว่าด้วยวัยของเขาจริงๆมันทำให้มันมีความใสของตัวของเขาเองอยู่แล้ว เหมาะกับคาแรกเตอร์ที่เขาเป็นในเรื่อง น้องตั้งใจทำงานมาก ผมมองว่า เด็กอายุ 14 เขาน่าจะวิ่งเล่น แต่นี่เขามาทำงาน มีความตั้งใจมากๆ ตอนผมอายุ 14 ก็ยังไม่เป็นเรื่องเป็นราวแบบนี้ แต่พอต้องหาเงิน ผมก็จริงจังได้นะ เป็นเด็กที่เห็นแก่เงินเหมือนกัน ตอนเด็กๆ (หัวเราะ)”
ได้ยินว่าในเรื่อง เวลาดุน้อง ตู่ดุมากจนน้องสตางค์ร้องไห้จริงๆ? “ผมไม่รู้ว่าน้องร้องเพราะแสดง หรือกลัวผมในตอนแสดงรึเปล่า มีฉากหนึ่งที่คาแรก เตอร์ไทเขารู้ว่ากำลังถูกโกหกอยู่ ฉากนั้นก็ใส่เขาเต็มที่เหมือนกัน โกรธ และเขาก็ร้องไห้” ปกติแฟนๆ จะเห็นภาพตู่แนวแฟมิลี่แมน ใจเย็น อารมณ์แนวฉุนเฉียวแฟนๆเลยนึกภาพไม่ออก “ไม่เห็นดีแล้วครับ เห็นผมแบบนั้นในหนัง ในละครดีที่สุด (หัวเราะ)”
ตัวจริงมีโหมดแบบนี้กับลูกๆมั้ยคะ? “ตัวจริงซอฟต์มากเลยครับ ผมเป็นคนที่คนส่วนใหญ่คิดว่าเป็นคนที่ดุอยู่แล้ว เวลาหน้านิ่งๆคนจะรู้สึกว่าผมจะดุรึเปล่า และเวลาผมเริ่มสอนลูก ถ้าผมไม่มีรอยยิ้มและสอนไปด้วย เขาก็จะหาว่าผมดุ เพราะฉะนั้นก็จะพยายามสอนให้มีรอยยิ้มบนใบหน้าตลอดเวลาที่สอน” แสดงว่าลูกก็ระแวงเหมือนกัน “ผมเคยดุแล้วครับ แล้วรู้สึกไม่ดีที่ดุเขาเท่าไหร่ รู้สึกเขาฟังเรามากกว่าเวลาที่ไม่ได้ดุ” พอตู่หน้านิ่งๆ เวลาไม่ยิ้ม มีน้องๆ ในกองถึงขั้นไม่กล้าเข้ามาคุยเลย “พอมีบ้างครับ น้องสตาร์เขาบอกผมว่า ตอนแรกเขากลัวผมเพราะว่าผมดุ พอเริ่มแสดงด้วยก็จะมีประหม่า”
...
ทลายกำแพงกันยังไง? “ก็คุยเล่นกันนี่แหละครับ คุยเล่นกับน้องไปเรื่อยๆ ให้น้องเขาสบายใจ บรรยากาศคุยกับเราได้ ปรึกษาเราได้ ในเรื่องของการทำงานอะไรแบบนี้ครับ” ไม่ได้เล่นอย่างเดียวแต่ตู่ร้องเพลงประกอบภาพยนตร์ด้วย “ครับ ชื่อเพลง I miss you เพลงที่จะบอกเล่า เป็นเพลงที่พูดถึงคาแรกเตอร์หลัก พูดถึงตัวละครไท แล้วก็ความคิดถึง ความโหยหาความรักของเขา”
พอเล่นเอง ร้องเอง ยิ่งอินมากน้อยขนาดไหน “คือเวลาที่ผมถ่ายทอดเพลง ผมอินอยู่แล้วครับ แม้ว่าจะไม่ได้แสดงหรือถ่ายละครเรื่องนั้นๆ คือทุกเพลงในฐานะนักร้อง เราก็จะต้องถ่ายทอดออกมาให้เต็มที่ที่สุดอยู่แล้ว ผมว่าพอมันมารวมกันทั้งเพลงและภาพ มันเป็นอะไรที่มันลงตัว เพลงเพลงนี้ ภาพยนตร์เรื่องนี้ มันลงตัวครับ มันไปด้วยกันทั้งภาพและเสียงมากๆ”
ฟังแล้วความรู้สึกมันเป็นอย่างไรบ้าง “ชอบครับ เป็นเพลงที่ผมอยากให้ฟังกันเยอะๆ แล้วก็เป็นแนวที่อาจจะไม่ใช่จะนึกถึงผมซะทีเดียวเวลาที่ฟังเพลงนี้ อาจจะไม่ใช่สไตล์ผมร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ว่ามันเข้ากับบรรยากาศกับภาพของหนังครับ” ให้นุช ภรรยา ฟังบ้างรึยัง “มีครับ ฟังแล้ว เขาชอบครับ แต่ภรรยาผมก็จะจำไม่ค่อยได้ว่าผมร้องเพลงอะไร ละครอะไร เรื่องไหน อาจจะวุ่นวายเรื่องลูกเยอะด้วยครับ”
...
ถามเรื่องครอบครัว ลูกสาว น้องริสาและน้องเรย์เป็นยังไงบ้าง “คนโต 5 ขวบ คนเล็ก 2 ขวบครับ ก็จะเหนื่อยขึ้นนิดนึง พอคนเล็กเริ่มเป็นตัวตนของเขาเอง มีการทะเลาะกันทุกๆ 5 นาที เดี๋ยวเขาก็จะดีกัน ทั้งวัน เวลาเห็นลูกทะเลาะกัน ส่วนใหญ่ก็จะมองเป็นเรื่องเล็กน้อย เพราะเขาไม่ได้ทะเลาะอะไรจริงจัง บางครั้งผมก็จะปล่อยบ้าง บางครั้งผมก็จะเข้าไปเป็นกรรมการบ้าง” ใครอ้อนคุณพ่อกว่ากันคะ “ถ้าอ้อนผมก็จะเป็นคนเล็กครับ จะอ้อนมากกว่า คนโตจะติดแม่ อาจจะเริ่มโตด้วยแหละ เขาจะกุ๊กกิ๊กๆกับแม่เขาทั้งวัน ซึ่งผมก็ออกมาทำงานข้างนอกด้วย ก็จะอาศัยวิดีโอคอลหาภรรยา คุยเสร็จก็จะขอคุยกับลูกสาวต่อ”
เวลาไปไหน ทำกิจกรรมอะไรก็จะไปทั้งครอบครัว ล่าสุดไปเล่นไอซ์สเกตก็ไป “อยากให้เขาทำกิจกรรมเยอะๆครับ อยากให้เขาเป็นเด็กกิจกรรม เลยพากันไปทำโน่นนี่นั่น รู้สึกว่าถ้าเป็นอะไรที่ใหม่ แล้วเขาไม่เคยทำ พ่อแม่ก็ตามไป ทุกคนเอนจอยด้วยกันหมด ก็น่าจะดีครับ”
ความหวานกับภรรยาสวีตเพิ่มขึ้นๆ ตามปีที่รักกันรึเปล่า “ทุกอย่างมันอยู่ที่เรา เราต้องคอยเติมกันเองครับ มันไม่มีอะไรที่ออโตเมติก บางอย่างเรารู้ว่า ช่วงนี้เขาเครียด เขาเหนื่อย หรือเขารู้ว่าเราเหนื่อย เราก็ต้องพยายามเอาใจใส่กัน เพราะไม่อย่างนั้นทุกอย่างมันก็จะอยู่กับงาน กับลูกทั้งหมด จะไม่มีโมเมนต์ของคนสองคน”
มีแว้บๆ พ่อแม่แอบไปดินเนอร์สองคนบ้างมั้ยคะ “พยายามครับ ต้องใช้คำว่าพยายามก็แอบยากมากขึ้นช่วงนี้ เพราะลูกสาว ยิ่งเฉพาะคนโตติดคุณแม่หนักมากเลยครับ คุณแม่ไม่สามารถไปไหนเวลากลางคืนได้เลย ก็ต้องรอให้เขาเข้านอน ต้องรอกลางคืนเขาหลับก่อนถึงจะออกกันไปได้ บางทีเราก็ต่างคนต่างเหนื่อยแล้ว กลางคืนก็ไม่ได้อยากออกไปไหน ก็พยายามกันอยู่ครับยังไม่ล้มเลิกความพยายาม”
...
ภรรยามีน้อยใจมั้ย ไม่ค่อยมีเวลาให้เหมือนเดิม “ถ้าน้อยใจจริงๆน่าจะเป็นผมมากกว่า (หัวเราะ) น้อยใจในแบบที่ตัวเองต้องไปทำงานอีกแล้ว อย่างจะมีงานไปต่างจังหวัด ผมก็จะคิดมาก่อนสองสามวันก่อนไป ไม่อยากไป ไม่อยากไปต่างจังหวัด ไม่อยากไปไกลบ้าน เพราะเราต้องออกไปทำงานนอกบ้านทุกวัน ก็ติดลูก ติดครอบครัวครับ”
มีลูกสาวสองคน อยากมีลูกชายเพิ่มอีกสักคนมั้ย “ไม่แล้ว พอแล้วครับ ผมเองก็เข้าใจนะคนที่อยากมีอีก เด็กตอนวัยเล็กๆน่ารักมาก เด็กสองขวบน่ารักที่สุดแล้ว เวลาเขาโตไปเราก็จะรู้สึกคิดถึงอารมณ์แบบนี้ แต่นี่เลยต้องกอบโกยเวลาแบบนี้” แฟนๆ ยกให้ตู่เป็นคุณพ่อตัวอย่าง รู้สึกอย่าง ไรบ้าง “ก็ดีครับ ผมว่ามองเราในมุมที่ดีก็เป็นเรื่องที่ดีอยู่แล้ว ก็ดีใจที่ไม่มีใครมองอย่างอื่นๆครับ”
งานดี ความรักดี ครอบครัวดี แต้มบุญสูงเว่อร์? “ตัวผมไม่ค่อยมูอะไรเลยครับ ไม่เคยเลย แต่คนที่บนคือภรรยาของผมมากกว่าครับ เขาแบบ เวลามีใครมาเสนองานอะไรดีๆ แล้วเขาอยากให้ผมได้ เขาก็จะไปไหว้พระอะไรของเขา ในขณะที่ผมเองก็ขอบ้าง ขอแบบกว้างๆ ไม่ค่อยชอบขอ ไม่ค่อยชอบคาดหวัง แต่ผมเคยคิดอย่างนี้จริงๆ ผมว่าผมโชคดีที่ได้งานดีๆเข้ามาเรื่อยๆ มีโอกาสได้ทำอะไรที่มันหลากหลาย ได้ทำอะไรใหม่ๆ ตลอดครับ ขอบคุณทุกคนที่ให้โอกาสเราได้ลอง ขอบคุณตัวเองด้วยที่ตั้งใจทำงาน”
เป้าหมายชีวิตตัวเอง บรรลุสำเร็จตามที่ตัวเองต้องการรึยัง “ไม่ครับ เราไม่ได้มองว่าเราจะต้องไปถึงจุดสุดยอดของเราที่ตรงไหนครับ เรามองว่าตราบใดที่เราได้ทำในสิ่งที่เรารักไปเรื่อยๆ ตรงนั้นก็คือโบนัสไปเรื่อยๆ แต่ว่าผมมองในเรื่องครอบครัวมากกว่าเพราะงานของเรามันไม่จบหรอกไปเรื่อยๆ ครับ”
สุดท้ายฝากแฟนๆให้ติดตามชมผลงาน See You Again “See You Again เป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์ที่ผมอยากให้ทุกคนได้ดูกันครับ ผมว่ามันเป็นเรื่องที่มันอาจจะดูไกลตัวนะ เรื่องความรัก การกลับชาติมาเกิด แต่สุดท้ายแล้วเล่าในเวย์ที่ผมรู้สึกว่ามันคือความจริง และซื่อสัตย์กับพวกเราที่ถ่ายทอดมากๆ รู้สึกว่ามันน่าจะรีเลตได้กับทุกคน เป็นเรื่องที่ดราม่าก็จริง แต่สุดท้ายแล้วมันมีความอบอุ่นคนดูแล้วสามารถมีรอยยิ้มกับมันได้ครับ ติตามชมได้ที่แอปพลิเคชัน MONOMAX ครับ”.
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่