ขึ้นแท่นตัวตึงทวิตเตอร์ หลังหนุ่มฮอต “เต-ตะวัน วิหครัตน์” ลุกขึ้นปกป้องตัวเองแนะนำคนที่เข้ามาคอมเมนต์แซะ หลังลงรูปสาว “ใบเฟิร์น-พิมพ์ชนก” เดินทางไปร่วมงานแฟชั่นที่ประเทศฝรั่งเศสด้วยกันแล้วโดนติงว่าสนิทเกินหน้าหนุ่ม นาย-ณภัทร หวานใจตัวจริง หลังเจอ เต ร่วมงาน “GMMTV 2024 Up&Above Part 1” เปิดโผซีรีส์งานมาสเตอร์พีซทั้ง 15 เรื่อง ณ Union Hall F6 ยูเนี่ยนมอลล์

ถามถึงเรื่องที่เราโต้กลับชาวเน็ตคอมเมนต์เรื่องเรากับใบเฟิร์น?

“บางทีเหมือนคนที่ใช้อินเตอร์เน็ตจนชิน จนวู่วาม บางทีเค้าอาจจะคิดน้อยเวลาพิมพ์ อยากให้เช็กก่อนที่จะกดพิมพ์ส่งอะไรไปว่าบางทีสิ่งที่คุณพิมพ์มันก็กระทบกับคนอื่นเหมือนกัน เพราะฉะนั้นถ้ามันไม่ใช่เรื่องจริง ลองดึงตัวเองถอยออกมาก่อน มองสักพักก่อนดีมั้ย แน่ใจแล้วค่อยพิมพ์ อันนี้มันค่อนข้างเป็นแบบเป็นตุเป็นตะไปนิดนึง ซึ่งมันทำให้บางทีคนอ่านเค้าก็รู้สึกไม่ดีเนอะ”

เราเห็นคอมเมนต์นั้นแล้วตกใจมั้ย?

“เรียกว่าอะไรดี เราอยู่ตรงนี้มาสักพัก เพราะฉะนั้นเราจะมีความชินแต่ว่าในความชินนั้น เราไม่ได้อยากให้ทุกคนทำเป็นเรื่องปกติ เราอยากให้ทุกคนใช้โซเชียลอย่างมีสติแล้วก็รอบคอบ ผมเชื่อว่าไม่มีใครชอบหรอกในการที่จะถูกพูดถึงในเรื่องที่ไม่เป็นความจริง ก็ต้องใจเขาใจเราให้มากขึ้น”

ถ้างั้นเล่าด้วยความจริงเป็นยังไง?

“เหมือนผมก็เพิ่งเจอใบเฟิร์นครั้งแรกเหมือนกันแต่รู้ว่าเค้าเป็นเพื่อนสนิทกับออฟ เพราะว่าเหมือนเค้าเล่นซีรีส์ด้วยกัน จริงๆผมเจอนายก่อนใบเฟิร์นอีก เจอนายที่ร้านกล้อง ก็คือผมไปทำงานกับใบเฟิร์น แล้วผมเป็นคนชอบถ่ายรูปแล้วก็ถ่ายฟิล์ม แล้วก็รีบล้างฟิล์มลงอินสตาแกรม ก่อนถ่ายยังบอกใบเฟิร์นเลยว่าทำหน้าดีๆ เพราะฟิล์มมันแพง ด้วยความที่เราชอบฟิล์มสีนี้มาก มีรูปที่อยากจะลงอีกหลายรูปมาก แต่ที่เค้าถ่ายให้เรา เค้าถ่ายไม่ชัดไง เราเลยไม่ลงรูปตัวเอง”

...

เราน่าจะลงรูปที่เค้าถ่ายสรรเสริญเค้าบ้าง?

“(หัวเราะ) แต่ดีใจที่เค้าสู้นะ ผมว่านายน่าจะเทรนเค้ามาเยอะ ผมเคยเจอนายที่ร้านกล้องแล้วนายน่าจะเคยเทรน ดูรู้เลยว่าใบเฟิร์นน่าจะถูกเทรนมา เพราะว่ากล้องที่ผมเอาไปมันถ่ายยาก พอเราถ่ายเค้าเสร็จ เค้าจะถ่ายให้เรา เราก็บอกไม่เป็นไรๆ แต่เค้าบอกว่าฉันทำได้ๆ เลยรู้ว่าน่าจะถูกเทรนมา ความพยายามของเค้าได้หลายรูปเลย เดี๋ยวไว้ลงในสตอรีให้ดู”

ได้คุยกับใบเฟิร์นถึงเรื่องที่เกิดขึ้นมั้ย?

“วันนั้นเค้าโทร.มาเลย คือวันนั้นเป็นงานที่ผมออกกับนิว ออฟ กัน แล้วใบเฟิร์นสนิทกับออฟอยู่แล้ว เค้าโทร.วิดีโอคอล มาหาผมแล้วก็คุยกัน ยังหัวเราะกันอยู่เลย เค้าคงรู้สึกว่าเหมือนเค้าน่าจะอยู่ในจุดที่ชินกว่าผม เค้าก็เลยโทร.มาว่าแบบตอบอย่างนี้เลยเหรอ อะไรอย่างนี้ ก็ตลกดี”

ถ้าถามตามเนื้อข่าว กลัวนายเข้าใจผิดมั้ย?

“พอดีเรารู้จักกันอยู่แล้ว เป็นเพื่อนกัน แล้วก็ต่างฝ่ายต่างรู้จักกันแล้วก็เข้าใจกันดีครับ จะมีแต่ชาวเน็ตที่ไม่เข้าใจครับ”

เวลาเราต้องตอบคอมเมนต์แบบนี้เราทำยังไง?

“พอเราเริ่มชินกับสิ่งนี้ ผมจะไม่ตอบตอนที่ตัวเองรู้สึกไม่ดี เพราะถ้าเรารู้สึกไม่ดีเราอาจจะใช้อารมณ์นำได้ ถ้าวินาทีที่ข้อความออกไปนั่นคือผมกำลังอารมณ์ดีนะ ผมตอบด้วยความมันเขี้ยวนิดหน่อย พอเรามีอารมณ์ เราใช้อารมณ์ปุ๊บ สุดท้ายพอเวลาผ่านไป เราจะรู้สึกไม่ชอบในสิ่งที่เราทำ เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราทำไปเราคิดมาแล้วว่าเราตอบด้วยอารมณ์ที่เราไม่ได้โกรธอะไร ตอบขำๆเฉยๆ แต่ในความขำๆนั้นก็คือมีเรื่องจริงที่อยากให้ตระหนักเหมือนกันว่าการใช้โซเชียลควรจะระวังนะ ที่ผมโพสต์ไปก็คือเรื่องจริงเหมือนกันที่ว่า เวลาเราหมกมุ่นกับอะไรมากๆ เราลองถอยกลับมามองห่างๆบ้าง เวลาเราจดจ่อกับอะไรมากๆ ทำให้บางทีทำไปด้วยไม่มีสติ แต่ถ้าเราพักเรื่องนี้ไว้ก่อน แล้วออกไปคุยกับครอบครัว อยู่กับเพื่อนบ้างให้เราสบายใจ เราอาจจะคิดอีกแบบนึงก็ได้”

คิดมั้ยว่าคำตอบของเราฮือฮาขนาดนี้?

“ไม่รู้เหมือนกัน”

แต่ก็ฮือฮาหลายรอบมาก เราจะมีเกี่ยวกับเรื่อง Twitter ตลอด?

...

“ผมเล่นสิ่งนี้มานานไง ก็เลยอาจจะเข้าใจ ผมเล่นตั้งแต่ประมาณ ม.3 จนเค้าเปลี่ยนเป็น X”

หลายๆคนยกให้เราเป็นตัวตึง?

“จริงๆผมก็เป็นเนเจอร์ของผม เป็นคนที่ตั้งแต่เด็กเลยก็คือไม่ได้ถนัดสังคมแต่ถนัดการเขียนมากกว่า เพราะฉะนั้นเราก็เลยชอบเล่นแอปนี้ อย่าง TikTok เราเลยไม่ถนัด เพราะว่ามันต้องเป็นคลิปแต่เราเป็นคนที่ชอบพิมพ์ชอบเขียนเพราะว่าเหมือนเราก็อยู่กับย่าที่มีความเป็นนักเขียนผมก็เลยใช้แอปนี้มานานมาก ก็เลยเหมือนมีความชิน อย่างที่บอกว่าแอปมันก็มีข้อดีข้อเสียของมัน ข้อดีคืออาจทำให้เราตื่นรู้เรื่องบางอย่างเร็ว แต่ผมว่าความตื่นรู้ในยุคนี้มันต้องเป็นความตื่นรู้ที่มีความพอดีด้วย ถึงจะเป็นการตื่นรู้ที่มีเสน่ห์”

เราเลือกไม่ฟ้องใช่มั้ยถ้าคนจะมาเมนต์ในแนวไม่เป็นความจริง?

“ดูสถานะการเงินก่อนช่วงนั้น ถ้าช่วงนี้ทำบ้านแล้วเหล็กแพง ปูนแพง ก็อาจจะมีฟ้อง แต่ถ้าสมมติเราไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงิน เราไม่ฟ้อง”

อะไรที่มันเกินไปสำหรับเราที่รับไม่ได้?

“ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงก็จะลงมือเองแต่ถ้าสมมติถ้าเหลือบ่ากว่าแรงก็จะขอยืมมือกฎหมายช่วย (หัวเราะ)”

ทุกวันนี้ยังไม่เจอ?

“ก็จริงๆ มีบ้างแหละ แต่เราแค่รู้สึกว่าเราไม่ให้ค่าอะไร ก็อยากให้รู้ว่าจริงๆนักแสดงเราก็เป็นคนเหมือนกัน เราอาจจะเป็น trauma ได้ เหมือนตอนเด็กๆผมเคยโดนหมากัดหมาไล่ไง เราก็กลัวหมาไปเลย นักแสดงหลายๆคนที่เป็นเพื่อนผมบางทีเจอคอมเมนต์พวกนี้ไปเหมือนแขยงไปเลยก็มี ที่ผมทำก็คือการปกป้องตัวเองอย่างหนึ่ง เพราะฉะนั้นก็มีมือเหมือนกัน”.

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่

...