รับรองต้องปังต้องเปรี้ยง เมื่อตัวพ่อเอนเตอร์เทนเมนต์และสายปาร์ตี้ตัวจริง ขันเงิน เนื้อนวล ควัก 650 ล้านบาท โดดมารับบทบาทใหม่เป็นผู้บริหารเต็มตัวครั้งแรกกับ บมจ. ซาเล็คต้า ในคอนเซปต์ไวป์ เซ็ตเตอร์ (Vibes Setter) ผู้ริเริ่มสร้างสรรค์เอนเตอร์เทนเมนต์และไลฟ์สไตล์แนวใหม่ของไทย ที่รีแบรนด์มาจาก เอ็ม พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ขยายธุรกิจครอบคลุมความบันเทิงทั้งระบบ เพิ่มจากธุรกิจภาพยนตร์ที่มีอยู่เดิม

งานนี้วงการเอ็นเตอร์เทนเมนต์ได้สั่นสะเทือนแน่นอน เพราะคนไทยจะได้เสพความบันเทิงผ่านคอนเทนต์รูปแบบใหม่ๆ ที่เข้ากับทุกไลฟ์สไตล์ของคนไทยได้ครบจบแบบวันสต็อปที่นี่ที่เดียว ทั้งภาพยนตร์, เพลงและดนตรี, เฟสติวัล, ออริจินัลคอนเทนต์เด็ดๆ รวมทั้งการสร้างไวป์ เซ็ตเตอร์เพื่อสร้างงาน หรือสถานที่นั้นให้เป็นเดสทิเนชั่นที่ทุกคนอยากจะเข้ามามีส่วนร่วม เพราะเจ้าตัวงัดประสบการณ์ทั้งชีวิตมาการันตีกันเลยทีเดียว พร้อมได้ทีมผู้บริหารมือฉมังที่อยู่ในแวดวงธุรกิจมายาวนานคอยซัพพอร์ตแน่น แท็กทีมตั้งเป้าหมายสร้างกระแส Soft Power ของไทย เปิดโอกาส่งออกเอนเตอร์เทนเนอร์สู่ต่างชาติ

...

บรรยากาศในงานมีเพื่อนพ้องคนบันเทิงมาร่วมแสดงความยินดีคับคั่ง อาทิ โต้ง ทูพี, แพทริเซีย ธัญชนก กู๊ด, อัพ ภูมิพัฒน์ เอี่ยมสำอาง, กอล์ฟ ฟักกลิ้งฮีโร่, วีเจจ๋า ณัฐฐาวีรนุช ทองมี, พิตต้า ณ พัทลุง, มะนาว ศรศิลป์ มณีวรรณ์, เดนนิส ไทยคูน, แดนนี่ ดานิเอล เบล็สซิ่ง ฯลฯ

ขันเงิน เนื้อนวล แร็ปเปอร์หนุ่มคนดัง กรรมการบริษัท ซาเล็คต้า จำกัด (มหาชน) และคุณทรงพล เชาวนโยธิน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ซาเล็คต้า จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า

การเปิดตัววันนี้?
ขันเงิน : “เป็นการทรานส์ฟอร์มจาก เอ็มพิคเจอร์สฯ มาเป็นซาเล็คต้า (ZALEKTA) ง่ายๆ เลย ทุกคนมอง เอ็มพิคเจอร์สฯ ก็จะนึกถึงหนัง เราก็อยากจะเปลี่ยนมุมมองให้กว้างขึ้น ให้ครอบคลุมเอนเตอร์เทนเมนต์มากขึ้น เราก็เลยเลือกคำว่า ZALEKTA มาจากคำว่า selector เป็นคนคัดเลือกและครีเอตคอนเทนต์ต่างๆ”

การซื้อหุ้นของเอ็มพิคเจอร์สฯ ตอนมีข่าวออกมาก็ฮือฮาพอสมควร?
ขันเงิน : “จริงๆ ก็อย่างที่บอกเราตั้งใจที่จะขยายสเกล ธุรกิจนี้เป็นไอเดียที่ว่าถ้าเราอยากจะโตมาแบบนี้”
ทรงพล : “ที่คุยกับพี่ขันคือ size matter จริงๆ รู้จักกันมานานแล้ว และมองว่าถ้าเผื่อเราเครื่องมือทางการเงิน ก็จะสามารถทำเอนเตอร์เทนเมนต์ในสเกลที่ใหญ่ขึ้นได้ ก็เลยคิดว่าถ้าเราจะทำอะไรที่มันเป็นโกลบอล ก็ต้องแบ็กอัปที่ดี”

เรียกว่าขันเงินเป็นนายทุน?
ขันเงิน : “เรียกได้ๆ”

หลายคนตกใจ ซื้อมา 650 ล้านบาท?
ทรงพล : “ผมอาจจะมีทีมการเงินอยู่ข้างหลัง พี่ขันลงเงินก็เหมือนเราซื้อบ้าน ไม่มีใครจ่ายเงิน 100% เราก็เป็นโมเดลแบบนั้น พี่ขันก็ลงส่วนนึง ที่เหลือเป็นเครื่องทางการเงินในการกู้เงินแล้วมาซื้อ”

ขันเงินถือหุ้นคนเดียว หรือมีพาร์ทเนอร์?
ขันเงิน : “ณ ตอนนี้ถืออยู่คนเดียวครับ ถามว่าทำไมมาทำตรงนี้ จริงๆ เราอยู่ในเอนเตอร์เทนเมนต์ (วงการบันเทิง) อยู่แล้ว ทำมา 20 ปี ไม่ว่าจะค่ายเพลง ทำหนังก็เคยทำกับเพื่อน เราก็อยากจะขยายจากเมื่อก่อนที่เราทำสเกลทำคอนเสิร์ตให้ไทยเทเนียม ทำคอนเสิร์ตให้เซาท์ไซด์ แล้วเราไม่เคยคิดว่ามันจะโตขนาดนี้ได้ ทีนี้พอเราเก็บเกี่ยวประสบการณ์มาจนอายุเท่านี้ ก็มีพี่ๆ แนะนำตอนที่คุยกันเขาเห็นไอเดียเราเยอะมากเลย แล้วทำไมไม่ทำให้มันเกิดขึ้น ผมก็บอกว่าความเสี่ยงเยอะหรือเปล่า ถ้าจะลงทุนเองจะไปได้ไหม เขาก็เลยช่วยกันคิดแผนขึ้นมาว่าจะไปทางไหนดี จะทำยังไงเพื่อจะได้เงินมาลงทุน แล้วทำให้มันขยายขึ้น ทำสเกลให้ใหญ่ขึ้น”

ทรงพล : “จริงๆ ถ้าพูดว่าเทรนด์ช่วงนี้มันเป็นเรื่อง Soft Power ซึ่งผมก็มองว่าพี่ขันอยู่ในวงการไมได้เฉพาะในเมืองไทย พี่ขันจะมีเพื่อนๆ ในเอนเตอร์เทนเมนต์อื่นๆ ด้วย เราก็มองว่าการที่จะทำคอนเทนต์ไปสู่ระดับโลกก็ต้องการเงินทุน เลยเป็นการทำงานร่วมกันและอยากจะยกสเกลให้เราสามารถไปคอนเทนต์ไทยไประดับโลกได้ ก็เริ่มที่ตัวนี้ครับ Soft Power”

...

พอพูดถึงความเป็นเอ็มพิคเจอร์สฯ คนจะนึกถึงภาพยนตร์ก่อนเลย พอมาเป็นซาเล็คต้าจะเป็นยังไง?
ทรงพล : “ซาเล็คต้า อย่างที่ผมบอกมี 4 เรื่องหลักๆ หนังเราก็จะมีการลงทุนทำ อาจจะมีการกระจายความเสี่ยงมากขึ้น เพราะธุรกิจหนังเป็นธุรกิจที่ควรจะมีการกระจายความเสี่ยง เราก็มองความร่วมมือ อย่างเรื่องแรกที่เราทำก็ลงทุนกับ ‘พี่เป็นเอก’ (เป็นเอก รัตนเรือง) ส่วนที่ 2 จะเป็นเรื่องของมิวสิก ไม่ว่าจะเป็นคอนเสิร์ต หรือว่ามิวสิกเฟสติวัลก็ดี ในส่วนที่ 3 เราอาจจะทำเฟสติวัล สร้างเฟสติวัลของกลุ่มเราเอง บางอย่างไม่เกี่ยวเพลงด้วยซ้ำ อาจจะเป็นอาร์ตเฟสติวัล หรือเฟสติวิลที่สนับสนุนให้คนรุ่นใหม่ อาจจะเป็นกีฬา หรือใดๆ แล้วก็ให้คนทั่วโลกมาเป็นผู้ชมของเราได้ สุดท้ายก็เกี่ยวกับเทคโนโลยี พี่ขันเขาโตมากับการเป็นดีเจ เขาจะรู้ว่าในกลุ่มคนจะมีความสนุกยังไง ใครจะอยู่ล้าง เราคิดว่าเอนเตอร์เทนเมนต์อย่างที่พี่ขันพูดบนเวที เพลงมันอยู่ทุกพื้นที่ไม่ว่าอีเวนต์ โฆษณา หนัง หรืออะไรก็ตาม เรามองว่าตรงนี้เราอาจจะมองมาลิงก์ได้ สมมติว่าใครอยากจะทำเฟสติวัล หรืออีเวนต์หนึ่งเขาอาจจะไม่รู้วิธี เราอาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่ไปช่วยเขา กึ่งๆ เอเจนซี่ด้วย”

คาดหวังกับผลกำไรยังไงบ้าง?
ขันเงิน : “จริงๆ แล้ว เราทำงานนะครับ เพราะฉะนั้นงานเป็นข้อพิสูจน์ครับ ผมคิดว่าพาร์ทเนอร์ของเราแต่ละคนเขาเก่งมากในด้านของเขาอยู่แล้ว ผมคิดว่ามันยากที่จะไม่สำเร็จ”

ทรงพล : “พูดง่ายๆ ในเชิงลงทุน เรามีทีมศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการอยู่แล้ว เพียงแต่ผมพูดถึงเรื่องกระจายความเสี่ยง เพราะฉะนั้นนโยบายที่เราจะทำมาเนี่ย ง่ายๆ ทุกคนรู้จักธุรกิจสตาร์ทอัพ เวลาลงทุนถ้ามีตัวนึงประสบความสำเร็จก็ได้กำไรที่ลงทุนทั้งหมด ภาพเดียวกับที่เราจะทำเอนเตอร์เทนเมนต์ เราก็จะกระจายความเสี่ยงในการลงธุรกิจหลากหลาย แล้วก็มีพาร์ทเนอร์ อันนี้เป็นภาพที่เราอยากให้เกิด ส่วนเรื่องผลกำไรเราต้องคาดหวังอยู่แล้วแหละ เพียงแต่ว่าเราเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ เราก็ต้องระวังในเรื่องนี้ ขอเอาผลงานเป็นคำตอบแล้วกันครับ กับโปรเจกต์แรกที่จะได้เห็นก็คือ เซาท์ไซด์เฟสติวัล จะได้เจอกันที่ภูเก็ต”

...

ขันเงิน : “อันนี้ โต้งทูพี ฝันมาหลายปีแล้ว พอเราได้มาทำตรงนี้ก็เลยซัพพอร์ตกัน ช่วยกันทำ ซึ่งมันเป็นฮิปฮอปเฟสติวัลที่ใหญ่ที่สุดครั้งแรกของภูเก็ต เราเป็นพาร์ทเนอร์ ส่วนโต้งเป็นผู้จัด ก็ร่วมกันจัดครับ”

งานระดับโลกที่แพลนไว้จะมีอะไรบ้าง?
ขันเงิน : “ก็มีมองภาพไว้บ้างแล้วครับ อาจจะเป็นเฟสติวัลที่มีอยู่แล้วในระดับโลก แล้วเราเอามา หรือเราอาจจะพยายามสร้างคอนเทนต์ของเราเองให้ไปโตที่อื่นได้”

ในส่วนของภาพยนต์ก็ยังมีอยู่?
ทรงพล : “ใช่ครับ ก็อย่างที่ผมบอกไป เมื่อก่อนเราอาจจะมี เอ็มพิคเจอร์สฯ เป็นผู้สร้าง แต่ภาพของผมอาจจะเปลี่ยนไปตรงที่ว่าอาจจะร่วมกับคนอื่นๆ มากขึ้น สิ่งที่ดีที่สุดของผมคือมองว่าการที่เราหาพันธมิตร เราไม่อยากมองค่ายต่างๆ เป็นคู่แข่ง เราอยากจะคิดว่าเขาคือเพื่อนร่วมในสิ่งที่เราสร้างกัน ในคอนเทนต์ต่างๆ เราเอาความเก่งและความถนัดของแต่คนที่มีแต่ละด้านมารวมกัน แล้วสามารถผลักดันให้ไปสู่ระดับโลกได้”

ไลน์อัปคอนเทนต์ทยอยปล่อยปีหน้า?
ขันเงิน : “ครับ ปีนี้จะมีเล็กๆ น้อยๆ แล้วก็จะมีรายการ Night Style เกี่ยวกับไลฟ์สไตล์ตอนกลางคืนออกมา เริ่มทำแล้ว ปีหน้าก็จะมีผังใหญ่ ต้องใช้เวลาครับ ตั้งแต่เรามาทำตรงนี้เราก็ได้คุยกับพาร์ทเนอร์เยอะมาก พยายามเรียงลำดับกันว่าอันไหนมันเกิดขึ้นได้ก่อนหลัง ปีหน้าก็มีอะไรสนุกๆ เต็มเลยที่เราวางแผนไว้แล้ว (เป็นเจ้าพ่อเอนเตอร์เทนเมนต์?) ผมว่าทำงานให้ดีที่สุดครับ สนุกที่สุด เพราะเอนเตอร์เทนเมนต์มันคือความสนุก ทุกคนไปทำงานมาหนักหน่วง ชีวิตอาจจะเจออะไร เขาต้องการคนมาเอนเตอร์เทนเมนต์ ต้องการความสนุก และผมเองก็โตมากับเมืองไทยสมัยที่มีค่ายที่ไม่ทำงานร่วมกัน ผมรู้สึกว่าเรามาจากจุดที่ว่าทำไมเราร่วมมือกันไม่ได้ ทุกคนควรจะร่วมมือกันเพื่อจะผลักดันทำให้เอนเตอร์เทนเมนต์ของเมืองไทยโตที่สุดทีจะทำได้ ก็ฝากซาเล็คต้าด้วยนะครับ”.

...