เมื่อพูดถึงเชฟหญิงในวงการอาหารไทย ก็ต้องนึกถึงผู้หญิงคนนี้เป็นคนแรก เชฟป้อม หรือ หม่อมหลวงขวัญทิพย์ เทวกุล กับลุคสุดเฮี้ยบที่ทุกคนชินตากับความดุของเธอ แต่วันนี้ขอปรับโหมดไปมุ้งมิ้งกันบ้าง ซึ่งมาพร้อมกับลูกชายหัวแก้วหัวแหวน แอร์ กุลพล สามเสน (ลูกชายคนเล็ก) มาเม้าท์คุณแม่แบบระยะเผาขน จึงขอส่งพิธีกรหญิงฝีปากกล้า เจนนิเฟอร์ คิ้ม ไปล้วงความลับถึงสถานะหัวใจ ต้องเป็นผู้ชายแบบไหนถึงกุมหัวใจเชฟหญิงได้อีกครั้ง และฟังมุมมองการเลี้ยงลูกในแบบของเชฟป้อม ปิดท้ายที่มาของชื่อเล่นของลูกทั้ง 3 คน ที่ฟังแล้วเจ๊คิ้มถึงกับกลั้นขำไม่อยู่ จะสนุกขนาดไหนไปฟังกันเลย

ที่มาของชื่อลูกชาย?
เจนนิเฟอร์ คิ้ม : พี่มีลูกชายทั้งหมด 3 คน มีชื่ออะไรบ้าง
เชฟป้อม : คนโตชื่อเอี๊ยด คนที่ 2 ชื่ออ๊าด ส่วนคนที่ 3 ชื่อแอร์
เจนนิเฟอร์ คิ้ม : (หัวเราะ) ชื่อคิดดีไม่ได้เลย เอี๊ยด อ๊าด มาจากอะไร
เชฟป้อม : เสียงเตียงลั่นปะ (หัวเราะ)

ผู้ชายแบบไหนที่จะเข้าหาแม่ได้ โดยไม่โดนแม่หยุมหัว?
แอร์ : ต้องแรงพอๆ กับเขา และต้องไม่ใช่คนเรียบร้อยเกินไป
เชฟป้อม : พี่ต้องการคนเก่ง พี่จะชอบคนที่เก่งกว่า คือเป็นผู้ชาย คุณต้องมีความเป็นผู้นำ และต้องเป็นคนที่เก่งกว่าให้เราชื่นชมเขาได้

...

เวลามีคนมาจีบแม่รู้ไหม?
แอร์ : ไม่รู้นะ ปกติเขาจะเปิดตัวช่วงใกล้จะจีบติดแล้ว หรือไม่ก็จีบติดแล้ว
เจนนิเฟอร์ คิ้ม : แฟนแม่คนล่าสุดเป็นยังไงบ้าง แอร์โอเคไหม
แอร์ : ก็โอเคนะ ดูเข้ากันได้ดี
เชฟป้อม : คนนี้คบนานเกือบ 6 ปีแล้วนะ
เจนนิเฟอร์ คิ้ม : อะไรที่ทำให้ความรู้สึกว่า คนนี้คบนานกว่าคนอื่น
เชฟป้อม : คือเขาไม่ได้มาทำตัวเป็นคู่ แต่จะทำตัวเป็นเพื่อน แต่เป็นเพื่อนที่ดูแลเราได้คือจบ และสิ่งสำคัญคือเราจะมีระยะ ซึ่งพี่เองเป็นคนที่ต้องการพื้นที่ส่วนตัว

แล้วเวลาพี่โมโห พี่เคยพูดกับเขาคำนี้ไหม ฉันบอกแล้วนะ!!?
เชฟป้อม : ใครจะดุตลอดเวลาก็บ้าสิ จริงๆ แต่เวลาพี่โมโหพี่จะนิ่ง จะดูรู้เลย หน้านี่ตึงเปรี๊ยะเลย หน้าจะออกเลยว่าโกรธ
เจนนิเฟอร์ คิ้ม : แล้วอย่างเวลาโกรธ โกรธนานไหม
เชฟป้อม : พี่จะไม่ค่อยปล่อยให้โกรธข้ามคืน เพราะวันรุ่งขึ้นเจอกันมันจะรู้สึกกระอักกระอ่วน ถ้าใครทำให้พี่ไม่มีความสุข หรือทำให้เสียใจเยอะๆ พี่ไม่โกรธเขานะ แต่ออกไปจากชีวิตพี่เลย ยิ่งโดยเฉพาะตอนนี้ แค่ทำงานก็เหนื่อยแล้ว มีอะไรก็พูดกับพี่ตรงๆ เพราะพี่เองก็เป็นคนตรงๆ ไม่ซับซ้อน

มุมมองการเลี้ยงลูกของเชฟป้อม?
เชฟป้อม : ทุกวันนี้พี่กับลูกเป็นเพื่อนกัน ถ้าพี่จะไม่บังคับลูกว่า ต้องกลับมากินข้าวบ้าน ต้องกลับมาบ้านเวลานี้ และคิดซะว่า เมื่อไรที่เขากลับมาหาเรา นั่นคือกำไรของชีวิต ซึ่งตอนนี้เรา 4 คนแยกกันอยู่หมดเลย แต่พี่ไม่เคยต้องบังคับลูกว่า เราต้องเจอกันทุกอาทิตย์ คือเดี๋ยวเขาพร้อมเมื่อไร เขามาหาเราเอง ทุกคนต่างมีชีวิตของตัวเอง ต่อให้ลูกจะโตมากแค่ไหน คนเป็นแม่ย่อมมีความห่วงลูกอยู่แล้ว อยากให้เขามีชีวิตที่มีความสุข ไม่ลำบาก ไม่มีอุปสรรคใดๆ ในการใช้ชีวิต.