‘ผมเป็นผู้บริหารที่ชอบลงรายละเอียดทำให้มีประสบการณ์ในหลายมิติ ซึ่งประสบการณ์ช่วยให้การตัดสินใจดีมากขึ้น’

รอยยิ้มและท่าทางเป็นกันเองของ อธิศ รุจิรวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจเนอรัล คาร์ด เซอร์วิสเซส จำกัด ทำให้เรานึกไม่ถึงว่ากว่าผู้บริหารคนนี้จะเดินทางมาถึงจุดนี้ไม่ใช่ง่าย แต่การจะทำให้การทำงานด้านการเงินสอดประสานเข้ากับงานอดิเรกได้อย่างลงตัว มันยากกว่า ความสำเร็จมันหอมกว่าอย่างที่ พี่อาร์ต อธิศ เล่าให้ทีมงาน Thairath Talk ฟัง

ชีวิต - หนัง เมื่อถึงทางแยก

Thairath Talk : อธิบายตัวตน อธิศ รุจิรวัฒน์

ปัจจุบันเป็นกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจเนอรัล คาร์ด เซอร์วิสเซส จำกัด สำหรับคนที่ไม่รู้ เราบริหารผลิตภัณฑ์ เซ็นทรัล เดอะวัน ให้กับเครือเซ็นทรัล ในแง่ของงานอดิเรก เป็นนักการตลาด เป็นนักสะสม และเป็นสุดยอดแฟนพันธุ์แท้ของ Star Wars

Thairath Talk : ทำไมถึงต้องเป็น Star Wars เรามองเห็นเสน่ห์ของภาพยนตร์เรื่องนี้ในแง่มุมไหน

ผมเป็นคนชอบดูหนังมากตั้งแต่เด็ก จำได้ว่าดูภาพยนตร์จนได้ความรู้ด้านภาษา และเผอิญชอบ Star Wars มากกว่าหนังเรื่องอื่น ทำให้รู้มากกว่าคนอื่นนิดนึง จริงๆ ถ้าแข่งแฟนพันธุ์แท้ภาพยนตร์ทั่วไปอาจจะไม่มีโอกาสชนะ แต่ดันไปฟลุกเรื่องนี้ ก็เลยเป็นที่รู้จักในนามแฟนตัวยงของ สตาร์ วอร์ส

ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ถ้าเป็นคนที่อายุ 40 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะผู้ชายส่วนมากจะชอบ Star Wars มันเป็นภาพยนตร์ที่ไม่เหมือนเรื่องอื่นๆ ในสมัย 1977 เป็นภาพยนตร์ที่สร้างปรากฏการณ์ใหม่ๆ ในเรื่อง Special Effect แก่นเรื่อง เนื้อเรื่อง และตัวละคร ในสมัยนั้นไม่มีภาพยนตร์เรื่องไหนที่มีครบแบบนี้ พี่เชื่อว่าตอนแรกทางสตูดิโอเองก็ไม่คิดว่ามันจะประสบความสำเร็จขนาดนี้ และสมัยที่พี่ดูอายุแค่ 9 ขวบ มันอยู่ในสายเลือดของเด็กผู้ชาย มันช่วยจุดประกายจินตนาการ สร้างอินเนอร์ในความเป็นเด็กมากๆ

...

Thairath Talk : เส้นทางกว่าจะเป็นผู้บริหารการเงินชั้นแนวหน้า

ครอบครัวเป็นนักวิชาการตั้งแต่สมัยคุณตา ครอบครัวเลยอยากให้เรียนด้านวิทยาศาสตร์ ตอนปริญญาตรีเลยเรียนด้านนี้มา แต่พอจบมาอยากทำด้านธุรกิจมากกว่า เลยมาลองทำงาน แต่ถ้าจะเปลี่ยนสายงานจากที่เรียนมา เลยกลับมาถามตัวเองว่าชอบอะไร พอดีเป็นคนชอบดูหนัง ซีรีส์ ฟังเพลง เลยเริ่มจากไปของานเขาทำที่บริษัทเคเบิลทีวีแห่งหนึ่ง จนได้เป็นคนวางผังรายการให้กับช่อง ทำตรงนี้อยู่ 3 ปีกว่า

ระหว่างนั้นก็เดินผ่านห้องที่เขียนว่า Subtitle แปลบทรายการจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย เลยเดินไปของานตำแหน่งนี้ทำ สุดท้ายได้โอกาสแปลซีรีส์ที่ไม่มีคนยอมแปล พี่เขาก็ชมว่าแปลดี หลังจากนั้นก็เริ่มงานแปลซับไตเติลเป็นต้นมา ยิ่งพอเวลาได้ไปดูภาพยนตร์ จะเห็นชื่อคนแปลตอนท้ายภาพยนตร์ เลยอยากแปลภาพยนตร์ในโรงบ้าง สุดท้ายก็ได้ทำ

แต่ก็ต้องไปเรียนต่อ จึงหยุดงานตรงนี้ไป ตำแหน่งงานที่อยากทำที่ค่ายภาพยนตร์ไม่ว่าง โชคดีหรือไม่ดีก็ไม่ทราบ เผอิญไปสมัครงานที่ธนาคาร ทำมาสัก 2 ปี พอค่ายหนังชวนให้กลับไปรับตำแหน่ง ในตอนนั้นเหมือนพี่เจอทางแยก 2 ทาง จะกลับเส้นทางที่รักอย่างภาพยนตร์ หรือทำงานด้านการเงิน แต่ในตอนนั้นก็เริ่มรัก มีความชื่นชอบในธุรกิจบัตรเครดิต และเสียดายความรู้ 2 ปีในการเรียนรู้ด้านการเงิน เลยตัดสินใจปฏิเสธค่ายหนัง นี่คือจุดเริ่มต้นในสายงานบัตรเครดิต และอยู่มาตอนนี้ก็กว่า 20 ปีแล้ว

Thairath Talk : การที่เราไม่ได้ทำงานที่ชอบอย่างภาพยนตร์ แล้วเรามีความสุขกับการทำงานหรือไม่

มากนะครับ ส่วนตัวพี่ชอบดูหนัง อีกส่วนเราชอบบัตรเครดิตมาก ใจจริงไม่คิดว่าเราจะมาถึงจุด ผู้บริหารสายการเงินได้ แต่ว่าชอบทำการตลาด รักวิชาการตลาด รู้สึกว่าการตลาดมันเป็นเรามาก เราทำอย่างเต็มที่ทุกอย่าง และบัตรเครดิตเป็นผลิตภัณฑ์เดียวของสถาบันการเงินที่สามารถเข้าถึงไลฟ์สไตล์ ได้ท้าทายการใช้จินตนาการในแง่การตลาดมากที่สุด เราเลยชอบบัตรเครดิต ไม่ได้ชอบอย่างอื่น และบัตรเครดิตมันสามารถพลิกแพลงหรือทำโปรโมชั่นที่เป็นตัวเรามากๆ

จินตนาการ ขับเคลื่อน การตลาด

Thairath Talk : เรานำความชื่นชอบทั้งการตลาดบัตรเครดิตและภาพยนตร์มาหลอมรวมกันได้อย่างไร

มีส่วนมาก ตำแหน่งงานแรกเป็นผู้ช่วยผู้จัดการดูแลบัตรเดบิต แม้เราไม่เคยมีความรู้ด้านแบงกิ้งมาก่อน เราจะผสมผสานไลฟ์สไตล์มาได้หรือไม่ เลยเริ่มจากการเอาเอนเตอร์เทนเมนต์ ภาพยนตร์ไปผสมกับโปรโมชั่นที่เราทำ เสียงตอบรับดี ผู้ใหญ่เลยไว้ใจและให้โอกาสมากขึ้น เลยต่อยอดและเติบโตในองค์กรเรื่อยๆ

Thairath Talk : ผลงานที่ทำแต่ละชิ้น เราหาแรงบันดาลใจจากอะไร

มันอยู่ในส่วนหนึ่งของชีวิต พวกงานอดิเรกเหล่านี้ ยิ่งชอบสะสมของเล่น ชอบดูหนัง แน่นอนสุดคือหาข้อมูลด้วยการอ่านนิตยสาร และอินเทอร์เน็ต รู้เทรนด์ใหม่ๆ เลยเอามาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน ยิ่งเรามีงานอดิเรกส่วนตัวเยอะ เราเลยมีความรู้มากกว่าคนอื่น

Thairath Talk : ปัจจุบันนี้มี Big Data เป็นตัวช่วยให้เราเข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้นไหม

ข้อมูลมีส่วนมาก ตลอด 20 ปีกว่าปีที่ทำงาน มันแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เมื่อก่อนเราอาจต้องการคนที่มีจินตนาการสูง แต่ปัจจุบันเราดูที่ข้อมูลที่เราหาได้จากทั้ง lifestyle ผ่าน Social Media และข้อมูลการใช้งานของลูกค้า ต้องทำ 2 อย่างพร้อมกันบวกจินตนาการเข้ากับข้อมูล มันคือจิตวิญญาณของนักการตลาด เวลาได้ข้อมูล พี่จะใส่ความเป็นตัวของเราเองเข้าไปบ้าง บางทีโปรโมชั่นมันจะมีจิตวิญญาณมากกว่า ให้ความสำคัญกับรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ให้ความสำคัญกับการตลาดแบบสร้างสรรค์ พยายามเลี่ยงโปรโมชั่นที่ใครๆ ก็ทำได้

ถอดรหัส T1 Lifestyle Code

Thairath Talk : ยกตัวอย่างกับบัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวัน ( Central The 1 Credit Card) เราใส่ตัวตนของเราลงไปอย่างไรบ้าง

...

บัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวัน ตั้งแต่คิด อยากให้เป็นบัตรไลฟ์สไตล์จริงๆ มีข้อได้เปรียบมากกว่าบัตรเครดิตอื่นๆ คือร่วมมือกับเซ็นทรัล กรุ๊ป ทำให้เรามีจุดเด่นตั้งแต่วันแรกที่เริ่มเปิดตัว เรามีจุดขายที่ชัดเจน เพราะเซ็นทรัลมีร้านในเครือกว่า 5,000 ร้านค้าที่พร้อมมอบสิทธิประโยชน์ให้กับผู้ถือบัตร

ตอนที่ทำผลิตภัณฑ์เราทำวิจัยมาก่อนกับสิ่งที่ผู้ถือบัตรต้องการ เราลงรายละเอียดทุกขั้นตอน ตั้งแต่การดีไซน์บัตร ซึ่งดีไซน์บนหน้าบัตร อาจจะไม่ถูกใจคนทุกคน เราเลยเน้นที่วัสดุของบัตรดีกว่า หาเทคโนโลยีหรือพลาสติก วัสดุที่ยังไม่เคยมีใครใช้ในประเทศไทยในสมัยนั้น เราเลยใช้ Metallic Coat ให้ดูคล้ายโลหะ อย่างคำว่า T1 บนหน้าบัตร มันคือย่อคำว่า The 1 และสร้างเรื่องราวว่ามันคือโค้ดของการใช้ชีวิต แบ่งตามหน้าบัตรสีของผู้ใช้ในแต่ละกลุ่ม

Thairath Talk : ปรับเปลี่ยนบัตรเครดิตของเราให้เข้ากับกลุ่มผู้บริโภคอย่างไร

ลูกค้าของเรามาจาก เซ็นทรัล กรุ๊ปส่วนใหญ่ เราเลยคิดว่าจะทำอย่างไรให้ลูกค้าเซ็นทรัลได้สิ่งที่ดีที่สุด นอกเหนือจากนี้คือใส่สีสัน หรือความแตกต่างในแง่ของแบรนด์และโปรโมชั่น เพื่อเสริมสิ่งที่เรามีอยู่แล้ว

Thairath Talk : กระแสตอบรับหลังจากที่ออกตัวบัตรเครดิตร่วมกับเซ็นทรัล กรุ๊ป

ดีมาก (หัวเราะ) ตลาดบัตรส่วนมากออกโดยธนาคาร เราได้ร้านค้าที่อยู่ภายใต้เซ็นทรัล กรุ๊ป กว่า 5,000 ร้านค้า จึงสามารถแตะได้ทุกกลุ่มลูกค้าทุกวัยทุกเพศ ด้วยศักยภาพของพาร์ตเนอร์เราเลยไม่มีเหตุผลที่คนจะไม่มีบัตรนี้ไว้ในกระเป๋าสตางค์ เราเลยต้องทำอย่างไรก็ได้ให้บัตรใบนี้เป็นบัตรแรกที่เขานึกถึง

Thairath Talk : ตัวช่วยเรื่องเทคโนโลยีมีส่วนช่วยมากน้อยแค่ไหน

เวลาคนถามว่าบัตรใบนี้ดีอย่างไร เราโชคดีที่เรามีพันธมิตรจากกรุงศรี คอนซูมเมอร์ และเซ็นทรัล กรุ๊ป เสมือนเราเป็นลูกครึ่งที่ได้สิ่งดีๆ มาจากพ่อแม่ ในแง่ของกรุงศรี คอนซูมเมอร์ เราให้ความสำคัญและลงทุนกับดิจิทัล เทคโนโลยี ค่อนข้างเยอะ เพราะฉะนั้นบัตรในเครือเรา 4 ล้านกว่าใบได้อะไร บัตรเครดิตเซ็นทรัล เดอะ วัน ก็จะได้ไปด้วย อย่างแอปพลิเคชัน UCHOOSE ที่ตอนนี้มียอดดาวน์โหลดมากกว่า 4 ล้านดาวน์โหลด เพิ่มความสะดวกสบายในการใช้ เช่น เช็กโปรโมชั่น ยอดใช้จ่ายผ่านบัตร สมัครบริการต่างๆ แต่ในขณะเดียวกัน เราก็ได้ Best of Central Group ด้วย เราให้คะแนนเดอะวันสูงสุดถึง 4 เท่าโดยไม่จำกัดยอดใช้จ่าย และสามารถเอาคะแนนไปแลกเป็นส่วนลดได้ทันที ซึ่งเป็นจุดเด่นที่ทำให้บัตรใบนี้แข็งแรง และสมบูรณ์แบบ

...

Passion ใจรัก จะทุ่มเท

Thairath Talk : เป้าหมายในการทำงานของคุณอธิศ

พี่เป็นคนแปลก ตอนทำงานมาตั้งแต่เริ่มทำงานด้านการเงิน เผอิญก้าวเข้ามาธุรกิจธนาคารด้วยความบังเอิญ เลยไม่ตั้งเป้าหมายว่าเราต้องมีตำแหน่งใหญ่โต เลยกลายเป็นว่าทุกวันนี้แฮปปี้และพอใจในจุดที่เรายืนอยู่มากๆ แล้ว เพราะฉะนั้นเป้าหมายไม่เคยมองว่าจะเดินไปไหนต่อ ตอนนี้พี่ได้ทำในสิ่งที่เรารักอยู่แล้ว ถ้าทำต่อไปได้เรื่อยๆ ก็คือมีความสุข ตอนที่มาทำงานที่ธนาคารตอนแรก ความตั้งใจแรกคือ สักวันถ้าเราได้เป็นผู้จัดการคงดีเนอะ เราจะได้ไม่ต้องตอกบัตร ไม่ต้องวิ่งไปรูดบัตรให้ทันเวลา ถ้าเราได้เลื่อนขั้นเป็นผู้จัดการก็คงดี ไม่ใช่ว่าเราไม่ทะเยอทะยาน แค่มองอะไรที่ใจรัก ไม่วิ่งตามตำแหน่งหรืออย่างอื่น

Thairath Talk : ความรู้สึกจากพนักงานขึ้นมาถึงผู้บริหาร มันเป็นอย่างไร

ความเชื่อมันไม่ได้ต่าง แต่พอขึ้นมาถึงระดับผู้บริหาร เปรียบเหมือนเป็นพ่อแม่คน มันเริ่มมีภาระขึ้นมา พอมาเป็นผู้บริหาร เรามีลูกค้าและหน้าที่ความรับผิดชอบ แต่ด้วยแก่นของมันคือ เราแค่หนักใจกว่าคนอื่น พอเกิดปัญหาเขาก็จะวิ่งหาเรา แต่โดยหลักการพี่ก็ยังลงรายละเอียดด้วยตัวเอง และยังคงวิ่งกลับไปหาสิ่งที่เราชอบและเป็นตัวเรา บางทีขอลูกน้องทำ เรายังอยากจะใส่ความเป็นเราลงไปด้วย อย่างพวก Artwork หรือ copy หรือโปรโมชั่น ขอตรวจสอบด้วยตัวเอง เราเชื่อว่ามันเป็นจุดขายของเรา เราก็อยากมีส่วนร่วม


Thairath Talk : ข้อแตกต่างของผู้บริหารที่ลงมือทำงานกับผู้บริหารที่นั่งโต๊ะแล้วสั่งงาน ข้อแตกต่างมันคืออะไร

พี่ว่าผู้บริหารทุกคนไม่ใช่เฉพาะพี่ มันเริ่มต้นจากการคลุกฝุ่น นอกจากเราจะทำธุรกิจครอบครัวที่ธุรกิจลงตัวอยู่แล้ว แต่ถ้าอยู่ในยุคเริ่มต้น ก็ต้องทำงานแบบนี้กันทั้งสิ้น สำหรับพี่โชคดีที่พี่อยู่ในสายบัตรเครดิตมาตั้งแต่ต้นทำงานธนาคาร พี่เลยได้ทำทุกมุมของบัตรเครดิต เช่น หาบัตรใหม่ เลือกกระเป๋า หรือแม้แต่กฎระเบียบต่างๆ ของบัตรเครดิตทั้งหมด พี่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกขั้นตอนการทำงาน มันก็เลยกลายเป็นว่าเรามีประสบการณ์และความรู้มากกว่าคนอื่น การตัดสินใจของผู้บริหารมันต้องใช้ประสบการณ์ค่อนข้างเยอะ รู้ไหม งานแรกของพี่คือเปิดตัวบัตรเดบิตครั้งแรกในประเทศนี้ ทำให้พี่เห็นอะไรหลายๆ อย่าง เรามีประสบการณ์พอที่จะตัดสินใจได้ดีกว่าคนอื่น

...

ฟันธง อนาคตตลาดบัตรเครดิต

Thairath Talk : ปัจจุบันคนไทยระมัดระวังกับการใช้จ่ายมากขึ้น ธุรกิจบัตรเครดิตมีผลกระทบมากน้อยแค่ไหน

ปีนี้นับเป็นปีที่เราดีกว่าเพื่อนๆ เราเติบโตเยอะที่สุดในประวัติศาสตร์ตั้งแต่เริ่มต้นมา 20 ปี สภาพโดยรวมอาจจะไม่ค่อยดี แต่เราเติบโตจากลูกค้ามาสมัครบัตรมากขึ้นเกือบเท่าตัวเมื่อเทียบกับปี 2018 จึงช่วยให้ยอดใช้จ่ายเพิ่มขึ้น อีกทั้งลูกค้าใช้จ่ายผ่านบัตรของเรามากขึ้นเป็นบัตรหลักในกระเป๋า เราเลยได้ส่วนแบ่งจากคู่แข่งมากขึ้นแม้ตลาดจะอยู่ภาวะหดตัว เลยทำให้ตัวเลขของเราโตเยอะมากๆ ในปีนี้ครับ

Thairath Talk : มองธุรกิจบัตรเครดิตในอนาคต 3-5 ปีข้างหน้า

ตลาดบัตรเครดิตของไทยมัน Fast Moving มากๆ มีความท้าทายซึ่งต่างกันทุกปี และไม่สามารถเดาอนาคตได้ไกลมาก เพราะสิ่งแวดล้อมมันเปลี่ยนได้ทุกเมื่อ แต่พี่เชื่อว่าดิจิทัลเทคโนโลยีมันจะเข้ามาผสมผสาน enhance ทุกอย่างแต่ตลาดบัตรเครดิตในเมืองไทยจะไม่หายไปใน 3-5 ปี และจะเกิดการเสริมพลังให้แข็งแกร่งมากขึ้น ยังไงบัตรพลาสติกจะเห็นไปอีกสักพัก คนไทยเรายังเป็นมนุษย์ที่ชอบจับ ต้องมีอะไรให้ใช้

ยิ่งปีหน้าเราจะมีเทคโนโลยี Tap & Go ก็ต้องรอดูกระแสตอบรับก่อน แต่การที่จะเอาข้อมูลบัตรไว้ในมือถือใช้งานผ่านมือถือน่าจะอีกสักระยะหนึ่ง ตลาดไทยยังค่อนข้างแปลก อะไรที่คาดว่าจะนิยมกัน กลับไม่นิยม แต่อะไรที่ดูไม่น่าจะเวิร์ก กลับมีคนใช้เยอะ ตลาดไทยจึงค่อนข้างเดาพฤติกรรมผู้บริโภคยาก ตอนนี้เป็นช่วง Test and Learn ประสบการณ์ลูกค้าจะเปลี่ยนไปเยอะ ต่อไปก็จะสมัครผ่านแอปพลิเคชันมากขึ้นหรือเปลี่ยนไปเลย

Thairath Talk : ประเทศไทยจะก้าวถึงคำว่าสังคมไร้เงินสด อย่างแน่นอน เมื่อไหร่

เป็นคำถามที่ยากแต่ดี ในมุมมองส่วนตัวคิดว่าคงอีกยาว แม้เราจะเริ่มเห็นประเทศเราก้าวสู่สังคมไร้เงินสดมากขึ้น เด็กสมัยนี้ก็ไม่ต้องจ่ายเงินสดกันแล้ว ไม่พกเงินสด แต่พี่ก็ยังเชื่อว่าประเทศเราไปสู่จุดนั้นไม่เร็วเท่าไร เพราะหลายๆ อย่างยังพึ่งพาเงินสด และคนรุ่นเก่าส่วนมากก็ยังพกเงินสดเยอะ เขายังมีความรู้สึกสบายใจที่จะใช้เงินสดมากกว่า และประเทศไทยมีธุรกิจเอสเอ็มอีค่อนข้างมาก และยังใช้เงินสดดำเนินธุรกิจกันส่วนใหญ่ ประกอบกับประเทศเราเป็นสังคมผู้สูงอายุ สัดส่วนผู้มีอายุก็ยังมีจำนวนมาก ถ้าวันหนึ่งที่เขาเริ่มจากไป คนรุ่นใหม่มากขึ้น สัดส่วนการใช้เงินดิจิทัลก็จะมีมากขึ้น

Star Wars สุดพิเศษ

Thairath Talk : เล่าถึงแคมเปญล่าสุดของ บัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวัน ที่ได้นำความชอบเรื่อง Star Wars มาประยุกต์

บัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวัน ปีนี้เราจะมีภาพยนตร์ Star Wars “The Rise of Skywalker” เป็นการจบมหากาพย์ที่ดูมากว่า 40 ปี ครั้งนี้เป็นภาคสุดท้ายจบตำนานครอบครัว Skywalker ถามว่ายิ่งใหญ่ไหม ในฐานะของคนที่ชื่นชอบ มันก็คือยิ่งใหญ่มาก และก็เป็นครั้งแรกของวงการบัตรเครดิตไทยที่ บัตรเครดิตเซ็นทรัล เดอะวัน ร่วมกับ Lucasfilm ผ่าน Disney ประเทศไทย จัดแคมเปญร่วมรณรงค์การงดใช้ถุงพลาสติก โดยใช้ถุงผ้าแทน

ผมเลยนำแนวคิดนี้มาผสมผสาน เกิดเป็นแคมเปญ Save The Galaxy ผลิตเป็นถุงผ้าลาย Star Wars ที่เป็น Limited Edition จำนวน 1 หมื่นใบเท่านั้น และด้วยเสียงตอบรับที่ดีมากๆ กว่าที่ Thairath Talk จะออน 10,0000 ใบแรกหมดแล้ว เราได้ผลิตเพิ่มอีก 5,000 ใบสุดท้าย เพื่อแฟนๆ Star Wars สมาชิกบัตรของเรา โดยมียอดใช้จ่ายสะสม 10,000 บาทในเครือเซ็นทรัล กรุ๊ป จะได้รับถุงผ้านี้มูลค่า 490 บาทไปฟรี ตั้งแต่ 1 ธ.ค.62 – 31 ม.ค.63