พล.อ.ศุภกร สงวนชาติศรไกร ประธานกรรมการองค์การเภสัชกรรม (อภ.) กล่าวว่า อภ.ได้มีการวางยุทธศาสตร์และตั้งเป้าหมายว่าต้องทำให้ อภ.เป็น อภ.4.0 โดยการนำสารสนเทศต่างๆ เข้ามาช่วยในการผลิต เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการทำงานและเป็นองค์กรที่มีธรรมาภิบาล และปลอดการคอร์รัปชัน ทั้งนี้ ยังส่งเสริมประชารัฐโดยการร่วมมือกับภาคประชาชนและเครือข่ายต่างๆในการส่งเสริมให้เกิดการสร้างอาชีพและรายได้

นพ.นพพร ชื่นกลิ่น ผอ.องค์การเภสัชกรรม กล่าวว่า ขณะนี้โรงงานผลิตยาที่รังสิตสามารถเปิดดำเนินการผลิตยาได้แล้ว และกำลังขยายการผลิตขึ้นอีกเพื่อป้องกันการขาดแคลนยา ทำให้ประชาชนเข้าถึงยาได้ นอกจากนี้ อภ.ยังมีการผลักดัน อภ.เข้าสู่ไทยแลนด์ 4.0 ทำให้เป็นองค์กรเชิงนวัตกรรมสอดคล้องกับบริบทสภาพของธุรกิจยาและสภาพแวดล้อมของสังคมที่เปลี่ยนแปลง สร้างความมั่นคงด้านยา เพื่อทำให้ประเทศชาติเกิดความมั่นคง และยั่งยืน โดยในระยะเวลา 3 ปี อภ.ช่วยประเทศประหยัดงบประมาณรายจ่ายจากยาได้ 1.3 หมื่นล้านบาท ส่วนกรณีการทำโรงงานผลิตวัคซีนไข้หวัด ใหญ่ไข้หวัดนกก็กำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการก่อสร้าง ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จและทดลองผลิตได้ในปี 2562 ขณะที่วัคซีนไข้หวัดใหญ่คาดว่าจะผลิตให้คนไทยได้ใช้ในปี 2563

“ในอนาคตยามะเร็งจะเป็นยากลุ่มใหญ่ที่เป็นความต้องการ ดังนั้น อภ.ตั้งเป้าว่าจะต้องผลิตยามะเร็งให้ได้ และหากสามารถผลิตยามะเร็งได้จะถือเป็นอีกก้าวที่จะช่วยประเทศชาติประหยัดงบประมาณได้จำนวนมาก โดยในสัปดาห์หน้าจะมีการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และบริษัทต่างประเทศในการผลิตยามะเร็งอีกด้วย” ผอ.อภ.กล่าว.