ข่าวฮือฮาอีกข่าวหนึ่งที่เกิดขึ้นระหว่างผมไม่อยู่โรงพิมพ์ที่มีการหยิบยกมาวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง ก็คือข่าวอันดับคอร์รัปชันของประเทศไทยร่วงกราว จากอันดับ 76 ลงไปอันดับ 101 นั่นแหละครับ

จะไม่ให้ฮือฮาได้ยังไงล่ะ ปี 2558 เราได้ขยับจากอันดับ 85 มาเป็น 76 ทำให้เรารู้สึกภูมิใจที่อันดับเราดีขึ้น และมีกำลังใจที่จะเดินหน้าสู้คอร์รัปชันต่อไปอีก หลังจากที่มีการรวมพลังทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน เป็นเครือข่ายในการที่จะขจัดปัญหาคอร์รัปชันมาตลอดช่วง 2-3 ปีที่แล้ว

พอมาถึงปี 2559 หรือปีที่ผ่านไป ปรากฏว่าอันดับโลกของเรากลับรูดลงไปเป็น 101 เสียนี่

ยังแย่ไปกว่าปี 2557 ที่เราเคยได้อันดับ 85 เสียอีกครับ

เท่าที่มีการแถลงของฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล โดยเฉพาะจากท่านเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.สรุปได้ว่า ในการจัดอันดับปีนี้เขาพิจารณาจากแหล่งข้อมูลรวม 9 แหล่งด้วยกัน เพิ่มจากปีกลาย ซึ่งใช้เพียง 8 แหล่งข้อมูล

ถ้าคิดเฉพาะข้อมูลเดิม 8 แหล่ง จะพบว่าประเทศไทยได้คะแนนเพิ่มขึ้น 3 แหล่ง ลดลง 4 แหล่ง เสมอตัว 1 แหล่ง

เมื่อรวมกันแล้วคะแนนเราร่วงไปเพียง 3 คะแนนเท่านั้น แต่เนื่องจากคะแนนของหลายประเทศเกาะกลุ่มกันมาก ทำให้การลดไป 3 คะแนนของเราส่งผลให้อันดับลดไปถึง 25 อันดับดังกล่าว

ความจริงท่านเลขาธิการ ป.ป.ช.ท่านมีเอกสารที่ตีพิมพ์รายละเอียด ข้อมูลทั้ง 8-9 แหล่ง มาประกอบการแถลงข่าวของท่านด้วย ซึ่งผมพยายามอ่านและตีความตามไปด้วยอยู่หลายครั้ง ต้องยอมรับว่าค่อนข้างยากเกินไปสำหรับสติปัญญาของผม

บางข้อมูลก็ฟังดูเป็นปรัชญาและเป็นความคิดเชิงนามธรรม ทำให้ไม่ค่อยเข้าใจในการให้คะแนน

แต่จะอย่างไรก็ช่างเถอะครับ เมื่อคะแนนตก ก็ต้องยอมรับว่าตก เมื่ออันดับของเรารูดลงไปก็ต้องยอมรับความจริง

...

ผมเองในฐานะที่เขียนให้กำลังใจแก่ผู้ที่ทำหน้าที่ปราบปรามคอร์รัปชัน ตลอดจนเครือข่ายองค์กรที่จะต่อสู้คอร์รัปชันทั้งระยะสั้น ระยะยาว มาโดยตลอด ก็พลอยรู้สึกเสียใจไปด้วย

เหมือนเวลาเชียร์มวยที่เราเห็นว่านักมวยเราต่อยได้ดีแล้วเชียวนา แต่กรรมการกลับให้คะแนนอีกฝ่ายมากกว่า

ผมลองมานึกย้อนหลังกลับไปดูเมื่อปีที่แล้ว ก็ยังนึกไม่ออกว่าเราชก พลาดตรงไหน เพราะฟังข่าวคราวที่แถลงกันออกมาก็บอกว่า เปอร์เซ็นต์การเรียกค่าเก๋าเจี๊ยะลดลงแล้ว ปริมาณการคอร์รัปชันซึ่งๆหน้าก็ลดต่ำลงไปมาก

ความเข้มแข็งในการรณรงค์ก็ยังมีอยู่ และในช่วงวันต่อต้านคอร์รัปชัน เราก็ยังมาผนึกกำลังกัน ทั้งภาครัฐ ภาครัฐบาล ว่าจะสู้ต่อไป โดยเฉพาะบิ๊กตู่ท่านก็ยังมาคล้องแขนกับภาคเอกชนเหมือนเดิม

ผมยังจำได้ว่าปีที่แล้วเราไปจัดงานที่สนามหลวง มีพิธีเปิดไฟไล่โกง และตั้งชื่องานว่า “กรรมสนองโกง” ด้วยบรรยากาศที่คึกคักมาก

แต่ทำไมคะแนนโดยรวมถึงได้ตกลงไปก็ไม่รู้ซี?

เพื่อนผมรายหนึ่งตั้งข้อสังเกตว่า เมื่อปีที่แล้วเรายังขึงขังก็จริงอยู่ แต่เป็นความขึงขังที่ไม่มีผลงานการปราบปรามที่แจ้งชัด

การลงมือขจัดคอร์รัปชันอย่างเป็นรูปธรรมถึงขั้นจับตัวผู้ผิดได้ ลงโทษได้ ยังไม่ค่อยปรากฏ

ภาครัฐควรจะลงมือทำให้หนักกว่านี้ เพราะพูดอย่างเดียวแถลงอย่างเดียวไม่พอเสียแล้ว ต้องทำกันจริงๆ

อย่างกรณีโรลส์รอยซ์ที่เป็นข่าวระยะนี้ แม้จะเป็นคดีเก่าไม่น่าจะมีส่วนทำให้คะแนนเราตก แต่ถ้าจัดการได้เร็ว รู้ตัวคนผิดเร็ว ลงโทษได้เร็ว อาจจะเป็นผลงานใหม่ที่มาบวกคะแนนในปี 2560 ก็เป็นได้

แต่ถ้ายังช้าอยู่ เกิดเรื่องมาตั้งหลายวันแล้ว ยังไม่รู้ว่าใครเป็นใคร รู้แค่ชื่อ ก.ไก่ ส.เสือ จะให้คะแนนขึ้น หรือที่ภาษามวยเขาเรียกว่าชกเข้าเป้า ได้อย่างไรล่ะครับ

ผมก็หวังว่าในโอกาสที่เราถูกลดอันดับลงไปเช่นนี้ จะทำให้เราทุกๆคน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง หันมาเร่งมือดำเนินการให้กระฉับกระเฉงยิ่งขึ้น เอาจริงเอาจัง หรือชกให้เข้าเป้ามากขึ้น เพื่อให้อันดับในปีหน้ากระเตื้องกลับมาอีกครั้ง

ขอให้สู้ต่อไปนะครับ ผมยังเชียร์และให้กำลังใจเหมือนเดิม.

"ซูม"