แวดวงไอทีในอินเดีย กำลังหวั่นร่างกฎหมายใหม่ของสหรัฐฯ ขอวีซ่า ประเภท H-1B ส่งผลกระทบเต็มๆ เพราะเพิ่มหลักเกณฑ์มากขึ้น ผู้มาขอวีซ่าประเภทนี้เพื่อเข้ามาทำงานในสหรัฐฯ ต้องได้รับเงินเดือนขั้นต่ำจาก 6 หมื่นดอลล์ เป็น 1.3 แสนดอลลาร์...

เมื่อวันที่ 1 ก.พ. สำนักข่าวบีบีซี รายงานนโยบายใหม่รัฐบาลทรัมป์ หวังสร้างงานให้ชาวอเมริกันกำลังส่งผลกระทบวงกว้าง เพราะขณะนี้ชาวอินเดีย โดยเฉพาะผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านไอที กำลังรู้สึกวิตกกังวลเกี่ยวกับร่างกฎหมายใหม่ของสหรัฐฯ ที่เพิ่มข้อกำหนดของผู้ประกอบวิชาชีพที่มีความเชี่ยวชาญพิเศษจากต่างชาติ ที่จะเข้ามาทำงานในสหรัฐฯ สูงขึ้นกว่าเดิม ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อผู้ที่ทำงานในแวดวงอุตสาหกรรมไอทีของอินเดียอย่างรุนแรง 

ร่างกฎหมายฉบับนี้มีเป้าหมายอยู่ที่ บรรดาบริษัทต่างๆ ในสหรัฐฯ ที่หันไปว่าจ้างพนักงานต่างชาติแทนชาวอเมริกัน ด้วยการขอวีซ่าประเภท H-1B ซึ่งเป็นเป็นวีซ่าสำหรับผู้ประกอบอาชีพที่มีความเชี่ยวชาญพิเศษ ที่สามารถเข้ามาทำงานในสหรัฐฯ นั้น ได้เสนอให้มีการเพิ่มเงินเดือนขั้นต่ำของชาวต่างชาติที่มาขอวีซ่า ประเภท H-1B ต้องได้รับเงินเดือนขั้นต่ำเพิ่มขึ้นกว่าเดิมถึง 2 เท่า จาก 60,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 2.1 ล้านบาท) เป็น 130,000 ดอลลาร์ (4.5 ล้านบาท)

...

บีบีซี แจ้งว่า โซ ลอฟเกร็น สมาชิกสภาหญิงสหรัฐฯ ที่เสนอร่างกฎหมายฉบับนี้ และขณะนี้อยู่ระหว่างการเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรนั้น ได้ระบุว่า การเพิ่มข้อกำหนดด้านเงินเดือนขั้นต่ำของชาวต่างชาติที่มายื่นขอวีซ่า ประเภท H-1B เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่านั้น มีจุดประสงค์เพื่อจะหยุดยั้งไม่ให้บริษัทต่างๆ ในสหรัฐฯ ว่าจ้างชาวต่างชาติมาทำงานแทนชาวอเมริกัน

ข่าวแจ้งว่า หลังจากมีการยื่นร่างกฎหมายใหม่ฉบับนี้เข้าสู่สภา ทำให้ กระทรวงต่างประเทศของอินเดีย ได้ออกมาแสดงความกังวลถึงเรื่องนี้ไปยังทางการสหรัฐฯ ขณะที่เจ้าหน้าที่อาวุโสของหน่วยงานด้านไอทีในอินเดีย กล่าวว่า รู้สึกผิดหวังกับร่างกฎหมายใหม่ฉบับนี้ ขณะที่ นายอามาร์ อัมภานี หัวหน้าฝ่ายวิจัยของบริษัท India Infoline ชี้ว่าถ้าร่างกฎหมายฉบับนี้ผ่านสภา จนออกมาเป็นกฎหมาย จะถือเป็นข่าวร้ายสำหรับภาคอุตสาหกรรมไอทีของอินเดียอย่างแน่นอน

บีบีซี ยังระบุว่า ตอนนี้ แท็ก H-1B ถือเป็นเทรนด์ลำดับสูงสุดบนทวิตเตอร์ในอินเดีย เพราะตามรายงานของสำนักงานพลเมืองและคนเข้าเมืองสหรัฐฯ ระบุว่า ทางการสหรัฐฯ ให้โควตาสำหรับชาวต่างชาติที่มาขอวีซ่า H-1B ปีละ 65,000 คน และในจำนวนนี้ 85% ที่ได้วีซ่าเป็นชาวอินเดีย และเข้ามาทำงานไอทีในสหรัฐฯ