ประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐอเมริกา โดนัลด์ ทรัมป์ ยังคงใช้วาทะแบบดุเดือดเข้มข้นเหมือนเดิม ในการกล่าวสุนทรพจน์ หลังสาบานรับตำแหน่ง เขาประกาศว่า “อเมริกาต้องมาก่อน” จะสร้างงานให้คนอเมริกัน ด้วยการทวงตำแหน่งงานจากต่างประเทศ นโยบายในด้านต่างๆ รวมทั้งการลงทุนภายในต้องซื้อของและจ้างงานอเมริกัน

ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวว่าประเทศอื่นๆร่ำรวยขึ้นมาด้วยการทำลายอุตสาหกรรมอเมริกัน สหรัฐฯต้องแบกรับภาระป้องกันประเทศอื่นๆที่ไม่ยอมป้องกันตนเอง แต่ความร่ำรวย ความเข้มแข็ง และความเชื่อมั่นของสหรัฐฯกลับหายไป จึงขอให้ชาวอเมริกันร่วมมือกัน เพื่อให้อเมริกาเข้มแข็งอีกครั้ง ร่ำรวยอีกครั้ง ทำให้อเมริกายิ่งใหญ่อีกครั้ง

ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯคนแรกที่ไม่เคยผ่านการเลือกตั้งใดๆ แต่มาจากนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ระดับมหาเศรษฐี จึงขาดประสบการณ์การบริหารรัฐกิจและการทูต และมีนโยบายหลายอย่างสุดโต่ง นักวิชาการบางคนวิจารณ์ว่า ช่วงที่แปลกพิสดารของประวัติศาสตร์มนุษย์ ได้เริ่มต้นขึ้นในวันที่ทรัมป์กลายเป็นผู้มีอำนาจมากสุดในโลก

ทรัมป์ถูกมองว่าเป็นนักโดดเดี่ยวนิยม และมีนโยบายกีดกันการค้า เคยขู่ว่าจะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน 45% จึงหวั่นเกรงว่าจะนำไปสู่การตอบโต้จากปักกิ่ง กลายเป็นสงครามการค้าและกระทบต่อประเทศต่างๆ รวมทั้งไทย ซึ่งมีสหรัฐฯและจีนเป็นตลาด ส่งออกสำคัญ แม้ทรัมป์อาจไม่สนใจไทยและภูมิภาคอาเซียน เหมือนกับรัฐบาลสหรัฐฯอื่นๆในอดีต

ภายใต้รัฐบาลทรัมป์ คาดว่าความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสหรัฐฯอาจไม่แน่นแฟ้นเหมือนกับในอดีต ส่วนความสัมพันธ์ด้านการทหารที่มีสัญลักษณ์สำคัญ คือการฝึกคอบร้าโกลด์ร่วมกัน ก็ลดความสำคัญลงตามลำดับ หลังจากรัฐประหารคสช. แต่รัฐบาล คสช.อาจสบายใจได้ เพราะเชื่อว่าสหรัฐฯไม่น่าจะมาจุ้นจ้านเรื่องสิทธิมนุษยชนในไทย

...

ส่วนการกีดกันการค้ารัฐบาลใหม่ของสหรัฐฯน่าจะเน้นไปที่จีน และเม็กซิโกมากกว่า ผู้เชี่ยวชาญบางคนเชื่อว่านโยบายของทรัมป์อาจเป็นผลบวกต่อไทยด้วยซ้ำ หากบางประเทศย้ายฐานการผลิตมาที่ประเทศไทย เพื่อหนีกำแพงภาษีการส่งออกไปสหรัฐฯ แต่ถึงอย่างไรก็เชื่อว่ารัฐบาล คสช.ได้เตรียมการไว้แล้ว เพื่อรับผลกระทบจากทรัมป์

ส่วนนโยบายที่อาจมีผลกระทบระดับโลก ได้แก่คำประกาศของทรัมป์ที่ว่าจะร่วมมือกับบรรดาอารยประเทศ เพื่อกำจัดกลุ่มมุสลิมสุดโต่งให้สิ้นไปจากโลกน่าจะหมายถึงกลุ่มไอเอส เป็นคำท้าทายที่แข็งกร้าว และเสี่ยงต่อการถูกตอบโต้ มีเสียงเตือนว่าถ้าทรัมป์ใช้นโยบายรุนแรง โดยไม่ฟังเสียงใคร อาจนำไปสู่สงครามใหญ่.