ตร.ยึดพลุแฟลร์ 1.9 พันอัน เจ้าของร้านโดนแจ้งข้อหามีซึ่ง ยุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ด้าน แกนนำอุลตร้าไทยแลนด์ จ่อมอบตัว ด้าน ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ยันพร้อมให้ความเป็นธรรม ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย ...
ภายหลังศาลแขวงพระนครเหนือออกหมายจับตามภาพ 2 มือจุดพลุแฟลร์ กลุ่มอุลตร้าไทยแลนด์ กองเชียร์ฮาร์ดคอร์ ในข้อหาก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญ ระหว่างการแข่งขันฟุตบอลทีมชาติไทยกับทีมชาติอินโดนีเซีย ชิงแชมป์เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2016 ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.ที่ผ่านมา ส่วนที่เหลืออย่างน้อยอีก 7 คน อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานของพนักงานสอบสวน สน.หัวหมาก ขณะที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย มีแนวคิดที่จะยึดคืนพื้นที่ของอัฒจันทร์โซนใต้ทั้งหมด ไม่ให้กลุ่มอุลตร้าไทยแลนด์ได้มีที่ยืนในสนามอีกต่อไป ด้าน พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ.ไฟเขียว ให้ตำรวจดำเนินคดีกำลังพลที่มีภาพโผล่โลกโซเชียล มีส่วนร่วมจุดพลุแฟลร์ เพราะไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย ความคืบหน้าในการติดตามตัวกลุ่มแฟนบอลทำอะไรไม่คิดกลุ่มนี้
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 21 ธ.ค. ที่ สน.บางเขน พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. กล่าวว่า ขณะนี้ตำรวจได้ไปปิดหมายเรียกนายประพจน์ ปานโพธิ์ทอง อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 132 ซอยลุงเริ่ม ถนนเอกชัย แขวงและเขตบางบอน กทม. แกนนำกลุ่มอุลตร้า ไทยแลนด์ ที่หน้าบ้านย่านบางบอน เพื่อเข้ามาให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.หัวหมาก ในฐานะพยานเพื่อระบุตัวบุคคล รวมถึงให้การในคดีจุดพลุแฟลร์ในสนามราชมังคลากีฬาสถาน โดยให้มาพบพนักงานสอบสวนภายในวันที่ 21 ธ.ค. แต่หากหลีกเลี่ยงไม่มาพบ อาจจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายได้ นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังได้รายชื่อกลุ่มผู้ก่อเหตุแล้วแต่ยังเปิดเผยไม่ได้ เชื่อว่าใน 2-3 วันนี้ จะมีข่าวดี อยากฝากไปถึงผู้ที่คิดจะทำการดังกล่าวว่าเป็นการกระทำที่จะทำให้เกิดผลเสีย 1.ภาพลักษณ์ของประเทศไทย 2.องค์กรที่ดูแลด้านฟุตบอลอาจมีบทลงโทษกับทีมชาติไทย 3.ผิดกฎหมายอาญา เจ้าหน้าที่ไม่ได้ทำงานตามกระแส ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ได้ทำงาน เชื่อว่าจะได้ตัวผู้กระทำผิดในไม่ช้านี้
“คดีนี้เริ่มชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ ใครไม่เกี่ยวข้องขอให้เข้าให้การต่อพนักงานสอบสวน สน.หัวหมากโดยเร็ว ไม่เช่นนั้นอาจจะมีความผิดข้อหาปกปิดไปด้วย ส่วนคนที่เกี่ยวข้อง ขอให้เข้าพบพนักงานสอบสวน ผู้ที่ถูกออกหมายเรียก หากไม่เข้ามาพบ มีความผิดอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน กรณีนี้ย้ำตลอด เป็นเรื่องเกี่ยวกับภาพลักษณ์จะได้มาช่วยกันเชียร์อย่างมีสติ เชียร์ในเชิงสร้างสรรค์ประเทศชาติได้ประโยชน์ คนที่ไม่เกี่ยวข้องจะได้ไม่ต้องรับผลกระทบ ถ้าไม่ทำอะไรเกินเลยขัดต่อระเบียบองค์กรเกี่ยวกับกีฬาฟุตบอล เพราะอาจจะถูกลงโทษ อะไรที่เป็นผลกระทบต่อภาพลักษณ์ควรจะหลีกเลี่ยง ช่วยกันสร้างสรรค์ในสิ่งที่ดีๆ กว่า” พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าว
ต่อมาเวลา 12.00 น. ที่ สน.หัวหมาก พ.ต.อ.ศรายุทธ จุณณวัตต์ ผกก.สน.หัวหมาก เรียกทหาร 2 นายที่ปรากฏภาพและโพสต์ข้อความเชิงสนับสนุนการจุดพลุอยู่ในเฟซบุ๊กของกลุ่มอุลตร้าไทยแลนด์มาสอบสวนประมาณ 1 ชั่วโมง โดยทั้งคู่ได้หลบนักข่าวหนีออกทางหลัง สน. ขึ้นรถเก๋งสีขาว ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีออส ทะเบียน 5 กด 5800 กรุงเทพมหานครออกไป ขณะที่พนักงานสอบสวนนายหนึ่งเปิดเผยว่า ตำรวจเรียกทุกคนที่ปรากฏในเฟซบุ๊กของกลุ่มอุลตร้าที่โพสต์ข้อความตอบโต้กันถึงการจุดพลุในสนามวันนั้นมาสอบสวนในฐานะพยาน เพื่อทราบรายละเอียดว่าวันนั้นเขาทำอะไร อยู่จุดไหน ซึ่งทหารทั้ง 2 นายให้ความร่วมมือด้วยดี โดยให้การว่า วันนั้นมาเชียร์บอลจริง แต่ไม่ได้ร่วมจุดพลุ อย่างไรก็ตาม หากมีหลักฐานเพิ่มเติมสามารถเชิญตัวมารับทราบข้อกล่าวหาภายหลังได้
ต่อมา พ.ต.ท.นพพร ศรีสุชาติ รอง ผกก. (สอบสวน) สน.หัวหมาก ได้เชิญแม่บ้านของการกีฬาแห่งประเทศไทย พยานที่ไปทำความสะอาดพื้นที่บริเวณที่กองเชียร์อุลตร้าไทยแลนด์จุดพลุแฟลร์ แล้วพบเศษซากพลุต่างๆ มาสอบปากคำยืนยันว่า ไม่ใช่สิ่งที่ถูกทิ้งไว้มานานแล้ว แต่เพิ่งพบหลังแมตช์การแข่งขันนี้
ขณะที่ พ.ต.อ.ศรายุทธ จุณณวัตต์ ผกก. สน.หัวหมาก เปิดเผยว่า ได้เรียกแม่บ้านประจำสนามกีฬา และพนักงานรักษาความปลอดภัยในโซนเกิดเหตุมาสอบปากคำในฐานะพยาน โดยฝ่ายสืบสวนได้ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด บริเวณประตูทางเข้าสนามฟุตบอลมาเทียบเคียงกับบุคคลในภาพขณะจุดพลุแฟลร์ รวมทั้งนำภาพจากโซเชียลมายืนยัน โดยนำมาตรวจสอบรายชื่อจากพยานที่เกิดเหตุว่าเป็นบุคคลเดียวกันหรือไม่ ก่อนสรุปผล ออกหมายเรียกบุคคลตามภาพมาสอบปากคำต่อไป
มีรายงานว่า สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศ ไทยฯได้ส่งรายชื่อแกนนำและสมาชิกกลุ่มอุลตร้า ไทยแลนด์มาให้พนักงานสอบสวนแล้ว พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างทำหมายเรียกเพื่อมาให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ และในวันนี้ได้เรียกตัวคนขายพลุออนไลน์เข้ามาให้ปากคำเพิ่มเติมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย อยู่ระหว่างเดินทางจาก จ.ลำปาง เข้ากรุงเทพมหานคร
วันเดียวกัน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า มอบหมายให้ พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น.ดูแลอยู่ ได้สั่งการไปหมดแล้ว เบื้องต้นรู้ตัวทั้งหมดกลุ่มป่วนมีอยู่กลุ่มเดียว กลุ่มเก่าๆ กลุ่มแฟนคลับของกลุ่มฟุตบอลนี่แหละ ดังนั้นทางที่ดีออกมามอบตัวดีกว่า อย่างไรก็ตาม สำหรับนายประพจน์ ปานโพธิ์ทอง แกนนำที่ถูกออกหมายเรียกให้มาพบพนักงานสอบสวน
ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อเวลา 18.00 น.วันเดียวกัน นายประพจน์ ยังไม่ปรากฏตัวหรือติดต่อกลับมายังพนักงานสอบสวน สน.หัวหมาก แต่อย่างใดท่ามกลางสื่อมวลชนที่ยังปักหลักรออยู่ที่โรงพัก เพราะมีรายงานว่า พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ผบก.น.4 จะเดินทางมาติดตามความคืบหน้าที่ สน.หัวหมาก
ในค่ำวันเดียวกันนี้ ด้าน พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า นับตั้งแต่ที่ได้ประสานงานกับ ผบ.ตร. และ ผบช.น.พร้อมส่งมอบข้อมูลที่ได้จากแฟนบอลให้แล้ว ตอนนี้ทราบว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ เพื่อที่จะออกหมายจับ ในส่วนนี้ต้องให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ อย่างไรก็ตาม หากเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องการที่จะเรียกตัวแทนจากสมาคมฟุตบอลบอลฯเข้าให้ปากคำในฐานะผู้เสียหายหรือพยานก็พร้อมที่จะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่
ทั้งนี้ เมื่อเวลา 21.00 น. ที่ สน.หัวหมาก พล.ต.ท.ศานิตย์, พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ผบก.น.4 พร้อมด้วย พ.ต.อ.มานพ น่วมลิวงศ์ รอง ผบก.น.4 พ.ต.อ.ศรายุทธ จุณณวัตต์ ผกก.สน.หัวหมาก พ.ต.อ.ศุภชัจจ์ เปี่ยมมนัส ผกก.สส.บกน.4 โดย พ.ต.อ.ศรายุทธ ได้เรียกประชุมสืบสวน สน.หัวหมาก เร่งติดตามคดี
โดย พล.ต.ท.ศานิตย์ เปิดเผยว่า คดีดังกล่าวตำรวจทำงานกันตลอดเวลา และล่าสุดได้ไปตรวจค้นร้านที่จำหน่ายพลุ ในย่านเชียงกง บางนา หลังทราบว่าเป็นร้านที่ขายพลุให้กับกลุ่มอุลตร้า ไทยแลนด์ สามารถตรวจยึดพลุได้ 1,950 อัน และได้จับกุมผู้ต้องหาที่เป็นผู้จำหน่ายพลุดังกล่าวให้กับกลุ่มที่ไปจุดที่สนามกีฬาราชมังคลากีฬาสถาน ในเบื้องต้นได้แจ้งข้อหานำเข้ามา สั่งเข้ามา ผลิตมีซึ่ง ยุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจาก ปลัดกระทรวงกลาโหม โทษจำคุก 5 ปี ปรับ 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
...
ทั้งนี้ มีรายงานข่าวว่า นายประพจน์ แกนนำกลุ่มอุลตร้า ไทยแลนด์ ได้ติดต่อเข้าพบพนักงานสอบสวน สน.หัวหมากแล้วในวันนี้ ซึ่งผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ยืนยันพร้อมให้ความเป็นธรรมกับทุกคนที่เกี่ยวข้อง โดยจะไม่ดำเนินการกับใคร ด้วยอคติหรือความรู้สึก เพราะทุกอย่างต้องดำเนินอยู่บนหลักฐานและขั้นตอนของกฎหมาย