ว่าที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เผยเมื่อ 8 ธ.ค.ว่า สหรัฐฯ จำต้องพัฒนาความสัมพันธ์กับจีน แม้เคยวิจารณ์เกี่ยวกับนโยบายทางเศรษฐกิจของจีนและความล้มเหลวช่วยเรื่องเกาหลีเหนือ ทรัมป์ยังย้ำถึงนโยบายที่หาเสียงไว้ว่าสหรัฐฯและแรงงานชาวอเมริกันต้องได้ผลประโยชน์ทั่วทุกมุมโลกก่อนเป็นอันดับแรก และมุ่งเป้าสองข้อคือซื้อของอเมริกันและว่าจ้างชาวอเมริกัน รวมถึงเดินหน้ากดดันบริษัทเอกชนไม่ให้ย้ายงานไปต่างประเทศ

นอกจากนี้ ทรัมป์ยังประกาศชื่อนายแอนดี้ พุซเดอร์ ผู้บริหารร้านฟาสต์ฟู้ดเป็นรัฐมนตรีกระทรวงแรงงาน ซึ่งพุซเดอร์คัดค้านความพยายามของพรรคเดโมแครตที่จะเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำเป็น 15 เหรียญสหรัฐฯ และเคยสนับสนุนให้นายจ้างใช้เทคโนโลยีหุ่นยนต์แทนแรงงานเพื่อรักษาต้นทุนค่าแรง

ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดี มิเชล เทเมอร์ แห่งบราซิล เตรียมต่อสายคุยกับทรัมป์สัปดาห์หน้า เพื่อหาช่องทางด้านธุรกิจ หลังค่าเงินเรียลของบราซิลอ่อนตัวลง ซึ่งอาจช่วยเพิ่มสัดส่วนการตลาดในสหรัฐฯ หากทรัมป์ปฏิบัติตามที่สัญญาจริงทั้งขอเจรจาการค้าใหม่หรือถอนตัวออกจากข้อตกลงการค้าอเมริกาเหนือ ขณะที่กลุ่มอุตสาหกรรมผู้รับเหมาช่วง (outsourcing) ซึ่งดูแลรับผิดชอบงานแทนกลุ่มบริษัทสหรัฐฯในฟิลิปปินส์ที่กำลังเติบโตขนาดใหญ่เริ่มวิตกกังวล ทั้งจากคำขู่ของประธานาธิบดี โรดริโก ดูเตร์เต ที่ต่อต้านอเมริกันและคำพูดของทรัมป์.