"บิ๊กเจี๊ยบ" ลงใต้ติดตามการปฏิบัติงานในพื้นที่ พบในรอบปีที่ผ่านมาสถิติเหตุการณ์-การสูญเสียต่ำสุดในรอบ 12 ปี ย้ำปีหน้ายึดยุทธศาสตร์ความมั่นคง จชต. เร่งรัดทุกหน่วยดำเนินการ 7 เรื่องให้เป็นรูปธรรม
เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะรองผู้อำนวยการ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมและติดตามผลการปฏิบัติงานของหน่วยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยได้รับฟังการบรรยายสรุปจากทุกฝ่ายที่ กอ.รมน.ภาค 4 สน. อ.ยะรัง จ.ปัตตานี และได้ตรวจเยี่ยมการบูรณาการกล้องวงจรปิดของศูนย์ควบคุมกล้องวงจรปิด (CCTV) กอ.รมน.ภาค 4 สน.อีกด้วย
โดย พ.อ.พีรวัชฌ์ แสงทอง โฆษก กอ.รมน. กล่าวว่า จากผลการดำเนินงานแก้ไขปัญหาจังหวักชายแดนภาคใต้ในรอบปีที่ผ่านมาในภาพรวม มีสถิติเหตุการณ์และการสูญเสียต่ำที่สุดในรอบ 12 ปี เมื่อเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ตั้งแต่ ปี 2547 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งเป็นการชี้ให้เห็นถึงความปลอดภัยและความร่วมมือของพี่น้องประชาชนมากขึ้นตามลำดับในทุกๆ ด้าน ทั้งนี้การแก้ไขปัญหา จชต.ในปีงบประมาณ 2560 กอ.รมน.ยังคงยึดถือยุทธศาสตร์ความมั่นคงจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นกรอบแนวทางการดำเนินงาน
โดยมีการปฏิบัติที่สำคัญที่ทุกหน่วยต้องเร่งรัดให้เกิดผลเป็นรูปธรรม 7 เรื่อง ได้แก่ 1.การสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย ให้พี่น้องประชาชนทุกภาคส่วนดำเนินวิถีชีวิตและการประกอบอาชีพได้อย่างเป็นปกติสุข รวมทั้งมีสภาพที่เกื้อกูลต่อการพัฒนาตามนโยบายของรัฐบาล ตามโครงการ สามเหลี่ยม มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน โดยทุกหน่วยจะต้องบูรณาการการใช้กำลังและกำหนดมาตรการให้สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายและพื้นที่ 2.การปฏิบัติงานด้านการข่าว จัดให้มีการบูรณาการฐานข้อมูลด้านการข่าวร่วมกัน และการจัดตั้งแหล่งข่าวภาคประชาชน ตลอดจนนำเครื่องมือและระบบเฝ้าตรวจที่มีอยู่ในพื้นที่ นำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดทั้งในการป้องกัน/ปราบปราม และคลี่คลายสถานการณ์ 3.การลดและขจัดเงื่อนไขที่เป็นสาเหตุของความรุนแรงในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ให้เป็นไปตามกรอบของกฎหมาย และระมัดระวังการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างเด็ดขาด รวมถึงการสร้างความมั่นใจแก่พี่น้องประชาชนในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่
...
พ.อ.พีรวัชฌ์ กล่าวต่อว่า 4.การสร้างสภาพแวดล้อมที่เกื้อกูลต่อการพูดคุย ด้วยการจัดให้มีพื้นที่กลางเพื่อให้ทุกกลุ่มทุกฝ่ายสามารถเข้ามาแสดงความคิดเห็นต่อสภาพปัญหาในพื้นที่และแนวทางการแก้ไขปัญหา 5.การพัฒนาศักยภาพคนและพื้นที่ ทุกส่วนต้องเร่งรัดการพัฒนาให้คนในพื้นที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ประชาชนในพื้นที่ต้องมีรายได้ที่ดีขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา รวมถึงเยาวชนต้องมีโอกาสด้านการศึกษาที่หลากหลายและสอดคล้องกับวัฒนธรรมและวิถีชีวิตท้องถิ่น โดยเยาวชนที่อยู่นอกระบบการศึกษาต้องลดลง 6.การสร้างความเข้าใจ ทุกหน่วยต้องแสวงหาความร่วมมือและสร้างความเข้าใจระหว่างกันแก่ทุกภาคส่วนทั้งภายในประเทศ และต่างประเทศที่เข้ามาดำเนินกิจกรรมในพื้นที่ และ 7.การให้มีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ให้ กอ.รมน.ภาค 4 สน. และ ศอ.บต.ทยอยถ่ายโอนการบริหารจัดการพื้นที่ให้กับส่วนภูมิภาค และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้มากยิ่งขึ้น รวมทั้งเปิดโอกาสให้ประชาชนในระดับชุมชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาและพัฒนา
พ.อ.พีรวัชฌ์ กล่าวอีกว่า พล.อ.เฉลิมชัย ได้เน้นย้ำให้หน่วยงานส่วนราชการที่เกี่ยวข้องมุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพกำลังทหารพราน และ อส.ให้มีขีดความสามารถรอบด้าน เช่น งานด้านการข่าว งานด้านกิจการพลเรือน เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อเป็นการบูรณาการการใช้กำลังในการดำเนินการสร้างสภาวะแวดล้อมให้ปลอดภัยมีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น และเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่พี่น้องประชาชนในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่อีกด้วย.