“ถ้าทุจริตแม้แต่นิดเดียวก็ขอแช่งให้มีอันเป็นไป พูดอย่างนี้หยาบคายแต่ว่าขอให้มีอันเป็นไปถ้าทุจริต ถ้าไม่ทุจริตและมีความตั้งใจธรรมขอให้ต่ออายุได้ถึง 100 ปี ถ้าอายุมากแล้วก็แข็งแรง แล้วทุจริตประเทศไทยจะรอดพ้นอันตรายอย่างมาก เพราะรู้ว่าที่ที่ทำด้วยความตั้งใจ”
“เพียงแค่นี้จะให้พรให้อายุยืนเท่าไรๆก็ไม่มีประโยชน์ เพราะรัฐบาลยังไม่ให้ต่ออายุก็ขอให้อย่างน้อยถึงอายุ 60 ท่านแข็งแรงไม่มีไข้เจ็บอะไร ให้ปลอดภัยให้สามารถทำงานต่อไป”
พระราชดำรัสตอนหนึ่งที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหา ภูมิพลอดุลยเดชพระราชทานแก่ผู้ว่าราชการจังหวัดที่ผ่านการอบรมหลักสูตรผู้ว่าราชการจังหวัดบูรณาการ (ผู้ว่าฯซีอีโอ)
เมื่อวันที่ 3 ต.ค.2546 ณ วังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์
“ที่ใช้คำว่าผู้ว่าฯซีอีโอก็เข้าใจว่าจะให้ทุกคนมีความรู้ทั่วทุกอย่างและเมื่อมีปัญหาอะไรก็จะแก้ปัญหาได้ อันนี้เคยถามทางซีอีโอว่าท่านจะรู้ได้อย่างไร ท่านบอกว่าก็ขอให้รองผู้ว่าฯหรือนายอำเภอทำตามปัญหาที่มีอยู่”
“ไม่ใช่ผู้ว่าฯ ผู้ว่าฯไม่ต้อง ไม่ต้องมีความรู้อะไรเลย”
“อันนี้ก็มีปัญหา อะไรที่จะมีผู้ว่าฯซีอีโอ เพราะว่าซีอีโอนี้เข้าใจว่าเป็นผู้ที่มีคำสั่งได้ คนไทยมีคำสั่งได้ ไม่เข้าใจในงาน ไม่รู้รายละเอียดของงานก็ลำบาก ทำไม่ได้”
“แต่เข้าใจว่าท่านได้ผ่านอบรมมา และมีผู้ที่เป็นผู้อบรม มีคุณภาพ ตั้งแต่นายกฯและผู้เชี่ยวชาญชาวต่างประเทศมาสอนท่านและท่านเข้าใจในการสอนนั้น ถ้าทำอย่างนั้นได้ก็ไม่ต้องให้โอวาทอะไรเลย เพราะว่าโอวาทนั้นจะมีไว้สำหรับคนที่ไม่รู้เรื่อง แต่ท่านก็รู้เรื่อง”
“แต่อยากจะสรุปหน้าที่ของท่านว่าท่านจะต้องปกครอง”
...
คำว่า “ปกครอง” นี้ก็หมายความว่าจัดการให้ผู้ใต้บังคับบัญชาและประชาชนมีความเรียบร้อย มีความสามารถที่จะดำเนินชีวิตอย่างดี เพื่อให้ดำเนินชีวิตอย่างนั้นจะต้องมีความรู้ในทั้งหลักวิชาการต่างๆ
“อีกข้อหนึ่งของซีอีโอ ข้อสุดท้ายคือประสานนั้น ต้องประสานงานไม่ใช่ประสานงา โดยมากเอะอะอะไรขึ้นก็ประสานงากันแล้วก็มีการทุจริต ทำอย่างไรจึงจะปราบทุจริตได้ ปราบทุจริตจะว่าเป็นเรื่องของตำรวจ เรื่องของศาลเป็นเรื่องของพระ”
“ไม่ใช่เรื่องของผู้ว่าฯซีอีโอ”
“อย่าให้ข้าราชการชั้นไหนชั้นใด ข้าราชการหรือประชาชนมีการทุจริต ถ้ามีทุจริตแล้วบ้านเมืองพัง”
“ที่เมืองไทยพังมาเพราะมีการทุจริต”
ครับ...นอกจากพระองค์ท่านจะให้แง่คิดในการทำงาน การเข้าใจในภาระหน้าที่ โดยเฉพาะข้าราชการฝ่ายปกครองซึ่งจะต้องจัดการให้ผู้ใต้บังคับบัญชาและจะต้องทำให้ประชาชนมีความเรียบร้อย มีความสามารถที่จะดำเนินชีวิตอย่างดี
เพื่อให้ดำเนินชีวิตอย่างนั้นจะต้องมีความรู้ในหลักวิชาต่างๆ
นั่นคงจะหมายความว่าแม้ผู้ว่าฯซีอีโอจะได้รับการฝึกอบรมในหลักวิชาการต่างๆแล้วจะต้องมีความสามารถในการปกครองด้วยมิฉะนั้นก็ไม่มีประโยชน์อันใด
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ “การทุจริต”
เป็นเรื่องสำคัญที่สุดแม้จะปกครองเก่ง มีความรู้ความสามารถ แต่ถ้าหากทุจริตก็ไม่มีประโยชน์อันใด
อีกทั้งเมื่อผู้ว่าฯซีอีโอซึ่งมีอำนาจสูงสุด แต่ประพฤติปฏิบัติตัวไม่ดีทุจริตคอร์รัปชันและแน่นอนก็คือเมื่อ “นาย” ทำได้ “ลูกน้อง” ก็ทำได้ไม่ต่างกับคำว่า “ถ้าหัวยังส่าย หางก็กระดิก”
“ทุจริต” เป็นปัญหาใหญ่ที่สุดปัญหาหนึ่งของประเทศไทยที่พระองค์ท่านเล็งเห็นอย่างชัดเจนถึงกับ “ขอแช่งให้มีอันเป็นไป”...
แล้วพวกเราจะปล่อยให้เป็นไปอย่างนั้นหรือ?
“สายล่อฟ้า”