ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งนักการเมือง มีคำสั่งให้ทรัพย์สินบ้านหรูพร้อมที่ดินจำนวน 3 ไร่ มูลค่า 16 ล้าน ของ "สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล" แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา เป็นของแผ่นดิน หลังชี้แจงไม่ได้ว่าใช้เงินจากส่วนใดในการก่อสร้าง
วันที่ 29 ก.ย. เวลา 14.30 น. นายชาติชาย อัครวิบูลย์ รองประธานศาลฎีกา ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวน พร้อมองค์คณะ 9 คน อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อม.74/2558 ที่อัยการสูงสุด (อสส.) ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งริบทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นผิดปกติของ นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล หรือเสี่ยตือ อดีต รมว.ศึกษาธิการ และอดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา ผู้ถูกกล่าวหาว่า มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ จำนวน 16 ล้านบาท ตกเป็นของแผ่นดิน กรณีสืบเนื่องจาก คณะกรรมการป้องกันและปราบการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติเสียงข้างมาก เมื่อวันที่ 28 พ.ค.58 ชี้มูลความผิด จากการไต่สวนกรณีการร่ำรวยผิดปกติของนายสมศักดิ์ ซึ่งจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริง ที่ไม่แสดงบ้านพักเลขที่ 5/5 ต.ไผ่จำศีล อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง ที่ปลูกสร้าง เมื่อปี 2541 ช่วงที่นายสมศักดิ์ เป็น รมช.ศึกษาธิการ และก่อสร้างจนแล้วเสร็จเมื่อปี 2544 ในช่วงที่นายสมศักดิ์เป็น รมว.ศึกษาธิการ โดยใช้เงินค่าก่อสร้าง 16 ล้านบาท
โดยคำร้องอัยการสูงสุด ระบุพฤติการณ์สรุปว่า นายสมศักดิ์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา ผู้ถูกกล่าวหา ได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็น รมช.ศึกษาธิการ เมื่อวันที่ 14 พ.ย. 2540 โดยพ้นจากตำแหน่งดังกล่าว เมื่อวันที่ 9 ก.ค. 2542 และในวันเดียวกันนั้น ได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็น รมว.ศึกษาธิการ และพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 5 ก.พ. 2544 โดยผู้ถูกกล่าวหาเริ่มก่อสร้างบ้านหลังดังกล่าว ตั้งแต่เดือน ส.ค. 2541 โครงสร้างบ้านเสร็จในเดือน เม.ย. 2542 และมีการก่อสร้างตกแต่งภายใน-ภายนอกอาคารเสร็จสมบูรณ์ปลายปี 2542 ซึ่งถือได้ว่า บ้านหลังดังกล่าว มีมูลค่า 16 ล้านบาท ได้มาในระหว่างดำรงตำแหน่ง รมว.ศึกษาธิการ เมื่อพิจารณารายได้และฐานะของผู้ถูกกล่าวหาตามบัญชีรายการแสดงทรัพย์สินและหนี้สิน ที่ยื่นต่อ ป.ป.ช. กับแบบแสดงรายการภาษีเงินได้ที่ยื่นต่อกรมสรรพากร ผู้ถูกกล่าวหาไม่มีรายได้เพียงพอที่จะมาก่อสร้างบ้านหลังดังกล่าว ถือว่าได้บ้านมาโดยร่ำรวยผิดปกติ จึงขอให้บ้านหลังดังกล่าวตกเป็นของแผ่นดิน
...
นายสมศักดิ์ ผู้ถูกกล่าวหา ยื่นคำคัดค้านอ้างข้อกฎหมายว่า คำร้องเคลือบคุม อัยการสูงสุดผู้ร้องไม่มีอำนาจยื่นคำร้อง คดีขาดอายุความ และโต้เถียงข้อเท็จจริงว่า โครงสร้างบ้านหลังดังกล่าวเสร็จตั้งแต่เดือนเม.ย. 2542 ก่อนที่จะได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นรมว.ศึกษาธิการ เงินที่ใช้เป็นเงินที่พรรคชาติไทยและผู้ที่เคารพนับถือให้การสนับสนุนในการลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ระหว่างปี 2529-2539 ซึ่งตนเองมีเงินส่วนนี้เหลืออยู่ประมาณ 56 ล้านบาท ศาลเริ่มการไต่สวนเมื่อวันที่ 13 ก.ค. 2559 ซึ่งผู้ร้องและผู้ถูกกล่าวหามีพยานรวม 14 ปาก ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาเสร็จวันที่ 14 ก.ย. 2559
องค์คณะ ฯ พิจารณาพยานหลักฐานแล้ว เห็นว่า การดำเนินคดีของศาลฎีกาฯ ใช้ระบบการไต่สวน ศาลมีหน้าที่ตรวจคำร้อง หากผู้ถูกกล่าวหาไม่เข้าใจข้อหา อาจแถลงให้ศาลสั่งผู้ร้องชี้แจงเพิ่มเติมได้ เมื่อศาลมีคำสั่งรับคำร้องนั้นไว้พิจารณาคดี จึงไม่มีประเด็นเรื่องคำร้องเคลือบคุมให้ต้องวินิจฉัย ซึ่งคดีกล่าวหาว่าร่ำรวยผิดปกติเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน ไม่ใช่เป็นผลที่เกิดจากการก่อหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ การยื่นคำร้องขอให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินจึงไม่มีอายุความ ส่วนประเด็นปัญหาข้อเท็จจริงนั้น พยานหลักฐานของผู้ถูกกล่าวหาขัดแย้งกันเอง และขัดแย้งกับที่พยานเคยให้การต่อ ป.ป.ช. จึงไม่มีน้ำหนักให้รับฟัง และที่ผู้ถูกกล่าวหาอ้างว่าได้บ้านมาก่อนการดำรงตำแหน่ง รมว.ศึกษาธิการ ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า การก่อสร้างบ้านได้ทำต่อเนื่องจนเสร็จสมบูรณ์เมื่อปลายปี 2542 นอกจากนี้ ผู้ถูกกล่าวหาได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.ปี 2539 และพ้นจากตำแหน่งรมว.ศึกษาธิการเมื่อวันที่ 5 ก.พ. 2544 ซึ่งความหมายคำว่า “เจ้าหน้าที่ของรัฐ” และคำว่า “ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง” ตามมาตรา 4 ของพ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 หมายรวมถึงนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ส.ส. ดังนั้น ตั้งแต่ที่ผู้ถูกกล่าวหาได้รับเลือกเป็น ส.ส.ปี 2539 จนพ้นจากตำแหน่ง รมว.ศึกษาธิการ ในวันที่ 5 ก.พ. 2544 ผู้ถูกกล่าวหาจึงมีสถานะเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา เมื่อผู้ถูกกล่าวหาได้บ้านดังกล่าวมาในระหว่างเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ และไม่อาจนำสืบให้เห็นได้ว่า บ้านดังกล่าวได้มาโดยไม่ได้เกิดจากการร่ำรวยผิดปกติ จึงเป็นการได้มาซึ่งทรัพย์สินโดยมิชอบนั้น และยังขัดต่อความสงบเรียบร้อยศีลธรรมอันดีของประชาชน ซึ่งตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ ให้ศาลสั่งทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินได้ องค์คณะจึงมีมติเอกฉันท์พิพากษาให้บ้านพักเลขที่ 5/5 ต.ไผ่จำศีล อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง มูลค่า 16 ล้านบาท ซึ่งปลูกอยู่บนที่ดินโฉนดเลขที่ 14360 ต.ไผ่จำศีล อ.วิเศษชัยชาญ เนื้อที่ 3 ไร่ 24.1 ตร.ว. ตกเป็นของแผ่นดิน
ขณะที่ นายสมศักดิ์ อดีต รมว.ศึกษาธิการ ซึ่งวันนี้เดินทางมาฟังคำพิพากษา กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า ยอมรับคำวินิจฉัยของศาลที่เป็นไปตามกติกาบ้านเมือง ซึ่งตนเป็นนักการเมืองต้องเคารพกติกา ส่วนคำวินิจฉัยของศาลผูกพันอนาคตทางการเมืองหรือไม่นั้น ก็ต้องเป็นไปตามกติกา ไม่มีปัญหาอะไร