ตร.จริงจับ ตร.เก๊ อส. ผันตัวเป็นโจร ตระเวนงัดร้านมือถือ กระเป๋าแบรนด์เนมทั่วเมืองอุดรฯ ขัดขืนยิงต่อสู้ขณะขับเก๋งมาจอดรับเมียหลวงที่ศูนย์การค้า แล้วซิ่งหลบหนีทิ้งรถ หายตัวไร้วี่แวว ค้นห้องเมียน้อย แสบไม่แพ้กัน พบของกลางเพียบ เตรียมนำไปขาย...

เมื่อเวลา 01.30 น. วันที่ 9 ก.ย. ร.ต.อ.อรรคพล ยี่เกาะ รอง สว.สส.สภ.เมืองอุดรธานี นำกำลังพร้อมหมายจับศาลจังหวัดขอนแก่นที่ จ. 142/2556 ลงวันที่ 25 เมษายน 2559 ข้อหา "ลักทรัพย์นายจ้าง" เพื่อเข้าจับกุมนายสมศักดิ์ แก้วคอนไทย อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 98 หมู่ 1 ต.ท่ามะปราง อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ที่หอพักแห่งหนึ่ง ในซอยกำนัน ถนนนิตโย เขตเทศบาลนครอุดรธานี แต่นายสมศักดิ์ไหวตัวทัน ได้ขับรถเก๋งฮอนด้า อเมซ สีดำ หมายเลขทะเบียน กร 6525 อุดรธานี หลบหนีและไปจอดที่ลานจอดรถซอย 3 ศูนย์การค้ายูดีทาวน์ เพื่อรอรับภรรยาคนแรกที่ทำงานอยู่ร้านกาแฟแห่งหนึ่งในศูนย์การค้าดังกล่าว

ร.ต.อ.อรรคพล ได้ใช้รถยนต์กระบะจอดปิดท้ายรถเก๋งนายสมศักดิ์ รออยู่ประมาณ 10 นาที ตำรวจจึงเดินลงจากรถ เพื่อเข้าไปเพื่อจับกุม แต่นายสมศักดิ์ชักปืนออกมายิงใส่กลุ่มตำรวจ เพื่อเปิดทางหลบหนี โดยถอยรถเก๋งชนรถตำรวจที่จอดปิดทาง 4 นัด ตำรวจจึงตัดสินใจยิงยางรถยนต์ แต่นายสมศักดิ์ไม่ยอมหยุด ได้ขับรถหลบหนีทางถนนรอบเมือง ตำรวจได้ขับรถติดตามและยิงยางรถยนต์ทั้ง 3 ล้อ จนได้รับความเสียหาย รถเสียหลักตกลงร่องกลางถนน นายสมศักดิ์ได้ทิ้งรถวิ่งหลบหนีข้ามคลองเข้าไปหมู่บ้านทรัพย์สมบูรณ์ ต.หนองบัว ตำรวจปิดล้อมหา 2 ชั่วโมง แต่ก็ไม่พบ และตรวจค้นภายในรถพบชุดเครื่องแบบตำรวจ 2 ชุด อุปกรณ์การงัดแงะ

ต่อมาตำรวจได้ไปตรวจค้นห้องพบ น.ส.วนิดา อินทร์บุดดี อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 135 หมู่ 4 ต.หว้าทอง อ.ภูเวียง จ.ขอนแก่น ภรรยาคนที่ 2 ของนายสมศักดิ์ แสดงตัวเป็นเจ้าของห้องพัก และนำตรวจค้น พบกระเป๋าแบรนด์เนม 30 ใบ มูลค่า 5 แสนบาท โทรศัพท์มือถือ 20 เครื่อง คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก 5 เครื่อง ของกลางที่ได้มาจากการงัดร้านค้าในเขต จ.อุดรธานี ซึ่ง น.ส.วนิดา ให้การว่า สินค้าทั้งหมดเป็นของนายสมศักดิ์ ได้ให้ตนไปขาย จึงจับกุม น.ส.วนิดา ส่วนของตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน

...

ต่อมาเวลา 11.30 น. พ.ต.อ.ชวิศ ศรีจันทร์ รอง ผบก.ภ.จ.อุดรธานี พ.ต.อ.ภูมิวิทย์ เวชกามา ผกก.สภ.เมือง อุดรธานี พ.ต.ท.สิทธิพร ธารากุลทิพย์ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองอุดรธานี ได้สอบปากคำ น.ส.วนิดา ซึ่งให้การรับสารภาพว่า ตนเคยเป็นพนักงานขายเสื้อผ้าสำเร็จรูปในห้างแห่งหนึ่งที่ จ.ขอนแก่น แต่ถูกให้ออกเพราะทำยอดขายไม่ถึงเป้า ตนอยู่กินกันฉันสามีกับนายสมศักดิ์ ซึ่งเป็นพนักงานขายนาฬิกาในห้างเดียวกัน จนมีบุตร 1 คน โดยทราบว่านายสมศักดิ์มีภรรยาและลูกอยู่ก่อนแล้ว

น.ส.วนิดา ให้การต่อไปว่า นายสมศักดิ์ชอบและหลงใหลในอาชีพตำรวจ จึงชวนกันไปสมัครเป็นตำรวจอาสา ที่ สภ.เมืองขอนแก่น เมื่อปี 2554-2555 ต่อมานายสมศักดิ์ได้ลักนาฬิกานายจ้างไปขาย จึงถูกออกหมายจับ พวกตนจึงหลบหนีมาอยู่ที่ จ.อุดรธานี โดยภรรยาคนแรกของนายสมศักดิ์เป็นคนซื้อรถเก๋งให้นายสมศักดิ์ขับไปรับไปส่งทำงาน ส่วนตนและนายสมศักดิ์ตกงานทั้งคู่ นายสมศักดิ์ได้นำรถไปก่อเหตุงัดร้านค้า โทรศัพท์มือถือ สินค้าแบรนด์เนม ในเขต จ.อุดรธานี แล้วนำมาให้ตนไปขาย นำเงินที่ได้มาจ่ายค่าห้องพัก และเลี้ยงลูก กระทั่งมาถูกตำรวจจับกุม

พ.ต.อ.ชวิศ ศรีจันทร์  เปิดเผยว่า สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 1 ก.ย. นายเพชรรัตน์ กองธรรม อายุ 25 ปี เจ้าของร้านโตไกลลิสซิ่ง จำหน่ายกระเป๋าแบรนด์เนม เลขที่ 666/4 ถนนโพศรี เขตเทศบาลนครอุดรธานี แจ้งว่ากลางดึกได้มีคนร้ายเป็นชาย 1 คน งัดเข้าไปในร้าน ลักกระเป๋าแบรนด์เนมในร้าน 50 ใบ มูลค่าประมาณ 1 ล้านบาท จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่าเป็นคนร้ายคือนายสมศักดิ์ ที่หลบหนีหมายจับศาลจังหวัดขอนแก่นมาก่อเหตุในเขต จ.อุดรธานี ซึ่งมีผู้เสียหายมาแจ้งความไว้ 5 ราย จึงได้ออกสืบสวนจนทราบที่อยู่ ขณะจะเข้าจับกุม นายสมศักดิ์ได้ไหวตัวทัน และยิงปืนใส่ตำรวจก่อนขับรถหลบหนีไปได้ ซึ่งจะได้รวบรวมพยานหลักฐานอนุมัติหมายจับ และติดตามจับกุมนายสมศักดิ์ ตำรวจบ้านแสบมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

...

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า หลังตำรวจจับกุม น.ส.วนิดา และตามไล่ล่านายสมศักดิ์ ตำรวจบ้านแสบผู้ต้องหาลักทรัพย์ และแจ้งให้ภรรยาคนแรก ซึ่งเป็นเจ้าของรถเก๋งที่ใช้ก่อเหตุทราบว่านายสมศักดิ์ สามีแท้จริงเป็นตำรวจอาสา หรือตำรวจบ้าน ถึงกับเข่าอ่อน เพราะนายสมศักดิ์หลอกว่าเป็นตำรวจจริงยศสิบตำรวจโท สังกัด สภ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี จึงยอมอยู่กินฉันสามี ไม่ได้แต่งงาน จนมีลูกสาวอายุ 3 ขวบ และรู้ว่าสามีไปมีภรรยาน้อย แต่ไม่เคยพบเห็นกัน พอรู้ว่าถูกหลอก สามีไม่ได้เป็นตำรวจ แต่เป็นโจร ก็รู้สึกช็อกที่ถูกหลอกมาตลอด.