ไม่น่าเชื่อ ชาวบ้าน 2 ตำบล ใน อ.บ้านแพง นครพนม ทนใช้ถนนวิบากเป็นโคลนตม นานกว่า 3 ปี เคยซ่อมแต่ไม่นานก็พังอีก โดยเฉพาะหน้าฝนเละเป็นโคลนดูไม่จืด วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งแก้ปัญหาความเดือดร้อน...

เมื่อวันที่ 6 ก.ย.59 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.นครพนม ได้มีตัวแทนชาวบ้าน ในพื้นที่ ต.นาเข ต.หนองแวง อ.บ้านแพง จ.นครพนม ออกมาเรียกร้องไปถึงหน่วยงานเกี่ยวข้อง เข้าดูแลแก้ไขเกี่ยวกับปัญหาความเดือดร้อนเกี่ยวกับถนนเชื่อมระหว่างหมู่บ้าน จากปากทางเข้าทางหลวง หมายเลข 212 นครพนม-บ้านแพง เชื่อมระหว่าง บ้านดอนกลาง ต.หนองแวง อ.บ้านแพง ไปยัง บ้านปากห้วยม่วง ต.นาเข อ.บ้านแพง ระยะทางเกือบ 3 กิโลเมตร ที่พังเสียหาย ชำรุดทรุดโทรม จากรถบรรทุกหิน บรรทุกทราย หนักเกินกำหนด ทำให้ถนนกลายเป็นส้นทางสายวิบาก โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝน กลายเป็นโคลนมีน้ำขัง และเป็นหลุมเป็นบ่อ ตลอดเส้นทาง  

ทั้งนี้ ชาวบ้าน เคยเรียกร้องไปยังหน่วยงานเกี่ยวข้อง ที่อยู่ในความรับผิดชอบของ อบจ.นครพนม เข้ามาช่วยซ่อมแซม แต่มีปัญหาเรื่องขาดแคลนงบประมาณ ทำให้ชาวบ้านต้องทนทุกข์เดือดร้อนมานานกว่า 3 ปี จึงต้องการให้หน่วยงานเกี่ยวข้อง หรือผู้มีอำนาจ ออกมาดูแลสั่งการให้มีการแก้ไขอย่างจริงจัง เพราะมีความจำเป็นต้องใช้สัญจรไปมาทุกวัน ทั้งรถโดยสารประจำทาง รถรับส่งนักเรียน รวมถึงประชาชนผู้ใช้รถ เคยเรียกร้องไปยังหน่วยงานเกี่ยวข้อง แต่ทำได้เพียงซ่อมแซมบางส่วน ไม่นานก็พังอีก เพราะมีรถบรรทุกหิน บรรทุกทรายวิ่งอยู่ตลอด

...

"เหมือนไม่มีเจ้าภาพที่จะดูแลรับผิดชอบ จึงต้องการเรียกร้องให้หน่วยงานเกี่ยวข้อง ผู้มีอำนาจหาทางแก้ไข ทั้งปรับปรุงถนน รวมถึงวางมาตรการป้องกันเรื่องรถบรรทุกน้ำหนักเกิน อย่าให้ชาวบ้านต้องทนทุกข์อีกต่อไป เพราะทนสภาพแบบนี้มานานแล้ว ไม่น่าเชื่อว่า พื้นที่ จ.นครพนม จะมีถนนที่วิบากได้ขนาดนี้" ตัวแทนชาวบ้าน กล่าว 

ทางด้าน นายสมบูรณ์ ชนะหาญ ปลัดอาวุโส รักษาการนายอำเภอบ้านแพง จ.นครพนม กล่าวว่า ยอมรับทางอำเภอบ้านแพงได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านในพื้นที่ และไม่ได้นิ่งเฉย ได้นำเสนอปัญหาไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบ คือ อบจ.นครพนม รวมถึงหน่วยงานที่มีงบประมาณ เพื่อมาดำเนินการแก้ไข ทราบว่าอยู่ระหว่างจัดสรรงบประมาณ แต่ช่วงนี้เป็นฤดูฝน ทำให้ถนนพังเสียหายหนักขึ้น เบื้องต้นทางอำเภอบ้านแพงได้หาทางแก้ไข โดยจัดสรรงบประมาณเร่งด่วน จำนวน 80,000 บาท มาทำการซ่อมแซม แต่ไม่เพียงพอ ซึ่งจะได้ขอความร่วมมือไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบ เร่งเข้ามาแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน โดยหารือวางแนวทางแก้ปัญหารถบรรทุกที่ใช้เส้นทาง เพื่อเป็นการแก้ปัญหาในระยะยาวต่อไป.