ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 2 ส.ค.59 ปิดที่ 1,497.51 จุด ลดลง 15.11 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 57,243.11 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 72.58 ล้านบาท ขณะที่กองทุนในประเทศขายสุทธิ 2,233.56 ล้านบาท
บล.ทรีนีตี้ ประเมินตลาดหุ้นเดือนสิงหาคม คาดว่าดัชนีจะเริ่มลดความร้อนแรงลงและปรับตัว Sideways ในกรอบ 1,470-1,550 จุด
โดยกรอบบนที่ระดับ 1,550 จุด คำนวณจากโมเดล Earning yield gap อิงอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ 10 ปีที่ 1.45% ส่วนกรอบล่างของดัชนีที่ระดับ 1,470 จุด คำนวณจากต้นทุนของนักลงทุนต่างชาติในรอบนี้ที่เข้าซื้อหุ้นไทยตั้งแต่วันที่ 28 มิ.ย.ที่ผ่านมา ทั้งนี้ เดือน ก.ค.ต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทยไปกว่า 44,000 ล้านบาท มากกว่าที่ซื้อสุทธิตลอด 6 เดือนแรกของปีนี้!!
แต่คาดว่าปัจจัยผลักดันเชิงสภาพคล่องในเดือนนี้จะเริ่มลดลงหลังผ่านพ้นการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ในวันที่ 4 ส.ค เป็นต้นไป เนื่องจากไม่น่าจะได้เห็นการผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมของธนาคารกลางหลักอื่นๆ อีก ทั้งธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และ ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จนกระทั่งช่วงปลายเดือน ก.ย.ซึ่งจะมีการประชุม BOJ ครั้งถัดไป
สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามเดือนนี้ได้แก่ การประชุม BoE วันที่ 4 ส.ค. ล่าสุด ตลาดคาดการณ์ว่าจะมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงสู่ระดับ 0.25% จาก 0.50% ซึ่งหากออกมาเป็นเช่นนี้จริง มองผลกระทบไม่มีนัยสำคัญ อย่างไรก็ดี หาก BoE มีมติขยายวงเงินเป้าหมายโครงการ QE จากเดิมที่ระดับ 3.75 แสนล้านปอนด์ จะเป็นปัจจัยบวกต่อสภาพคล่องทั่วโลก
รวมทั้งติดตามกระแสเงินทุนต่างชาติเดือนนี้ที่น่าจะมีการเคลื่อนไหวในทิศทางตรงกันข้ามกับ Bond yield ของประเทศพัฒนาแล้ว ขณะที่ ปัจจัยการเมืองในประเทศที่อาจเริ่มเข้มข้นขึ้นในช่วงการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ
นอกจากนี้ ยังต้องติดตามรายงานเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯได้แก่ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันที่ 5 ส.ค. และรายงานการประชุม Fed ครั้งที่ผ่านมา ที่จะออกมาวันที่ 17 ส.ค. ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อไปยังคาดการณ์แนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ และระดับ Bond yield
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนเดือนนี้ แนะนำขึ้นขาย-ลงซื้อในกรอบคาดการณ์ดัชนี โดยโฟกัสการลงทุนไปยังหุ้นกลุ่มที่ราคาปรับตัวขึ้นไม่มาก เช่น อสังหาริมทรัพย์ สายการบิน และยานยนต์ แนะนำหุ้น AP, QH, BA และ SAT!!
อินเด็กซ์ 51