ตม.จับหนุ่มใหญ่ญี่ปุ่น คดีร่วมพวกโกงหุ้นกว่าสี่พันล้าน หนีข้ามชาติ ซุกตัวคอนโดหรูกลางกรุงฯ นาน 11 ปี  จนท.ญี่ปุ่นประสานขอความช่วยเหลือจับกุม เบื้องต้นคาดว่าผู้ต้องหาได้ศัลยกรรมเปลี่ยนแปลงใบหน้า จนท.เพิกถอนใบอนุญาตเข้าเมือง

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 29 ก.ค. ที่ สตม. พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พล.ต.ท.เดชา ชวยบุญชุม ผช.ผบ.ตร. พล.ต.ท.ณัฐธร เพราะสุนทร ผบช.สตม. พล.ต.ต.ชัชวาลย์ วชิรปาณีกุล รอง ผบช.สตม. พล.ต.ต.ชาติชาย แตงเอี่ยม รอง ผบช.สตม. พล.ต.ต. พรชัย ขันตี รอง ผบช.สตม. พล.ต.ต.อภิรัตน์ นิยมการ รอง ผบช.สตม. รอง ผบช.สตม. พล.ต.ต.ภาคภูมิ สัจจพันธุ์ รอง ผบช.สตม. พ.ต.อ.เฉลิมพล จินตรัตน์ รรท.ผบก.สส.สตม. พ.ต.อ.ภัคพงศ์ สายอุบล รอง ผบก.สส.สตม. พ.ต.อ.ชยวุฒิ จันทร์สมบูรณ์ ผกก.1 บก.สส.สตม. และเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ร่วมแถลงข่าวจับกุม นายยาซูโอะ ทะซึบากิ (Yasuo Tsubaki) อายุ 62 ปี สัญชาติญี่ปุ่น ตามหมายจับศาลแขวงไซตามะ ประเทศญี่ปุ่น ในคดีความผิดการค้าหลักทรัพย์ มูลค่าความเสียหายกว่า 12,000 ล้านเยน หรือกว่า 4,000 ล้านบาท จับกุมที่ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ ขณะไปต่อวีซ่า

เมื่อช่วงเย็นวันที่ 27 ก.ค. พล.ต.อ.จักรทิพย์ เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ทางการญี่ปุ่นประสานขอให้ติดตามตัว นายยาซูโอะ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาล ประเทศญี่ปุ่น คดีความผิดการค้าหลักทรัพย์ กรณีช่วงปี 2544-2548 ขณะที่นายยาซูโอะ เป็นทนายความของบริษัท OHT ผลิตเครื่องจักรชื่อดังในญี่ปุ่น โดย นายยาซูโอะ ร่วมกับพวกอีก 2 คน เปิดบัญชีกว่า 526 บัญชีผ่านบริษัทหลักทรัพย์อื่นๆกว่า 41 แห่ง เพื่อมากวาดซื้อหุ้นในบริษัท OHT ก่อนจะปั่นราคาจากหุ้นละ 200,000 เยน เป็นราคา 1.2-1.5 ล้านเยน จากนั้นจึงจะขายทิ้งทั้งหมด 

ทำให้เกิดความเสียหายต่อตลาดหุ้นญี่ปุ่นเป็นวงกว้างมากที่สุดในประวัติกาล ตลาดหุ้นญี่ปุ่น มูลค่าความเสียหายกว่า 12,000 ล้านเยน หรือกว่า 4,000 ล้านบาท ก่อนที่นายยาซูโอะ จะหลบหนีเข้ามาในประเทศไทยพร้อมศัลยกรรมใบหน้า (Face off) จนไม่มีใครจำได้ จากนั้นปี 2550 ศาลแขวงไซตามะ ประเทศญี่ปุ่น ออกหมายจับนายยาซูโอะ และพวกอีก 2 คน ที่ถูกจับกุมตัวดำเนินคดีในประเทศญี่ปุ่นไปก่อนหน้านี้

...

พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวต่อว่า นายยาซูโอะ หลบหนีเข้ามาในประเทศไทย โดยเช่าคอนโดหรูย่านสุขุมวิท ในราคาเดือนละ 100,000 บาท ก่อนย้ายมาเช่าบ้านพักย่านพระราม 2 ราคาเดือนละ 30,000 บาท รวมระยะเวลาหลบหนีในไทยกว่า 11 ปี โดยไม่ได้ประกอบอาชีพใดเลย จากการสอบถามเบื้องต้น นายยาซูโอะ รับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับ แต่ยังไม่ได้ให้รายละเอียดอย่างอื่น

"ขณะที่ตรวจสอบพบว่าขณะอยู่ที่ญี่ปุ่นนายยาซูโอะ เคยมีภรรยาเป็นนักข่าวสถานีโทรทัศน์ชื่อดังของญี่ปุ่นก่อนจะหลบหนีมาไทย ซึ่งพบว่ามีคนไทยเป็นผู้เปิดหมายเลขโทรศัพท์ และเปิดบัญชีธนาคารให้ และคาดว่าน่าจะมีภรรยาเป็นคนไทยด้วย ซึ่งอยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริง รวมถึงในส่วนยอดเงินหมุนเวียนในบัญชีเช่นกัน " พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าว

พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม แม้ทางนายยาซูโอะ ทะซึบากิ จะยังไม่ให้ข้อมูลอะไรมาก แต่ทางเอกสารและหลักฐานต่างๆยืนยันตัวบุคคลนายยาซูโอะ ทะซึบากิ ขณะเดียวกันทางการญี่ปุ่นก็ได้นำดีเอ็นเอของนายยาซูโอะ ทะซึบากิ ไปพิสูจน์ทราบเช่นกัน

ด้าน พล.ต.ท.ณัฐธร เปิดเผยว่า เบื้องต้น นายยาซูโอะ เดินทางเข้ามาประเทศไทยโดยถูกต้องตามกฎหมาย ช่วง 2 ปี สุดท้ายนายยาซูโอะ ขอต่อวีซ่าแบบบั้นปลายชีวิต เพื่ออาศัยอยู่ในประเทศไทย ซึ่งอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาใช้วีซ่าอาศัยในประเทศลักษณะใด

"ตลอดระยะเวลา 11 ปี นายยาซูโอะ ใช้ชื่อเดิมมาตลอด ไม่เคยเปลี่ยน และยังใช้ชีวิตค่อนข้างระมัดระวังตัว เก็บตัว ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร โดยทั้งเบอร์โทรศัพท์และบัญชีธนาคารนั้น ก็ถูกเปิดโดยชื่อของคนไทยคนอื่น ไม่ใช่ชื่อตนเอง จะใช้ชื่อตนเองเฉพาะเวลาเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลและต่อวีซ่าเท่านั้น " พล.ต.ท.ณัฐธร กล่าว

พล.ต.ท.ณัฐธร กล่าวต่อว่า ตลอดระยะเวลาที่นายยาซูโอะ ทะซึบากิอยู่ในประเทศไทย ตำรวจไม่ทราบมาก่อนว่ามีคดีติดตัว กระทั่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้วที่ทางการญี่ปุ่นประสานมา พร้อมทั้งให้ข้อมูลว่านายยาซูโอะ ทะซึบากิ มีการศัลยกรรมใบหน้า (Face off) แต่จากการสอบถามเบื้องต้น นายยาซูโอะ ทะซึบากิ ยังปฏิเสธว่าไม่ได้ศัลยกรรม และไม่ได้อยู่กับคนไทย ซึ่งตำรวจอยู่ระหว่างตรวจสอบ

" จากการตรวจสอบเบื้องต้นมีความเป็นไปได้ว่า น่าจะศัลยกรรมในประเทศไทย แต่จะเป็นที่ใดนั้น ทางการญี่ปุ่นจะเป็นผู้สอบปากคำและจะประสานมายัง ตม. เบื้องต้นตำรวจได้เพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมืองฯ ซึ่งมีพฤติการณ์เป็นภัยสังคม ก่อนจะผลักดันกลับประเทศญี่ปุ่นต่อไป " พล.ต.ท.ณัฐธร กล่าว.