บ.แอปเปิล เจอยอดขายไอโฟน ลดลงต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 2 ติดกัน ตกลงไป 15% แต่ยังเหลือกำไรอยู่ที่ 7.8 พันล้านดอลลาร์ ชี้ยอดซื้อในจีน ฮ่องกง และไต้หวัน 3 ประเทศลูกค้ารายใหญ่ ร่วงลงไปถึง 33% แสดงให้เห็นผู้คนไม่ยอมอัพเกรด เปลี่ยนมือถือเป็นรุ่นใหม่
เมื่อ 27ก.ค.59 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน บริษัทแอปเปิล บริษัทไอทียักษ์ใหญ่ของโลก เผชิญกับยอดขายของไอโฟน ที่ลดลงต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 2 ติดต่อกันแล้ว โดยยอดขาย ไอโฟน ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ ‘แฟลกชิพ’ หรือเรือธงของแอปเปิลมาตลอด ปรากฏว่า ในช่วง 3เดือนของไตรมาสที่ 2 จนถึง 25 มิ.ย. ของปีนี้ ได้ตกลงไปถึง 15% ทำให้กำไรลดลง ไป 27% อยู่ที่ 7,800ล้านดอลลาร์เท่านั้น ขณะที่รายได้ในไตรมาสที่ 2 ได้ตกลงไป 14.6% เหลือ 42,400 ล้านดอลลาร์
บีบีซี แจ้งว่า ยอดจำหน่ายไอโฟนใน 3ประเทศที่เป็นลูกค้ารายใหญ่ คือ จีน ฮ่องกงและไต้หวัน ได้ตกลงไป 33% ในไตรมาสที่ 2 โดยบริษัทแอปเปิล ชี้ว่า เป็นเพราะสถานการณ์เศรษฐกิจที่อยู่ในภาวะไม่แน่นอน และผู้คนไม่ยอมอัพเกรดเปลี่ยนโทรศัพท์ของตนให้เป็นรุ่นที่ทันสมัยขึ้น
...
หัวหน้าฝ่ายการเงินของแอปเปิล ลูคา แมสทรี กล่าวว่า แน่นอนว่า ยอดขายไอโฟนที่ลดลงเป็นสัญญาณบางประการที่แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจของจีนชะลอตัวลง และเป็นผลมาจากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งขึ้น อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ยอดขายไอโฟนจะตกลงต่อเนื่องมา 2 ไตรมาสแล้ว แต่ราคาหุ้นของแอปเปิล ซึ่งเคยตกลงไปเกือบ 20% เมื่อปี 2558 ได้เพิ่มขึ้นมา 7% ซึ่ง แสดงให้เห็น สถานการณ์ของแอปเปิลไม่ได้แย่ หรือเลวลงอย่างที่นักวิเคราะห์มองกัน
ขณะที่ บริษัทแอปเปิลได้มียอดขายไอโฟน ในไตรมาส 3 ถึง 40.4 ล้านเครื่อง สูงกว่าที่มีการคาดการณ์กันไว้เล็กน้อยว่าจะอยู่ที่ 40.02 ล้านเครื่อง โดยนายทิม คุก ซีอีโอของแอปเปิล กล่าวว่า ยอดขายที่ดีกว่าที่คาดหวัง เป็นผลสะท้อนความต้องการที่แข็งแกร่งขึ้นของลูกค้า เกินกว่าที่เราคาดไว้