วันนี้เป็นวันแรกที่ ธนาคารทุกแห่ง เปิดให้ประชาชนลงทะเบียนสมัครสมาชิก “พร้อมเพย์” เป็นวันแรก โดยใช้ เบอร์บัตรประชาชน และ เบอร์โทรศัพท์มือถือ เพื่อใช้บริการโอนเงินผ่าน “พร้อมเพย์” ซึ่งเป็นระบบโอนเงินอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด โดยไม่ต้องใช้เงินสดเลย การใช้จริงจะเริ่มให้บริการในเดือนตุลาคมนี้เป็นต้นไป
นับตั้งแต่เปิดให้ลงทะเบียนล่วงหน้า 1 กรกฎาคม แทนที่จะได้รับเสียงตอบรับ กลับได้รับเสียงตอบลบ เลยกลายเป็นเรื่องใหญ่
นายกรัฐมนตรี สั่งให้ รัฐมนตรีคลัง เร่งชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจ แบงก์ชาติ เองก็ออกมาตั้งโต๊ะแถลงรอบใหม่ว่า เป็นเพียง “ทางเลือก” ที่ประชาชนสามารถเลือกได้ จะเลือกใช้บริการจ่ายเงินแบบเดิมก็ได้ เลือกใช้พร้อมเพย์ก็ได้ ผลจะเป็นอย่างไร ตัวเลขผู้สมัครบริการพร้อมเพย์ในวันให้บริการจริงจะเป็นเครื่องชี้วัด
คุณอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีคลัง แถลงว่า ระบบพร้อมเพย์ เป็นเพียงระยะแรกของ ระบบเนชั่นแนล อี–เพย์เมนท์ ที่มี 4 ระยะตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2560 เป็นต้นไป ระบบเนชั่นแนล อี–เพย์เมนท์ จะเรียบร้อยทุกอย่าง จะช่วยประหยัดต้นทุนและค่าใช้จ่ายต่างๆลงได้ประมาณ 75,000 ล้านบาทต่อปี
“พร้อมเพย์” แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ผู้ที่ได้รับสวัสดิการจากรัฐ ต้องลงทะเบียนผ่าน 3 ธนาคารของรัฐ ประชาชนทั่วไป ก็ลงทะเบียนกับธนาคารพาณิชย์
เมื่อลงทะเบียนเสร็จ รัฐบาลอาจจะทบทวนการจ่ายเงิน “เบี้ยยังชีพคนชรา” ที่รัฐบาลจ่ายให้ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปทุกคน คนละ 600 บาท ต่อเดือน เพื่อ จ่ายตรงไปยังบัญชีพร้อมเพย์ของผู้สูงอายุ ทุกวันนี้รัฐบาลจ่ายผ่าน องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น โดยจ่ายขาดตามจำนวนผู้สูงอายุ แต่ละปีมีผู้สูงอายุที่ยังทำงานไม่ได้ไปรับเงินก้อนนี้จำนวนมาก แต่เงินก็ไม่ได้ส่งกลับมาที่ส่วนกลาง ไม่รู้ไปอยู่ในกระเป๋าใครในท้องถิ่น
...
แค่ให้ผู้สูงอายุรับเงินเบี้ยยังชีพทางพร้อมเพย์ ก็ได้สมาชิกไปหลายล้านคนแล้ว
เขียนเรื่องนี้แล้วผมมีข่าววงในมาเล่าสู่กันฟัง เรื่องอย่างนี้ไม่ใช่เกิดขึ้นกับ “เบี้ยยังชีพคนชรา” เท่านั้น แต่ยังเกิดขึ้น “เงินสวัสดิการและเงินบำนาญ” ของข้าราชการด้วย ทุกวันนี้ รัฐบาลได้จ่ายเงินสวัสดิการต่างๆ รวมทั้งเงินบำนาญ ให้กับ ข้าราชการที่ตายไปแล้วกว่า 200,000 คนทุกเดือน โดยจ่ายผ่าน องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น โดยไม่รู้ว่าข้าราชการคนนั้นได้ตายไปแล้ว ฟังแล้วก็ช็อกไปเลย
มิน่า บัตรประชาชนผี จึงมีขายให้ชาวต่างชาติกันเป็นจำนวนมาก
ระบบพร้อมเพย์ ที่ลงทะเบียนด้วย เบอร์บัตรประชาชน จะเป็นการพิสูจน์ตัวตนว่ามีอยู่จริง แต่ก็ให้เป็น “ทางเลือก” ไม่ได้บังคับให้ทุกคน แม้จะเป็นทางเลือก แต่ก็เป็น “ทางเลือกที่ต้องเลือก” ในอนาคต การจ่ายเงินของภาครัฐ การจ่ายเงินภาษี รวมทั้ง การคืนภาษีเงินได้ จะพัฒนาตามมา ทำให้คุณต้องเข้าไปอยู่ในระบบจนได้
ทุกวันนี้การจ่ายเช็คคืนภาษีของกรมสรรพากร จะส่งไปให้ที่บ้าน ถ้าไม่มีคนรับอีเอ็มเอสก็จะกลับไปค้างอยู่ที่ไปรษณีย์ ถ้าไม่ไปรับใน 7 วัน เช็คจะถูกส่งกลับไปที่กรมสรรพากร ผู้ได้เงินคืนภาษีต้องไปทำเรื่องให้ กรมสรรพากรออกเช็คให้ใหม่ ต้นทุนโดยรวมตกประมาณ 100 บาท ถ้าเป็นระบบพร้อมเพย์ กรมสรรพากรก็โอนเงินคืนภาษีเข้าบัญชีผู้เสียภาษีได้ทันที
ถ้าสังคมไทยใช้ “พร้อมเพย์” กันทุกคน ต่อไปการโอนเงินทุกอย่างจะง่ายดังพลิกฝ่ามือ เช่น ไปกินข้าวกับเพื่อน 4–5 คน แล้วแชร์กันจ่าย แทนที่จะควักเงินออกมาแชร์กัน ก็จ่ายเพียงคนเดียว เพื่อนที่เหลือก็โอนเงินให้คนจ่ายผ่านพร้อมเพย์ได้ทันที
เกษตรกร 16 ล้านราย ลูกค้า ธ.ก.ส. คุณสมศักดิ์ กังธีระวัฒน์ รองผู้จัดการบอกว่า ก็ต้องเข้าสู่ระบบพร้อมเพย์ เพื่อรับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล แต่ ธ.ก.ส.ลำบากกว่าธนาคารอื่น ต้องไปหาเกษตรกรถึงที่ เพื่ออธิบายและลงทะเบียน กว่าจะได้ครบคงอีกนาน
ระบบพร้อมเพย์ ผมคิดว่า เป็นทางเลือกที่ไม่มีทางเลือก ในอนาคตทุกคนต้องเข้าสู่ระบบพร้อมเพย์ ระบบเนชั่นแนล อี–เพย์เมนท์ จึงจะขับเคลื่อนไปได้ ถ้าใครยังไม่สบายใจ ผมว่าลองเปิดบัญชีใหม่ที่มีวงเงินน้อยๆก่อนก็ได้.
“ลม เปลี่ยนทิศ”