ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 4 ก.ค.59 ปิดที่ 1,454.56 จุด เพิ่มขึ้น 9.57 จุด ทำนิวไฮในรอบเกือบ 2 ปี ขณะที่มีมูลค่าการซื้อขาย 54,032 ล้านบาท
นักลงทุนสถาบันทุกกลุ่มซื้อสุทธิ นำโดยต่างชาติซื้อสุทธิ 3,404 ล้านบาท ตามด้วยกองทุนในประเทศซื้อสุทธิ 2,223 ล้านบาท ส่วนรายย่อยขายสุทธิสวนทาง 5,658 ล้านบาท
หุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด SCB ปิด 144 บาท บวก 5 บาท, KBANK ปิด 177.5 บาท บวก 7.50 บาท, ALT ปิด 7.55 บาท บวก 2.85 บาท, BANPU ปิด 15.6 บาท บวก 0.90 บาท และ BBL ปิด 163.5 บาท บวก 5 บาท
บล.ทรีนีตี้ มองธีมการลงทุนและหุ้นที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนในไตรมาสที่ 3 ไว้อย่างน่าสนใจ โดยแยกธีมหลักๆดังนี้ หุ้นกลุ่มพลังงานที่มีอัตราส่วน PBV ต่ำ ได้แก่ BANPU, BCP
และหุ้นกลุ่มธนาคารที่มีอัตราส่วน PBV ต่ำ ได้แก่ BBL, TCAP และที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ได้แก่ SCB, LHBANK
รวมทั้งหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าที่มีฐานรายได้มั่นคง ได้แก่ GPSC, CKP และกลุ่มอสังหาฯที่มีเงินปันผลแน่นอน ได้แก่ SIRI, AP
รวมถึงหุ้นที่ได้ประโยชน์จากงานก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ได้แก่ BEM, SEAFCO
ขณะที่หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของรายได้เกษตรกร ได้แก่ GLOBAL, SINGER, JMART, TK และ หุ้นที่ได้ประโยชน์จากปรากฏการณ์ La Nina ได้แก่ EASTW, TVO
ส่วนหุ้นที่อยู่ใน Sector ที่ปรับตัว Laggard ตลาด ได้แก่ KCE, MONO!!
ปิดท้าย “เกศรา มัญชุศรี ”ผู้จัดการตลาดหุ้น โพสต์ FB บอกนักลงทุนว่า เริ่มสู่การทำงานในรอบครึ่งหลังของปีแล้ว ขอให้ผู้ลงทุนใช้ข้อมูลด้านผลประกอบการ และ outlook รวมทั้งความสามารถ ของบริษัทเพื่อประโยชน์ในการวิเคราะห์เพื่อการลงทุนที่ประสบความสำเร็จ
ครึ่งแรกปีนี้ ดัชนีหุ้นไทยเพิ่มขึ้น 12.19% ด้วยปริมาณซื้อขายต่อวันที่ 46,667 ล้านบาท ขณะที่ต่างชาติเป็นผู้ซื้อสุทธิ 36,011
ล้านบาท
ส่วนผลงานครึ่งปีแรกของบริษัทจดทะเบียนอดใจไปรอชมในเดือนสิงหาคม!!!
อินเด็กซ์ 51