การเดินทางมาเยือนเอเชียของ บารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ค่อนข้างจะถี่ในปีนี้ ส่งสัญญาณว่าการขับเคลื่อน ทั้ง ด้านเศรษฐกิจและความมั่นคง ในภูมิภาคนี้จะเข้มข้นมากขึ้น
ก่อนหน้าที่จะเดินทางเยือนเวียดนามเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาภาพพันธมิตรในฐานะประเทศมหาอำนาจกับอดีตประเทศคู่สงคราม กิริยานั่งกินเฝอกับเชฟดังเวียดนาม บรรยากาศแบบชิลๆ ลบภาพสงครามเย็น ในอดีตได้อย่างสิ้นเชิง และการที่ โอบามา ทุ่มเทแบบเป็นกันเองขนาดนี้ในขณะที่สัมพันธภาพระหว่างจีนกับเวียดนามก็ไม่ค่อยจะราบรื่นนัก ในบรรยากาศข้อพิพาทเรื่องเขตแดนทั้งบนบกและทางทะเล
ยกนี้ถือว่าโอบามาได้เปรียบ
และถ้าจะย้อนกลับไปดูประเทศพันธมิตรที่ โอบามา เดินทางไปเยือนมาเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะเป็น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ มาเลเซียและฟิลิปปินส์ ต้องถือว่าวิธีทางการทูตไม่ธรรมดา เนื่องจากประเทศที่ไปเยือนส่วนใหญ่ ไม่ค่อยจะกินเส้นกับจีน ด้วยเหตุผลเดียวกัน
การเยือนเวียดนามของ โอบามา หลังสิ้นสุดสงครามเวียดนามเมื่อ 41 ปีที่ผ่านมา เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯคนที่ 3 ที่เดินทางไปเยือนเวียดนามในระหว่างดำรงตำแหน่ง เป็นยุทธการที่ต้องการเปลี่ยนศัตรูมาเป็นมิตร
เป็นการสร้างความมั่นใจให้กับพันธมิตรของสหรัฐฯว่าจะไม่ทิ้งกัน
มาตรการกีดกันทางการค้า การคว่ำบาตรทางการค้า ถูกยกเลิกทันทีก่อนที่โอบามาจะตัดสินใจ ปักหมุดเอเชีย เป็นปัจจัยและนโยบายหลักของสหรัฐฯทั้งในปัจจุบันและอนาคต
ในสภาพที่เศรษฐกิจโลกกำลังทรุดตัว นโยบาย ปักหมุดเอเชีย ของสหรัฐฯก็ยิ่งมีประสิทธิภาพ เป็นกลไกและเครื่องมือต่อรองทางการเมืองที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากที่สุด
ไม่ใช่ว่า โอบามา จะมองข้ามประเทศไทย ซึ่งโดยชัยภูมิและภูมิศาสตร์แล้วเป็นประเทศที่เหมาะกับการ ปักหมุดมากที่สุด พร้อมกว่าประเทศอื่นๆในย่านนี้ และใช่ว่า โอบามา ไม่ต้องการ
...
เมื่อครั้งรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และ โอบามา มาเยือนไทย ในโอกาสครบรอบ 180 ปีสัมพันธ์ไทย-สหรัฐฯมาแล้ว ก่อนจะเดินทางไป เมียนมา เพื่อพบกับ อองซาน ซูจี และผู้นำเมียนมา ในเวลานั้น
วันนี้แม้ผู้นำสหรัฐฯจะเยือนอาเซียน โดยข้ามประเทศไทย คง ไม่ใช่แค่เพราะเป็นรัฐบาลที่มาจากการยึดอำนาจเพียงอย่างเดียว อาจจะมาจากวิธีการบริหารการปกครองภายใน จากนโยบายการต่างประเทศ จากเรื่องสิทธิมนุษยชน
หรือมีอะไรมากกว่านั้น.
หมัดเหล็ก
mudlek@hotmail.com