ทบ.เร่งช่วยดับไฟป่าที่นราธิวาส สกัดไม่ให้ลุกลาม ส่ง ฮ.บินโปรยน้ำ พร้อมทหารช่างสร้างแนวกันไฟเพิ่ม ส่วนไฟป่าที่ เชียงใหม่ สงบลงแล้ว
เมื่อวันที่ 10 พ.ค.59 พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษก คสช. กล่าวว่า ตามที่ได้เกิดเหตุไฟป่าที่ จ.เชียงใหม่ และ จ.นราธิวาส พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผบ.ทบ.ซึ่งอยู่ในระหว่างการเดินทางไปปฏิบัติราชการต่างประเทศ มีความห่วงใยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ได้กำชับให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกองทัพบก และหน่วยทหารในพื้นที่เร่งบูรณาการกับทุกภาคส่วนในการดับไฟให้ยุติโดยเร็วตามบัญชาของนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ พร้อมให้ดำรงความต่อเนื่องของการเฝ้าระวังมิให้เกิดปะทุซ้ำขึ้นอีกสำหรับเหตุการณ์การเกิดไฟป่าที่ดอยขุนช่างเคี่ยน พื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย เมื่อวันที่ 8 พ.ค.2559 นั้น หน่วยเฉพาะกิจป้องกันไฟป่าและหมอกควันกองทัพภาคที่ 3 โดย มณฑลทหารบกที่ 33 ได้เข้าร่วมควบคุมสถานการณ์กับทางจังหวัดเชียงใหม่ และเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย มาอย่างต่อเนื่อง โดยได้จัดกำลังพลเข้าร่วมกับเจ้าหน้าที่ชุดควบคุมไฟป่าของอุทยาน เข้าควบคุมสถานการณ์ไฟป่าทันทีที่เกิดเหตุ และดำรงการดับไฟป่าร่วมกับการทำแนวกันไฟ จนกระทั่งสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้
พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าวต่อว่า สาเหตุเบื้องต้นน่าจะเกิดจากการจุดไฟเพื่อหาของป่าและเกิดลุกลามหนักเนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนและแห้งแล้ง โดยสถานการณ์ล่าสุดในวันนี้ไฟป่าได้ยุติลงแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ยังคงจัดชุดลาดตระเวนต่อเนื่อง เพื่อตรวจสอบและป้องกันไม่ให้เกิดการปะทุขึ้นอีก ในขณะเดียวกันได้นำเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุเพื่อหาพยานหลักฐานประกอบการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดต่อไป
พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์ไฟป่าที่ จ.นราธิวาส ที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 2-9 พ.ค.ใน 2 พื้นที่ ได้แก่ พื้นที่แรกที่ อ.สุไหงปาดี เนื้อที่ประมาณ 700 ไร่ ซึ่งส่วนราชการในพื้นที่ได้สนธิกำลังเข้าดับไฟโดยทันที ประกอบด้วย จังหวัดนราธิวาส เจ้าหน้าที่ป่าไม้ หน่วยบินฝนหลวงกองบิน 46 และกองทัพภาคที่ 4 โดย กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 151 ซึ่งเจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่ต้องเดินเท้าเข้าดับไฟ ควบคู่ไปกับการใช้รถน้ำ และมีความพยายามที่จะใช้เฮลิคอปเตอร์บินโปรยน้ำและการทำฝนเทียม แต่ด้วยข้อจำกัดของสภาพอากาศ จึงทำให้ไม่สามารถดำเนินการได้ โดยปัจจุบันดับไฟลงได้เรียบร้อยแล้ว เมื่อ 8 พ.ค.ที่ผ่านมา สำหรับไฟป่าพื้นที่ที่ 2 เกิดที่ อ.สุไหงโก-ลก บริเวณบ้านซรายอ จำนวน 800 ไร่ (สวนยาง 600 ไร่, ป่าพรุโต๊ะแดง 200 ไร่) และที่บ้านลูโบะซามา จำนวน 50 ไร่
...
สำหรับการเข้าควบคุมและดับไฟป่าที่ อ.สุไหงโก-ลก นั้น มีการบูรณาการดับไฟร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ฝ่ายปกครอง และกองทัพภาคที่ 4 โดย หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 36, หน่วยเฉพาะกิจอโณทัย, หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 48 และกรมทหารราบที่ 151 โดยเจ้าหน้าที่ได้ใช้วิธีเดินเท้าเข้าดับไฟ การใช้รถน้ำฉีดสกัดไฟ ควบคู่ไปกับการทำแนวกันไฟซึ่งสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ในระดับหนึ่ง โดยใช้อากาศยานของหน่วยเฉพาะกิจอโณทัย พร้อมตะกร้าดับเพลิง บินบรรทุกน้ำดับไฟเสริมการปฏิบัติของภาคพื้นดิน การใช้รถแบ็กโฮขุดทำแนวกันไฟ ทำให้สามารถควบคุมสถานการณ์ได้มากขึ้น
พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าวต่อว่า ล่าสุดบริเวณคลองชลประทานที่ใช้เป็นแหล่งเติมน้ำ เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการขุดขยายเพิ่มความลึกขึ้นอีกในระยะทาง 8 กิโลเมตร เพื่อเปิดทางให้อากาศยานลงบรรทุกน้ำได้สะดวกขึ้น ในขณะเดียวกันกองทัพบกได้ส่งทหารช่างจากกรมการทหารช่างเพิ่มเติมเข้ามาเสริมการทำแนวกันไฟบริเวณรอบพื้นที่ที่เกิดไฟป่า เพื่อควบคุมไม่ให้ลุกลามออกไปในพื้นที่ใกล้เคียง โดยขณะนี้การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่เป็นไปในลักษณะควบคุมไม่ให้ไฟป่าขยายวงกว้าง และการฉีดน้ำลดอุณหภูมิใต้ผิวดินเพื่อไม่ให้เกิดปะทุซ้ำขึ้นอีก รวมถึงการประเมินสภาพอากาศ เพื่อปรับแผนการดับไฟให้สอดคล้องกับสถานการณ์ด้วยทั้งนี้ ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกองทัพบก ยังคงติดตามความคืบหน้าและพัฒนาการของสถานการณ์ไฟป่าอย่างต่อเนื่อง เพื่อพิจารณาส่งความช่วยเหลือจากส่วนกลางไปเพิ่มเติมเพื่อให้การดับไฟรวดเร็ว