สำนักข่าวอิศรา www.isra news.org เปิดเอกสารจดทะเบียนตั้งบริษัท พิบูลย์ชัยน้ำพริกเผาไทยแม่ประนอม จำกัด พบข้อมูลเริ่มจดทะเบียนจัดตั้งเป็นทางการวันที่ 22 กันยายน 2524
นางศิริพร แดงสุภา ปรากฏชื่อเป็นผู้เริ่มก่อการ ผู้ขอจดทะเบียนจัดตั้ง รายชื่อผู้ถือหุ้นที่เริ่มก่อการตั้งบริษัทมี 7 คน...มีชื่อของนางศิริพร นายศิริชัย และนางประนอม พ่อแม่ รวมอยู่ด้วยและทั้ง 3 คนก็เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ประเดิมทุนครั้งแรก 500,000 บาท ก่อนจะปรับเป็น 2 ล้านบาท...ในปี 2531
และเพิ่มเป็น 59 ล้านบาท เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2544
กรรมการผู้มีอำนาจ มี 2 คนคือ นายศิริชัย (พ่อ) และ นางศิริพร (ลูกสาว)
ต่อมา...วันที่ 27 พฤศจิกายน 2552 บริษัทได้แจ้งเปลี่ยนตัวกรรมการใหม่ “นายศิริชัย” ลาออกไปเหลือ “นางศิริพร”...เป็นกรรมการผู้มีอำนาจแต่เพียงผู้เดียว
ล่าสุด...เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2559 บริษัทแจ้งข้อมูลเพิ่มกรรมการใหม่อีก 2 คน คือ นางอุรชา พีชาสารานนท์ และนางสาวธนาภรณ์ ภาษาประเทศ...ลูกสาวนางศิริพร
ข้อมูลโครงสร้างผู้ถือหุ้นบริษัท พบว่านับตั้งแต่จดทะเบียนจัดตั้งในปี 2524-2548 นายศิริชัยและนางศิริพรถือครองหุ้นใหญ่อันดับ 1 ร่วมกันมาตลอด ขณะที่นางประนอม ถือหุ้นใหญ่เป็นอันดับ 2
เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2548 บริษัทมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้น จำนวน 2 ราย คือ นางสาวอุรชา ภาษาประเทศ และนางสาวธนาภรณ์ ภาษาประเทศ เข้ามาถือหุ้นแทนนางสาวศิริพร แดงสุภา และนางฉวีวรรณ วงศ์ประดิษฐ์ ที่ถอนชื่อออกไป
ก่อนที่บริษัทจะมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นครั้งใหญ่ เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2552 จำนวนผู้ถือหุ้นลดลงเหลือ 5 คน “นางศิริพร” เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่แต่เพียงผู้เดียว
...
ขณะที่หุ้นส่วนที่เหลือกระจายอยู่ในความครอบครองของคนสกุล “ภาษาประเทศ” ...สามีและลูกของนางศิริพร ไม่ปรากฏคนนามสกุล “แดงสุภา” เข้ามาถือหุ้นแม้แต่คนเดียว
เสียงลือเสียงเล่าอ้าง...กระแสโจมตี “แม่ประนอม” ในสังคมวันนี้มาจากไหนคงไม่ต้องไปตามสืบเสาะให้มากความ เฉพาะเรื่องแม่ฯในวัย 79 ปีมีสามีใหม่ ถือว่าเยอะ...มาไกลเกินไปแล้ว
ศิริวัลย์ แดงสุภา หรือ ใหญ่ บอกว่า คุณแม่สอนลูกทุกคนดี
แน่นอนว่าคนเราแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน เปลี่ยนแปลงไปได้ตามสถานะ ประสบการณ์ วิถีเส้นทางชีวิตของแต่ละคน
“ครอบครัวแดงสุภา” สมัยคุณพ่อยังมีชีวิตอยู่ ก็จะรักพี่ชาย (ศิริพงษ์ แดงสุภา)...ลูกชายคนโตมาก แต่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตไปตั้งแต่ตอนอายุ 25 ปี ลูกสาวคนโต ศิริพร แดงสุภา หรือ “อ้อย” ก็รับหน้าที่ทำงานเป็นมือขวา ช่วยงานพ่อ...นั่งทำงานอยู่ใกล้พ่อตลอด
ปัญหาขัดแย้ง ศึกชิงมรดก...ทรัพย์สินภายในครอบครัวตระกูล “น้ำพริกเผาแม่ประนอม...แดงสุภา” ไม่ว่าใครก็คงไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ แต่เมื่อวันนี้...มีปัญหาขึ้นมาแล้ว คงเลี่ยงไม่ได้ที่จะเกิดรอยร้าวขึ้นมาให้คนนอกครอบครัวได้รับรู้
กระแสวิพากษ์ ทัศนะมุมมองที่หลากหลายทั้งในข่าว โซเชียลมีเดีย โลกออนไลน์ น้อยนักที่กล่าวถึงน้องนุชคนสุดท้องของบ้านแม่ประนอม
เธอชื่อว่า “น้องจิ๋ม” หรือ “ศิริลักษณ์ แดงสุภา” วันนี้อายุ 52 ปีแล้ว
มูลเหตุสำคัญ ผู้เป็นแม่เป็นห่วงลูกคนสุดท้อง กลัวว่าเมื่อไม่อยู่แล้วจะดูแลตัวเอง ใช้ชีวิตอยู่อย่างไรโดยไม่ลำบาก หัวอกแม่ก็คิดเพียงเท่านี้
ใครล่ะ...จะเป็นคนดูแล?
น้องคนสุดท้องครอบครัวแดงสุภาหลายคนอาจเคยพอได้ยินมาบ้างว่าป่วย ไม่แข็งแรง ความจริงจากปาก ศิริวัลย์ บอกว่า น้องคนสุดท้องที่พิการขาจะลีบเท่าแขน พี่ใหญ่สัญญา ถ้าพี่ไม่ตายก่อน...จะดูแลน้องเอง
“น้องเดินเหินได้ แต่ช่วยตัวเองไม่ได้เลย ร่างกายไม่สมดุล ขา...เท่าแขน เมื่อถึงวันหนึ่ง ไม่ได้จะแช่งน้องนะ...น้องเป็นมากขึ้นก็อาจจะเดินไม่ได้”
ที่สำคัญ...น้องพูดไม่ได้ สื่อสารกับใครไม่ได้เลย รู้เรื่องได้ไม่เยอะ รู้แต่ว่าหิว ไปอาบน้ำ...ก็จะเดินไป ไปนั่งตรงโน้นไปก็จะเดิน ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้...ถึงเวลาก็จะพาไปอาบน้ำ อยากเข้าห้องน้ำก็ทำท่าให้รู้ว่าจะลุกไปเข้า ก็จะพาไปเข้า เดาเอาว่าเสร็จแล้วก็ช่วยเขา...ช่วยล้าง ทำความสะอาดให้
คำถามมีว่า น้อง...ไม่มีใครรู้จัก ไม่มีใครพูดถึงเลย น้องทำผิดอะไร ตกหล่นในความเป็นหนึ่งในสมาชิก “แดงสุภา”... ตระกูลธุรกิจใหญ่พันล้านฯ “น้ำพริกเผาไทยแม่ประนอม” ไปได้อย่างไร
ลูกคนสุดท้องที่แม่เป็นห่วง มีพยาบาลเอกชนผลัดเปลี่ยนเข้ามาดูแล ช่วยกับแม่บ้านที่ดูแลบ้านคอยดูแล ปัญหาสำคัญก็คือค่าใช้จ่ายประจำที่เกิดขึ้นทุกวัน...ทุกเดือน ก็ไม่ไหวเหมือนกัน ใหญ่ บอกว่า พี่สาวเคยลั่นวาจาไว้ว่า จะเอาจิ๋มไปดูแลเอง แม่นอมฯก็บอกว่า...“เป็นลูกของแม่ แม่ต้องดู”
ท้ายที่สุดแล้ว พี่ก็ทำตามที่รับปาก จ่ายค่าพยาบาลดูแลให้น้อง แต่น้องยังอยู่กับแม่
ไม่น่าเชื่อว่าผ่านมาเพียง 2 ปี...หลังจากสามี ศิริชัย แดงสุภา เสียชีวิต ม่านบางๆที่ขวางกั้นระหว่างคนในครอบครัวก็กลับแน่นแกร่งดุจกำแพงเหล็กกล้า ไม่มีเงินกงสีธุรกิจกระเด็นเข้ากระเป๋าแม่เพื่อเอามาจับจ่ายใช้สอย แทนที่จะให้แม่ประนอมใช้เดือนละล้าน หรือเดือนละเท่าไหร่...ไหนล่ะ มาทำโทษคุณแม่ทำไม
มีเพียงเศษเงินเล็กๆน้อยๆ...สมัยที่รุ่นคุณพ่อมีขายน้ำมันเก่า กระดาษเก่ารีไซเคิล เก็บเงินอันนี้เอาไว้ฝากเข้าบัญชี “แม่ประนอม” เดือนละ 5 หมื่น...6 หมื่น...7 หมื่นบ้าง ได้บ้างไม่ได้บ้าง
...
หนำซ้ำ...วันหนึ่งกลับมีปัญหาใหญ่ยิ่ง เมื่อมารู้ทีหลังว่า...ธุรกิจ กิจการ ทรัพย์สิน มรดกที่สร้างกันมานั้นถูกยักย้ายถ่ายเท ไม่มีชื่อของตัวเข้าไปมีอำนาจเกี่ยวข้องใดๆได้เลยแม้แต่น้อย
ม่านบางๆระหว่างกัน ยากที่คนนอกครอบครัวจะเข้าใจ ฟังแต่ละฝ่ายอธิบายก็เข้าใจได้ เข้าใจดีเป็นเรื่องดี...คนนอกบ้านมองเข้ามาก็ดูดีไปด้วย อาจกลายเป็นประเด็นดราม่าขึ้นมาได้ แต่ถ้านับสายสัมพันธ์ก็อาจจะงงๆสับสนอยู่ในที นี่... “เรื่องจริง” หรือ “ละครน้ำเน่า”
“แม่”...อยากดูแลลูกพิการด้วยตัวเอง ตั้งหวังอยากให้ลูกมีส่วนแบ่งในมรดกกองโตของตระกูลที่ผู้เป็นพ่อกับแม่ทำงานเหน็ดเหนื่อยเก็บหอมรอมริบร่วมสร้างกันมาทั้งชีวิต
วันเวลาที่เหลือน้อยนิด ไม่รู้จะตายวันตายพรุ่ง...กับหนึ่งชีวิตที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เลย ไม่มีทรัพย์สิน เงินทองติดตัว โชคชะตาฟ้าลิขิต สวรรค์กลั่นแกล้ง...เมื่อไหร่จะหมดเวรหมดกรรมก็ไม่รู้
“น้องจิ๋ม” นี่แหละที่แม่ประนอมยังห่วง หลั่งน้ำตาแถลงข่าวด้วยประโยคที่ว่า... “...แม่ลำบากมาทั้งชีวิต หัวอกคนเป็นแม่...ทำไมทำกับแม่อย่างนี้ นึกว่าไม่มีสามีแล้วจะได้หยุดพัก สมบัติทรัพย์สินอายุขนาดนี้แล้วจะเอาไปทำไม...แต่มันยังไม่ตาย ยังต้องเลี้ยงคนพิการอีก”.