ชาวบ้าน "ชุมชนเตาอิฐ" จังหวัดสงขลา เดินทางมาร้องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ ตรวจสอบกรณี "วัดอุทัยธาราม" ออกโฉนดที่ดินครอบที่ชาวบ้าน พร้อมเรียกเก็บเงินค่าที่อยู่อาศัยย้อนหลังกว่า 30 ปี ขณะที่รองโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับเรื่องไว้ เตรียมตรวจสอบแล้ว
เมื่อเวลา 09.00 น. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายบุญเหลือ สุขปลื้ม ผู้ประสานงานชุมชนเตาอิฐ อ.เมืองสงขลา จ.สงขลา พร้อมชาวบ้านประมาณ 120 คน เดินทางเข้ายื่นเรื่องร้องเรียน ขอความช่วยเหลือต่อดีเอสไอ เนื่องจากชาวบ้านที่อยู่อาศัยกว่า 200 หลังคาเรือน ได้รับความเดือดร้อน ไม่มีที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัย หลังถูกวัดอุทัยธารามฟ้องขับไล่ออกจากที่ดิน ซึ่งใช้เป็นที่อยู่อาศัยมาตั้งแต่ปี 2505 โดยมี พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.ศูนย์บริหารคดีพิเศษ ในฐานะรองโฆษกดีเอสไอ เป็นผู้รับเรื่อง
นายบุญเหลือ กล่าวว่า ชุมชนเตาอิฐ หรือชื่อเดิมคือ ชุมชนท่าสะอ้าน อยู่ในพื้นที่มากว่า 50 ปี ตั้งแต่ปี 2505 โดยเป็นพื้นที่ชายทะเล ซึ่งเป็นที่ดินที่รัฐได้จัดสรรให้ ตั้งแต่สมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ โดยที่ดินดังกล่าว ตั้งอยู่บริเวณด้านหลังวัดอุทัยธาราม กระทั่งต่อมา เทศบาลนครสงขลาต้องการออกโฉนดที่ดินในบริเวณดังกล่าว ซึ่งทางเทศบาลได้ไปออกโฉนดที่ดินครอบยังพื้นที่ของวัดอุทัยธาราม ทางวัดจึงไปฟ้องร้องดำเนินคดี ซึ่งในปี 2541 ทางเทศบาลได้แพ้คดีตามคำพิพากษาฎีกา แต่ต่อมาในปี 2543 ทางวัดได้ออกโฉนดที่ดินครอบที่ดินของชาวบ้าน และอ้างกรรมสิทธิ์การครอบครองว่าที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดินของวัด
"ระหว่างที่มีการออกโฉนดที่ดิน ชาวบ้านก็ไม่รู้ว่ามีการออกโฉนดที่ดิน และไม่เข้าใจว่าพื้นที่ชายทะเลมีการออกโฉนดที่ดินให้กับวัดได้อย่างไร อีกทั้ง วัดยังอ้างกรรมสิทธิ์ และได้เรียกเก็บเงินค่าที่อยู่อาศัยย้อนหลังกว่า 20-30 ปี จึงสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านเป็นจำนวนมาก โดยในวันนี้ จึงมาขอความช่วยเหลือจากดีเอสไอ เพื่อให้ดำเนินการตรวจสอบโฉนดที่ดินดังกล่าวและช่วยเหลือ พร้อมทั้งให้ความเป็นธรรมกับชาวบ้านด้วย" นายบุญเหลือ กล่าว
...
ด้าน พ.ต.ต.วรณัน กล่าวว่า ดีเอสไอจะรับเรื่องดังกล่าวไปตรวจสอบ กรณีการออกโฉนดที่ดินของวัดว่าถูกต้องหรือไม่ รวมถึงเอกสารที่ผู้เสียหายได้ยื่นให้ดีเอสไอในวันนี้ด้วย ทั้งนี้ เราจะประสานหน่วยงานภาครัฐที่ดูแลอยู่ในพื้นที่ด้วย.