ศึกมรดกน้ำพริกเผาไทยแม่ประนอมยังจบยาก ต่างฝ่ายเก็บตัวเงียบ ด้านเพื่อนบ้านเก่าแก่ยืนยัน “นางประนอม” ไม่ขายกิจการทิ้งตามที่พูดๆกัน ขณะที่ “รมต.ปนัดดา” รับลูก สั่งเจ้าหน้าที่ประสานกาวใจ “แม่ประนอม-ลูกสาวคนโต” ด้านโฆษกยุติธรรม แจงเรื่องไปร้องเรียน สำนักงานปลัดฯ คาใจกระบวนการยุติธรรม หากส่งเรื่องมายินดีตรวจสอบให้ทุกกรณี ส่วนที่อ้างถอนฟ้องโดยไม่สมัครใจ ต้องรอการไต่สวนก่อน พร้อมชี้หลักการไกล่เกลี่ย คู่ความทั้งสองฝ่ายจะต้องเต็มใจเข้าสู่กระบวนการ’
ยังคงเป็นเรื่องที่สังคมให้ความสนใจ หลังจากที่นางประนอม แดงสุภา วัย 79 ปี หนึ่งในผู้ก่อตั้งและคิดทำน้ำพริกเผาไทยแม่ประนอมออกมาจนกลายเป็นของกินคู่ครัวไทยมายาวนาน เข้าร้องทุกข์ต่อนายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล ระบุถูกลูกสาวคนโตยึดกิจการน้ำพริกเผาไทย ที่ปัจจุบันประกอบกิจการในชื่อบริษัทพิบูลย์ชัยน้ำพริกเผาไทยแม่ประนอม จำกัด อ้างว่าถูกหลอกให้เซ็นเอกสาร มีการเปลี่ยนแปลงชื่อผู้ถือหุ้น ส่งผลให้ไม่มีอำนาจใดๆในกิจการที่ปลุกปั้นขึ้นมากับมือร่วมกับนายศิริชัย สามีที่ล่วงลับไปแล้ว
ต่อมาเมื่อวันที่ 28 มี.ค. ผู้สื่อข่าวสอบถามไป ทางกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ถึงประเด็นผู้ถือหุ้นดังกล่าว และได้รับการเปิดเผยจาก น.ส.ผ่องพรรณ เจียรวิริยะพันธ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้าว่า จากการตรวจสอบ ข้อมูลการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท พบว่า บริษัทพิบูลย์ชัยน้ำพริกเผาไทยแม่ประนอม จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 22 ก.ย.2524 แจ้งประกอบธุรกิจ ผลิตน้ำพริกเผา น้ำจิ้มต่างๆ ด้วยทุนจดทะเบียน 2 ล้านบาท มีกรรมการ 4 คนได้แก่ นายศิริชัย แดงสุภา นางประนอม แดงสุภา นางศิริพร แดงสุภา และ น.ส. ศิริวัลย์ แดงสุภา นายศิริชัย และนางศิริพรเป็นกรรมการที่มีอำนาจลงรายมือชื่อและประทับตราสำคัญของบริษัท
...
วันที่ 27 ก.ย.2544 ได้มีการเพิ่มทุนจดทะเบียนจากทุนเดิม 2 ล้านบาท เป็น 59 ล้านบาท จำนวน 59,000 หุ้น มีสัดส่วนผู้ถือหุ้น ได้แก่ นายศิริชัย 20,000 หุ้น นางประนอม 18,200 หุ้น นางศิริพร ลูกสาวคนโต 20,000 หุ้น และ น.ส.ศิริวัลย์ ลูกสาวคนรอง 350 หุ้น นายศิริชัยและนางศิริพร ยังเป็นกรรมการที่มีอำนาจลงและประทับตราสำคัญของบริษัท จากนั้น เมื่อวันที่ 18 พ.ย.2552 บริษัทพิบูลย์ชัยน้ำพริกเผาไทยแม่ประนอม จำกัด ได้มีการแจ้งเปลี่ยนกรรมการบริษัทใหม่ มีกรรมการ 5 คน ได้แก่นางศิริพร มีสัดส่วนถือหุ้น 28,000 หุ้น น.ส.อุรชา ภาษาประเทศ มีสัดส่วนถือหุ้น 10,000 หุ้น น.ส.ธนาภรณ์ ภาษาประเทศ มีสัดส่วนถือหุ้น 10,000 หุ้น น.ส.สุรพร ภาษาประเทศ มีสัดส่วนถือหุ้น 10,000 หุ้น และนายสุชาติ ภาษาประเทศ มีสัดส่วนถือหุ้น 1,000 หุ้น มีนางศิริพรเป็นกรรมการที่มีอำนาจลงลายมือชื่อและประทับตราสำคัญของบริษัท เพียงคนเดียว จากนั้นในปี 2559 บริษัทพิบูลย์ชัยน้ำพริกเผาไทยแม่ประนอม จำกัด ได้มีการเพิ่มชื่อกรรมการผู้มีอำนาจลงลายมือชื่อและประทับตราสำคัญบริษัท อีก 2 คน ได้แก่ นางอุรชา พีชาสารานนท์ (ภาษาประเทศ) และ น.ส.ธนาภรณ์ ภาษาประเทศ
น.ส.ผ่องพรรณกล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น เราไม่ได้พบความผิดปกติอะไร เพราะบริษัทได้มีการแจ้งข้อมูลให้กรมทราบอย่างถูกต้อง ส่วนกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นใหม่ตามที่นางประนอมร้องเรียน เรื่องนี้ เป็นปัญหาภายในบริษัท กรมไม่มีอำนาจเข้าไปแทรกแซงกิจการภายในบริษัทเอกชนได้ และหากนางประนอมเห็นว่า การเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นไม่ถูกต้อง ต้องไปฟ้องดำเนินคดีในชั้นศาลเอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เป็นที่น่าสังเกตว่า จากข้อมูลจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทพิบูลย์ชัยน้ำพริกเผาไทยแม่ประนอม ได้มีการถอดชื่อนายศิริชัย-นาง ประนอม สองผู้ก่อตั้งธุรกิจน้ำพริกเผาไทยตราแม่ประนอม รวมทั้ง น.ส.ศิริวัลย์ มาตั้งแต่ปี 2552 แต่ช่วงเวลาระหว่างปี 2552-2556 ยังมีคงมีชื่อนายศิริชัย-นางประนอม เป็นประธานกรรมการบริษัท และรองประธานกรรมการบริษัท ตามงานสังคมต่างๆ มาตลอด
บ่ายวันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นายอธิคม อินทุภูติ เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรมถึงกรณีนางประนอม แดงสุภา ผู้ก่อตั้งธุรกิจน้ำพริกเผาไทยแม่ประนอม ไปร้องทุกข์ว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ในกระบวนการยุติธรรมว่า นางประนอมสามารถยื่นเรื่องร้องเรียนมาที่สำนักงานคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (กต.) ศาลยินดีจะตรวจสอบให้ทุกกรณี ส่วนที่นางประนอมร้องเรียนไปยังสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีแล้วตามขั้นตอน สำนักงานปลัดสำนักนายกฯ จะส่งเรื่องมาที่ กต. โดยตามขั้นตอนแล้วจะตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงหากตรวจสอบแล้วข้อเท็จจริงมีมูลก็จะเสนอเรื่องเข้าที่ประชุม กต.เพื่อพิจารณาทางวินัย ส่วนการจะนำเรื่องเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยหรือไม่ โดยหลักแล้วการไกล่เกลี่ยคู่ความทั้งสองฝ่ายจะต้องเต็มใจเข้าสู่กระบวนการด้วย
ด้านนายสืบพงศ์ ศรีพงศ์กุล โฆษกศาลยุติธรรมกล่าวถึงการนัดพิจารณาคดีของแม่ประนอม และครอบครัวว่า มีคดี 2 ส่วน คือคดีอาญา ที่มีการฟ้องกันต่อศาลจังหวัดนครปฐม นางประนอมเป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนางศิริพร แดงสุภา นายสุชาติ ภาษาประเทศ และนายกำธร ประยูรสตางค์ เป็นจำเลยที่ 1-3 ในคดีหมายเลขดำ 861/2558 ความผิดเกี่ยวกับเอกสาร ฉ้อโกง และความผิดต่อเจ้าพนักงาน คดีนี้ ศาลได้มีคำสั่งวันที่ 16 ก.ย.58 ให้รับฟ้องในส่วนของนางศิริพร จำเลยที่ 1 และนายกำธร จำเลยที่ 3 ส่วนนายสุชาติ จำเลยที่ 2 ศาลยกฟ้องในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง แต่ภายหลังโจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องคดี เบื้องต้น ศาลวินิจฉัยแล้วเห็นว่ามีการมอบอำนาจจากโจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้อง จึงอนุญาตให้ถอนฟ้องคดี ต่อมาโจทก์ได้ยื่นคำร้องใหม่กล่าวอ้างว่าได้ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องโดยไม่สมัครใจ ศาลนัดไต่สวนคำร้องของโจทก์ในวันที่ 4 เม.ย.นี้ ส่วนคดีแพ่งเป็นเรื่องที่นางประนอมและบุตรสาวคนรองยื่นฟ้องนางศิริพรและนายสุชาติ เป็นจำเลยต่อศาล จังหวัดตลิ่งชัน ในคดีหมายเลขดำ 558/2558 เรื่องเพิกถอนนิติกรรม ถือกรรมสิทธิ์แทนโอนคืนทรัพย์ สินต่างๆ รวมมูลค่าความเสียหาย 561,950,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี คดีดังกล่าวศาลเคยนัดให้คู่ความ 2 ฝ่าย เข้าสู่ระบบไกล่เกลี่ยแล้ว แต่ไม่สามารถตกลงกันได้ ศาลนัดพิจารณาคดี ระหว่างนั้นนางประนอม โจทก์ที่ 1 ได้ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องเช่นกัน ภายหลังมีการยื่นคำร้องว่าถอนฟ้องโดยไม่สมัครใจ ศาลนัดไต่สวนคำร้องเช่นกันในวันที่ 11 เม.ย.นี้ ทั้งสองศาลต้องไต่สวนเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงว่าโจทก์ถอนฟ้องโดยไม่สมัครใจตามกล่าวอ้างหรือไม่
...
สำหรับความเคลื่อนไหวของนางประนอม แดงสุภา หลังเปิดแถลงข่าวเคลียร์ประเด็นการเข้าร้องทุกข์ต่อนายกฯ แล้วก็เกิดความเครียดจนล้มป่วยนั้น ตลอดทั้งวันที่ 28 มี.ค.นางประนอมยังคงเก็บตัวพักผ่อน ขณะที่ร้านพีเอส เรสเตอรอง อาหารไทยตำรับแม่ประนอมปิดเงียบ เนื่องจากเป็นวันหยุดประจำสัปดาห์ของร้าน ซึ่งจะปิดร้านทุกวันจันทร์ อย่างไรก็ตาม ผู้ใกล้ชิดนางประนอมคนหนึ่ง กล่าวถึงกรณีที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเปิดเผยข้อมูลว่า นายศิริชัย พร้อมด้วยนางประนอม และ น.ส.ศิริวัลย์ ถูกถอดชื่อจากการเป็นกรรมการบริหารบริษัทมาตั้งแต่ปี 2552 ว่า เรื่องนี้นางประนอมและ น.ส.ศิริวัลย์ รวมถึงคนเก่าแก่ในบริษัท เพิ่งรู้ความจริงในปี 2558 เนื่องจากที่ผ่านมา นายศิริชัย และนางประนอม รักและไว้ใจนางศิริพรมาก ให้ทำหน้าที่เป็นกรรมการผู้จัดการบริษัท และตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา นายศิริชัยในฐานะกรรมการบริษัทไม่เคยเรียกประชุมคณะกรรมการบริหารสักครั้ง เนื่องจากเห็นว่าเป็นธุรกิจในครอบครัว และกรรมการบริหารก็มีแต่พ่อแม่ลูกเท่านั้น นอกจากนี้ สมุดผู้ถือหุ้นของบริษัท ก็อยู่ในความดูแลของกรรมการผู้จัดการบริษัท
“หลังจากนายศิริชัยเสียชีวิต ศาลมีคำสั่งให้นางประนอมเป็นผู้จัดการมรดก ในปี 2557 นางประนอมก็เริ่มให้มีการตรวจสอบทรัพย์สินของนายศิริชัยทั้งหมด เพื่อเตรียมแบ่งมรดกให้กับลูก ก็เริ่มพบว่า ทรัพย์สินกงสีหลายอย่าง โดยเฉพาะที่ดินกว่า 100 แปลง ที่นายศิริชัยซื้อไว้ ถูกโอนไปอยู่ในชื่อนางศิริพรทั้งหมด และเมื่อนางประนอมติดตามทวง ถามเรื่องทรัพย์สินจากนางศิริพร จึงได้ทราบว่ารายชื่อผู้ถือหุ้นถูกเปลี่ยนแปลงไปตั้งแต่ปี 2552 เป็นเหตุให้นางประนอมต้องฟ้องเรียกทรัพย์สินมรดกและสิทธิในหุ้นคืนจากนางศิริพรต่อศาล” คนใกล้ชิดนางประนอมกล่าว
ต่อมา ผู้สื่อข่าวเดินทางบ้านเลขที่ 113/1-2 หมู่บ้านเศรษฐกิจ เขตหนองแขม กทม. ที่ตั้งสำนักและโรงงานเก่าของบริษัทพิบูลย์ชัยน้ำพริกเผาไทยแม่ประนอม จำกัด และเป็นหนึ่งในทรัพย์สินที่ทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างนางประนอมกับนางศิริพร บุตรสาว พบว่าถูกดัดแปลงเป็นหอพัก และที่จอดรถให้เช่ารายเดือนไปแล้ว ขณะที่บรรดาเพื่อนบ้านเก่าแก่ในหมู่บ้านเศรษฐกิจหลายคนต่างแสดงความเป็นห่วงและให้กำลังใจแก่นางประนอม เช่น นายสนิท หมื่นสายญาติ วัย 77 ปี ที่กล่าวว่ารู้จักนางประนอมมาตั้งแต่ปี 2519 นางประนอมเป็นคนดีและมีน้ำใจ ไม่เพียงจะดูแลลูกน้องลูกจ้างในโรงงานเป็นอย่างดี ยังช่วยเหลือคนในหมู่บ้านที่ประสบความเดือดร้อนเป็นประจำ รวมทั้งยังช่วยเหลือพัฒนาชุมชน พัฒนาหมู่บ้านตลอด ดังนั้นตนไม่เชื่อว่า นางประนอมจะคิดทอดทิ้งคนงานในบริษัท ด้วยการขายกิจการทิ้งตามที่มีการพูดกัน เพราะโรงงานนี้ นางประนอมทุ่มเทแรงกายไปเยอะมาก
...
ขณะที่ทางด้านนางศิริพร แดงสุภา บุตรสาวคนโตของนางประนอม ผู้สื่อข่าวโทรศัพท์ติดต่อขอสัมภาษณ์ นางศิริพรบอกเพียงสั้นๆว่า ให้คุยกับทนายของตนเท่านั้น ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า เมื่อติดต่อกับนายทวิชา หวังโภคา ที่ปรึกษาด้านกฎหมายของนางศิริพรผ่านทางโทรศัพท์ เพื่อขอสัมภาษณ์กับเรื่องที่เกิดขึ้น นายทวิชากล่าวเพียงสั้นๆว่า จะไม่ขอให้สัมภาษณ์กับสื่อใดๆทั้งสิ้น เพื่อรอการไต่สวนของศาลจังหวัดนครปฐม เรื่องปลอมแปลงเอกสาร และศาลตลิ่งชัน เรื่องเกี่ยวกับมรดก
อย่างไรก็ดี ตลอดวันในโลกออนไลน์ก็ เริ่มมีแชร์ข้อความแสดงความคิดเห็นอีกด้านหนึ่ง อาทิ จากเฟซบุ๊กหนึ่งอ้างเป็นพนักงานในบริษัทพิบูลย์ชัยน้ำพริกเผาไทยแม่ประนอมฯ โพสต์ทั้งข้อความและภาพในลักษณะให้กำลังใจนางศิริพร ที่ตกเป็นจำเลยสังคมในขณะนี้ พร้อมทั้งยังระบุด้วยว่าวอนให้สังคมหยุดประณามและโจมตีเจ้านาย และท้าให้รอดูว่าเรื่องจริงเป็นอย่างไรในอีกไม่ช้า นอกจากนี้ ยังมีการโพสต์ภาพตนเองและพนักงานกลุ่มใหญ่ยืนถือดอกกุหลาบแดงที่หน้าบริษัท เหมือนเป็นการให้กำลังใจด้วย ขณะที่ก็มีคนใช้อินเตอร์เน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นทั้งบวกและลบเป็นจำนวนมากเช่นกัน
ที่ทำเนียบรัฐบาล เวลา 16.30 น. ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่อาสาเป็นกาวใจให้นางประนอม แดงสุภา ผู้ก่อตั้งธุรกิจน้ำพริกเผาแม่ประนอม กับบุตรสาว ว่าได้รับรายงานเรื่องที่นางประนอมยื่นเรื่องร้องเรียนที่ศูนย์บริการประชาชนขอความเป็นธรรมกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช.แล้ว ทางศูนย์บริการประชาชนมีความยินดีหากจะช่วยพูดคุย แต่เรื่องสำคัญคือเป็นเรื่องระหว่างสมาชิกในครอบครัวเดียวกัน จึงต้องการให้เป็นเรื่องของคุณแม่ประนอมกับบุตรสาวของท่าน ให้ได้ตกลงกันในชั้นต้น แล้วมาพูดคุยกันที่ศูนย์บริการประชาชน เป็นความยินดีหากจะเกิดภาพดังกล่าวขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นทั้งสองคนจะต้องมาด้วยความสมัครใจ ขณะนี้ตนได้ให้เจ้าหน้าที่ประสานงานอยู่ หากมีความคืบหน้าจะได้แจ้งให้ทราบต่อไป
...