"พระหรรษา" เผย เหตุเกิดขึ้นกับ นศ.ป.โท 2 คน เป็นอุทาหรณ์ให้สังคมมากขึ้น ชี้ ตร.ไม่ตรวจแอลกอฮอล์ อ้าง ไม่ได้กลิ่น ทั้งที่ต้องทำเพื่อเป็นหลักฐาน เสมือนละเลยต่อหน้าที่ ผิดม.157 เตือนอย่าบิดเบือนกฎหมายระวังกฎแห่งกรรม
เมื่อวันที่ 17 มี.ค. 59 พระอาจารย์มหาหรรษา ธมมหาโส ผู้อำนวยการหลักสูตรปริญญาโท และปริญญาเอก สาขาสันติศึกษา มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย พระอาจารย์ของนายกฤษณะ ถาวร หรือ โต้ง อายุ 32 ปี และ น.ส.ธันฐภัทร์ ฮ้อแสงชัย หรือ เบนซ์ อายุ 34 ปี เหยื่อรถเบนซ์ พุ่งชนท้ายรถเก๋งจนเสียชีวิตทั้งคู่ เปิดเผยกับไทยรัฐออนไลน์ ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้คนที่ใช้รถอย่าคิดว่าขับรถถูกต้องแล้ว แต่ควรตั้งสติก่อนสตาร์ท โดยรถของลูกศิษย์ทั้งสองอยู่เลนซ้ายกำลังเข้ามหาวิทยาลัย แต่หนุ่มคู่กรณีขับเบนซ์เข้ามาชน ไม่มีสติ ทำให้คนอื่นเสียชีวิต จึงอยากบอกสังคมไทยให้ตั้งสติมากๆ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“ในวันเกิดเหตุได้มีลูกศิษย์มารายงานอาตมาว่า เจ้าหนุ่มขับเบนซ์ดูภายนอกไม่บาดเจ็บ พูดได้แต่พูดไม่รู้เรื่อง อาจจะงงเพราะรถชน หรือมีเรื่องอื่นด้วย ซึ่งตำรวจไม่ตรวจแอลกอฮอล์อ้างว่าไม่ได้กลิ่น ทั้งที่ต้องทำเพื่อเป็นหลักฐาน หรือต้องตรวจหาว่าเสพยามาหรือไม่ เป็นหน้าที่ของตำรวจ ถ้าไม่ทำถือเป็นการละเลยต่อหน้าที่ผิดมาตรา 157 ถือเป็นการเลินเล่อ จนตอนนี้สังคมได้ออกมาตั้งคำถาม เพราะฉะนั้นอย่าไปบิดเบือนกฎหมาย ต้องมีสำนึกความรับผิดชอบ”
พระอาจารย์มหาหรรษา ยังกล่าวว่า ลูกศิษย์ทั้งสองเป็นคนดี ชอบวิปัสสนา จึงชักชวนมาเรียน ซึ่งถือเป็นทรัพยากรของสังคมที่สูญเสียไป จึงไม่ควรทำให้เรื่องนี้เงียบหายไป อีกทั้งขณะนี้สังคมไม่ละเลยคนดีคนเก่ง ซึ่งไม่ใช่คนดีคนเก่งคนใดคนหนึ่ง แต่อยากให้สังคมได้ตื่นขึ้นมาถามในแง่กฎหมายว่าได้ทำครอบคลุมหรือไม่ หรือมีปัญหาเรื่องการใช้กฎหมาย ซึ่งตอนแรกดูเหมือนเงียบไป และเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นการซ้ำเติม เพราะเชื่อว่าเหตุที่เกิดขึ้นทั้งสองฝ่ายไม่มีความสุข รวมถึงหนุ่มขับเบนซ์คู่กรณีก็ไม่มีความสุข เพราะมีภาพตามหลอกหลอน
...
ทั้งนี้ 1. อยากเสนอให้มีการเยียวยาความรู้สึกครอบครัวทั้งสองฝ่าย 2. ในเรื่องกฎหมายว่ามีปัญหาการบังคับใช้ หรือตำรวจให้ความเป็นธรรมหรือไม่ และ 3. กฎแห่งกรรมเป็นเรื่องสำคัญ ไม่อยากให้บิดพลิ้วไปตามเนื้อผ้า ใครทำอะไรก็ได้ตามกรรม อย่าไปบิดเบือนกฎหมาย ต้องมีสำนึกความรับผิดชอบ
“อย่าให้เรื่องคนดีทั้ง 2 คน ต้องจบไป และไม่เฉพาะ ครอบครัวถาวร และ ครอบครัวฮ้อแสงชัย เท่านั้น ที่สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก ไม่เฉพาะครอบครัวสันติศึกษา มหาจุฬาฯ เท่านั้น ที่สูญเสียนิสิตที่ทรงคุณค่า แต่โลกนี้ได้สูญเสียวิศวกรสันติภาพ ที่กำลังออกไปรับใช้สังคมและโลกใบนี้ รู้สึกเสียดายกับการสูญเสียที่เกิดขึ้น เพราะฝ่ายชายกำลังส่งงาน จะรับปริญญาในเดือน พ.ค.นี้ ส่วนฝ่ายหญิงจะไปแสวงบุญที่ประเทศอินเดียในวันที่ 19 มี.ค.นี้”
ส่วนที่ผ่านมาครอบครัวและทนายของฝ่ายคู่กรณี ได้มาร่วมงานศพลูกศิษย์ที่บ้านเกิดฝ่ายชายใน จ.จันทบุรี และงานศพของฝ่ายหญิงใน กทม. แต่หลังจากนี้ไม่ทราบว่า จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ซึ่งอยากย้ำเรื่องกฎแห่งกรรม และอยากให้สังคมต้องมีสติให้มากๆ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง